นี่ไม่ใช่การถามไถ่อาการป่วยในบ้าน ที่นี่คือโรงพยาบาล ต่อหน้าญาติคนไข้จะมาพูดมั่ว ๆ ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาต้องรับผิดชอบ
ถึงแม้ว่าเรื่องวันนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของหลินหลินเยวี่ยเหยากับฉินจุนดีขึ้นมาก แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าหลินเยวี่ยเหยาจะยอมรับในความสามารถด้านการแพทย์ของฉินจุน
เขาก็แค่คนที่เกิดและโตจากชนบท ไม่ได้รับการศึกษาตามระบบ เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ฉุกเฉินประเภทนี้ไม่มีทางที่จะสามารถวินิจฉัยได้อย่างถูกต้อง
ถ้าหากว่าทำให้ญาติผู้ป่วยไม่พอใจขึ้นมาจะแย่เอา
เป็นดังคาดพ่อของเด็กถลึงตาใส่ฉินจุน “คุณเป็นใคร?หมอจากแผนกไหน?ทำไมไม่สวมแม้แต่เสื้อกาวน์?”
หลินเยวี่ยเหยารีบเข้าไปไกล่เกลี่ย “พอแล้วค่ะรีบเริ่มกันเถอะ ญาติผู้ป่วยรีบดำเนินเรื่องเถอะค่ะ”
หลังจากเข็นเตียงเข้าห้องฉุกเฉิน ก็เริ่มทำการล้างท้องทันที หลังจากทำการส่องกล้องเข้าไปในกระเพาะ ทันใดนั้นสีหน้าของเด็กสาวก็เริ่มม่วงขึ้น พริบตาเดียวก็หยุดลมหายใจ ใบหน้าของเธอเริ่มออกอาการหายใจไม่ออก ใกล้จะหมดลมหายใจเต็มที
หลินเยวี่ยเหยาตกใจมากช็อกไปหมด เธอไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลย
สีหน้าของพ่อเด็กก็เปลี่ยนไปทันที
“ยัยหมอปลอม!ตกลงเธอรักษาลูกฉันได้ไหม เมื่อกี้ลูกฉันแค่ปวดท้อง ตอนนี้ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้!”
หลินเยวี่ยเหยาออกอาการตื่นตระหนก รีบเอาท่อส่องกล้องออกเตรียมจะทำการกู้ชีพ
ทันใดนั้นฉินจุนก็เดินเข้ามาดึงมือของหลินเยวี่ยเหยาเอาไว้พร้อมเอง “ฉันจัดการเอง”
หลินเยวี่ยเหยาขมวดคิ้ว “พี่อย่าวุ่นวาย!”
ฉินจุนไม่ได้สนใจเธอ เขาเดินเข้าไปที่ด้านข้างของเด็กสาว จับที่เท้าด้านซ้ายของเด็กน้อย ใช้สองนิ้วกดเข้าไปที่ฝ่าเท้า
ทันใดนั้น ก็เหมือนมีแสงสว่าง สาวน้อยก็เริ่มหอบหายใจออกมา แต่ว่ายังคงหลับตาทั้งสองข้างอยู่ ยังอยู่ในท่าทางสลบ
พ่อของเด็กที่กำลังจะอาละวาด พอเห็นว่าลูกสาวเหมือนจะดีขึ้น ก็หยุดชะงักปล่อยให้ฉินจุนทำการกู้ชีพ
ฉินจุนใช้มือทั้งสองข้างเคาะกดจุดฝังเข็มที่ด้านล่างของเท้าของเด็กน้อย หลังจากกดไปไม่กี่ที เด็กสาวก็กลับมาหายใจได้อย่างปกติ เด็กน้อยลืมตาขึ้นมา มองไปที่ฉินจุนด้วยดวงตาใสแป๋ว
ฉินจุนเดินไปข้างหน้าคลึงจุดฝังเข็มบนหัวของเธอเบา ๆ
สาวน้อยจึงเอ่ยเบา ๆ ว่า “คุณอา หนูเจ็บ……”
ฉินจุนมองเด็กน้อยด้วยแววตาอ่อนโยน “หนูไม่ต้องกลัวนะ อากำลังรักษาให้หนู”
พูดจบฉินจุนก็ใช้มือซ้ายกดจุดฝังเข็มบนกระหม่อมของเด็กน้อย มือขวาก็นวดที่บริเวณกระเพาะของเธอ
ไม่กี่นาทีต่อมา สีหน้าเจ็บปวดของเด็กน้อยก็หายไป แปรเปลี่ยนเป็นการหายใจคงที่ และผล็อยหลับไป
ฉินจุนปล่อยมือพร้อมเอ่ย “กุมารเวชกรรมกับอายุรกรรมยังมีความแตกต่างกันบ้าง เด็กน้อยคนนี้ไม่ได้มีอาการจุกเสียดปวดกระเพาะ แต่มีปัญหาที่ตับอ่อน เด็กน่าจะกินอะไรที่ไม่ควรเข้าไป เดี๋ยวผมจะฝังเข็มให้ก็ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว”
ตามหลักเหตุผลแล้ว ฉินจุนเพิ่งช่วยชีวิตเด็ก พ่อแม่คนขอบคุณเขาถึงจะถูก แต่ทว่าพ่อของเด็ก กลับอุ้มเด็กขึ้นมาแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา
“ใครจะกล้าให้พวกนายรักษาอีก?เมื่อกี้เกือบทำลูกฉันตาย พวกนายมันหมอปลอมไร้ประสิทธิภาพ ถ้าหากว่าลูกฉันเป็นอะไรไป คอยดูฉันจะมาจัดการพวกนาย!”
