ใบหน้าของหวังหยุนซีดเผือด ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
คุณภาพของหยกเจ้าแม่กวนอิมนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร ทำไมท่านประธานถึงโกรธขนาดนั้น?
ท่านประธานคงจะโกรธแล้วก็ด่าหวังหรุ่ยไปยกหนึ่ง ไม่งั้นรองประธานหวังคงไม่โกรธจนตบหน้าเธอด้วยความโกรธหรอก
หรือว่า… จะมีเรื่องไม่ดี?
หยกอย่างนี้ก็ไม่ได้ดีนัก หากหยกชนิดนี้ถูกค้นพบจากสุสานโบราณ มันก็คงจะไม่ใช่ของมงคลนัก หากมอบให้เป็นของขวัญก็คงจะทำให้คนขุ่นเคืองใจ
หวังหยุนกระทืบเท้าแรง แอบด่าตัวเองที่สะเพร่า รีบให้ของขวัญเกินไป สุดท้ายก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า
แหล่งที่มาหยกของนั่นต้องมีปัญหาแน่ ๆ !
หวังหยุนยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ขับรถตรงไปที่บ้านตระกูลฉิน เตรียมจะไปโวยวายใส่ฉินจุน ทำไมยังเหลือหยกแย่ ๆ แบบนี้ไว้อีก!
เธอไม่คิดว่าเธอขโมยมา แต่กลับไปโทษหยกของคนอื่นไม่ดี
เมื่อมาถึงบ้านตระกูลฉิน หวังหยุนก็ตะโกนเสียงดัง
“ไอ้แซ่ฉิน ออกมาเดี๋ยวนี้!”
น้าเฝิงรีบออกมา “คุณนายหวัง คุณชายไปโรงพยาบาลแล้วค่ะ”
หวังหยุนแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา หันหลังกลับและรีบบึ่งรถไปที่โรงพยาบาลของฉินจุนทันที
ทันทีที่เธอลงจากรถที่ประตูทางเข้าโรงพยาบาล หวังหยุนก็เริ่มด่า
“ไอ้แซ่ฉิน! แกบ้าหรือเปล่า เอาหยกอัปมงคลมาด้วยน่ะ แกจงใจแกล้งฉันใช่ไหม!”
เมื่อดันประตูเปิดออก หวังหยุนเห็นฉินจุนนั่งอยู่ข้างใน เธอกัดฟันด้วยความโกรธ
“ไอ้แซ่ฉิน! แกอธิบายมาให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้นะว่าจี้หยกนั้นแกเอามาจากไหนกันแน่!”
ฉินจุนเหลือบมองเธออย่างเย็นชา “จะเอามาจากไหนมันเกี่ยวอะไรกับคุณ? ขโมยของของผมไปแล้วยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ?”
หวังหยุนแค่นหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “ขโมย? แกเอาอะไรไปจากตระกูลจู้ของฉันบ้าง ใช้เงินของลูกสาวของฉันไปตั้งเท่าไหร่? ฉันเอาของของแกไปแค่นี้มันจะทำไม ทำไมแกไม่บอกตั้งแต่แรกว่าหยกนั่นมีปัญหา? แกรู้ไหมว่าฉันเอาไปมอบให้เป็นของขวัญ ไม่เพียงแค่ไม่ได้ทำให้คนอื่นพอใจ แต่ยังถูกตบหน้าอีก!”
ความเจ็บแปลบบนใบหน้าของเธอยิ่งทำให้หวังหยุนโกรธมากขึ้น และเธอก็โกรธเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่แยแสของฉินจุน
“ตอนนี้ตระกูลของแกไม่มีใครอยู่แล้ว ไม่มีใครสั่งสอนแกเลยใช่ไหม? ถ้าวันนี้ฉันไม่จัดการแก แกก็คงคิดว่าตัวเองเป็นคุณชายใหญ่อยู่สินะ!”
หวังหยุนโกรธมาก แม้ว่าเธอจะเสียเปรียบเห็น ๆ แต่เธอก็ยังต้องการหาที่จะระบาย ฉินจุนเป็นตัวต้นเหตุ ถ้าไม่มาลงที่เขาก็คงจะไม่หายโมโหแน่ ๆ
หวังหยุนก้าวไปข้างหน้า และง้างฝ่ามือตบเขาทันที
แต่ทว่าทันทีที่หวังหยุนยกมือขึ้น เจิ้งผิงหลงที่ยืนอยู่ข้างเขาก็ชิงลงมือก่อน
เจิ้งผิงหลงเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลฉี เขาแข็งแกร่งมาก ในแง่ของความเร็ว แค่ผู้หญิงคนเดียวจะไปสู้อะไรเขาได้
เพียะ!
เจิ้งผิงหลงตบหน้าหวังหยุนก่อน
รอยนิ้วมือทั้งห้าปรากฏขึ้นที่อีกด้านหนึ่งของใบหน้าของหวังหยุน เป็นสีแดงระเรื่อ
หวังหยุนถูกตบจนเซถอยหลังไปหลายก้าว เธอกุมหน้าตัวเองไว้ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
“ตบฉันเหรอ? พวกแกกล้าตบฉันเหรอ! ไอ้แซ่ฉินแกกล้ามากนะที่ให้คนมาตบฉัน!”
เจิ้งผิงหลงเดินเข้ามาหาทีละก้าว และพูดอย่างเย็นชา
“ฉันเป็นรปภ. ของโรงพยาบาล ถ้ายังวุ่นวายก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ”
ด้วยรัศมีอันน่าเกรงขามบนร่างของเจิ้งผิงหลง หวังหยุนก็ถอยหลังออกไปอย่างห้ามไม่ได้ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ดี พวกแกทำได้ดี ฉันจะจำพวกแกไว้!”
หลังจากพูดจบหวังหยุนก็กุมใบหน้าของตัวเองไว้ และรีบออกจากโรงพยาบาลไปด้วยความตื่นตระหนก
เมื่อเธอกลับบ้าน หวังหยุนก็ปรีี๊ดแตก เธอทำลายข้าวของในบ้านกระจัดกระจายเต็มพื้น
เมื่อจู้หลินหลินออกมา เธอรู้สึกงุนงงเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าทั้งสองข้างของหวังหยุนบวมเป่ง
“แม่ เป็นอะไร!”
ใบหน้าของหวังหยุนแดงจัดด้วยความโกรธ เธอเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างเมื่อกี้อีกรอบ
ใบหน้าของจู้หลินหลินบูดเบี้ยว “แม่ทำไมทำแบบนี้เนี่ย แม่ไปขโมยของของพี่เสี่ยวจุนได้ยังไง!”
หวังหยุนแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา “ขโมยที่ไหน! จี้เก่า ๆ นั่นเป็นของฌบราณหนึ่งในหมื่นชิ้นเท่านั้นแหละ ทีเขายังเอาของจากบ้านเราไปก็ไม่น้อยเลยไม่ใช่เหรอ! ฉันเอาแค่จี้หยกของเขามาแล้วจะทำไม ?”
จู้หลินหลินพูดไม่ออก “แม่นี่ก็กล้าหาเหตุผลมาพูดเนอะ”
ขโมยของของคนอื่น แล้วยังกล้าไปว่าคนอื่นถึงบ้านอีก มันก็สมควรที่จะถูกตบ แม้ว่าจะเป็นแม่ของเธอ จู้หลินหลินก็ไม่สามารถเข้าข้างเธอได้
หวังหยุนโกรธมาก ชี้ไปที่จู้หลินหลินและก่นด่า
“อีเด็กบ้าอย่าคิดว่าชีวิตแกจะดีนะ เดี๋ยวย่าแกก็จะกลับมาจากต่างประเทศแล้ว เกรงว่าครอบครัวเราจะไม่สบายอีกต่อไปแล้วล่ะ”
ตระกูลจู้เป็นตระกูลที่ปกครองโดยผู้มีอายุ ผู้หญิงแข็งแกร่งกว่าผู้ชาย
ในอดีตคุณปู่จู้จู้ซานเตา และภรรยาของเขาโอวหยางเยี่ยนเยี่ยนได้เริ่มทำธุรกิจมาด้วยกัน แม้ว่าคุณปู่จู้จะเป็นคนที่เก่งมากอยู่แล้ว แต่คุณย่าโอวหยางก็ยังมีความสามารถมากกว่า
ตระกูลจู้กรุ๊ปเป็นที่รู้จักกันดีในอุตสาหกรรมยาในประเทศ แต่อุตสาหกรรมของคุณย่าโอวหยางมีอิทธิพลอย่างมากในต่างประเทศประเทศ
จริง ๆ แล้วในตระกูลจู้คุณย่าโอวหยางเป็นผู้มีสิทธิ์เด็ดขาดที่สุด
และครอบครัวจู้หมิงก็รอให้คุณย่ากลับมาเช่นกัน เพราะเธอมักจะชอบเข้าข้างครอบครัวของเขามากที่สุด ตราบใดที่คุณย่ากลับมากุมอำนาจทั้งหมด พวกเขาก็จะได้สถานะเดิมของพวกเขากลับมา!
จู้หลินหลินขมวดคิ้ว “คุณย่าก็เป็นคนมีเหตุผลนะคะ ตอนนี้ในสถานการณ์ของตระกูลเราก็มีจู้หมิงเป็นคนจัดการ อย่าทำให้หนูต้องลำบากใจเลย เอาล่ะแม่ไม่ต้องพูดแล้ว หนูไปแล้วนะ ”
จู้หลินหลินได้รับแจ้งเตือนเรื่องงานปาร์ตี้ เมื่อไม่กี่วันก่อนเธอถูกดึงเข้ากลุ่มที่ชื่อว่าคุณหนูไฮโซตงไห่
ในนั้นต่างก็เป็นพวกคุณหนูไฮโซร่ำรวยของตงไห่ เคยเจอกันบางครั้งเมื่อตอนอายุสิบกว่า ระหว่างครอบครัวบางครอบครัวในกลุ่มอาจเคยเป็นดองกันมาแล้ว
แต่หลังจากผ่านไปหลายปี ทุกคนต่างก็เติบโตขึ้นโดยไม่มีการรวมตัวกันเลย ดังนั้นครั้งนี้มีคนสร้างงานเลี้ยงรวมตัวกันขึั้นมา
เดิมทีจู้หลินหลินไม่ได้อยากไปร่วมงานนี้ แต่เนื่องจากในกลุ่มมีตัวแทนอสังหาริมทรัพย์อยู่หลายคน ช่วงนี้จู้หลินหลินวางแผนที่จะซื้ออาคารเพื่อใช้เป็นอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของบริษัทยาเหวินเหออ ดังนั้นงานเลี้ยงครั้งนี้เธอสามารถไปเพื่อเจรจาธุรกิจได้
จู้หลินหลินเหลือบมองไปในกลุ่ม และดูเหมือนว่าจะไม่มีฉินจุน ดังนั้นเธอจึงดึงฉินจุนเข้ามาด้วย
‘จู้หลินหลินเชิญฉินจุนเข้าร่วมกลุ่ม’
ทันทีที่ข้อความนี้แจ้งเตือนขึ้นมาหลายคนก็เริ่มพูดคุยกันในกลุ่ม
“โอ้ นี่ไม่ใช่คุณชายฉินเหรอ? เราไม่ได้เจอกันน่าจะสองหรือสามปีแล้วนะ แต่กับคุณชายฉินเราน่าจะไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบปีแล้วมั้ง?”
“คุณชายฉิน? ตอนนี้ยังเรียกแบบนี้ได้เหรอ ตระกูลฉินไม่มีแล้ว เขาก็เป็นแค่คนธรรมดา”
“ฉันได้ยินมาสักพักแล้ว จุนฉินคนนี้น่าจะเป็นหมอใช่ไหม? ฮ่า ๆ จากคุณชายผู้สูงส่งกลายเป็นคนธรรมดาไปแล้ว เขายังคงมีสิทธิ์อยู่ในกลุ่มของเราอีกเหรอ?”
“ฉันว่างานเลี้ยงเราไม่ต้องให้เขาไปหรอก เขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมด้วยซ้ำ”
“อืม เตะออกจากกลุ่มเลย”
แอดมินเตะฉินจุนออกจากกลุ่มกลุ่มคุณหนูไฮโซ
จู้หลินหลินยังไม่เห็นสิ่งนี้ มันแจ้งเตือนเธอค่อนข้างช้า ดังนั้นหลังจากที่เธอคุยกับคนอื่น ๆ แล้วเธอก็ขับรถไปที่ชานเมืองเลย
สถานที่ที่พวกเขาจองเป็นบ้านไร่ในแถบชานเมือง คุณหนูเหล่านี้ชอบที่ที่ในแถบชนบทแบบนี้