พูดจบ พ่อของเด็กก็อุ้มลูกกลับออกไปทันที
หลินเยวี่ยเหยาถอนหายใจออกมายาว ๆ อย่างโล่งอก ฉากเมื่อกี้ทำเอาเธอตกใจช็อกไปเลย ถ้าหากว่าเด็กน้อยหายใจไม่ออกขึ้นมา มันถึงชีวิตเชียวนะ แต่ว่าเธอกลับถลึงตาใส่ฉินจุน
“นี่พี่ พี่ประมาทเกินไปนะ เหตุการณ์ฉุกเฉินแบบเมื่อครู่นี้ ฝีมือบ้าน ๆ แบบนี้กล้ายื่นมือเข้ามาได้ยังไง?ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา พี่ต้องเป็นคนรับผิดชอบนะ!”
ญาติคนไข้ทั้งสองเมื่อกี้ดูจากการแต่งตัวก็รู้ว่าไม่ธรรมดา ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา คงไม่ดีแน่ ๆ
ฉินจุนส่ายหัวอย่างจนปัญญา “วางใจเถอะ ถ้าหากเด็กเป็นอะไรขึ้นมา พวกเขากลับมาแน่”
เคสฉุกเฉินวันนี้น่าหวาดเสียวมาก หลินเยวี่ยเหยารีบเขียนรายงาน ส่วนฉินจุนก็รอเธออยู่ในห้องทำงาน รอเสร็จสิ้นแล้วค่อยส่งเธอกลับบ้าน
……
พอพ่อแม่ของเด็กน้อยออกมาจากโรงพยาบาล ก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเด็กข้าง ๆ “คุณหมอลูกของผมปวดท้อง รีบมาช่วยเร็วครับ!”
คุณหมอพอเห็นชายคนนี้ก็ตกใจทันที “ท่านประธานอู๋?คุณคือท่านประธานอู๋?”
อู๋เทียนพยักหน้า “ครับผมเอง รีบดูอาการลูกสาวผมเถอะ เมื่อกี้ที่โรงพยาบาลข้าง ๆ ให้หมอไม่ได้เรื่องมาตรวจเกือบทำลูกผมตาย!”
พอเห็นว่าเป็นท่านประธานอู๋ก็ไม่มีใครกล้ารีรอ ผู้เชี่ยวชาญทั้งโรงพยาบาลต่างพากันมาดูอาการ
ขณะนี้คุณปู่อู๋เองก็ตามมาถึงโรงพยาบาลแล้ว เห็นเด็กน้อยปกติดีไม่เป็นอะไร เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เด็กน้อยคนนี้เป็นดั่งชีวิตของคนในตระกูล ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเธอคงจบกัน
ขณะที่ทุกคนกำลังปรึกษาอาการกัน ทันใดนั้นเด็กหญิงก็ร้องออกมา สีหน้าเจ็บปวดมาก ๆ ใบหน้ายับยู่ยี่ มือน้อย ๆ ทั้งสองข้างกุมอยู่ที่ท้อง ใบหน้าซีดเผือด
“เกิดอะไรขึ้น!เถียนเถียน!เถียนเถียนไม่เป็นอะไรนะลูก!”
ครอบครัวต่างพากันตื่นตระหนกตกใจ ล้อมรอบเด็กน้อยด้วยสีหน้าไม่ย่ำแย่
เถียนเถียนร้องไปพูดไป “หนูจะให้คุณอารักษา……หนูจะให้คุณอารักษา……”
คุณปู่อู๋เองก็ร้อนใจ “หมอผู้เชี่ยวชาญล่ะ รีบทำอะไรสักอย่างสิ!”
หมอผู้เชี่ยวชาญต่างวิ่งเข้ามากอดเด็กน้อยไว้แล้วทำการตรวจ แต่ตรวจอย่างไรก็ไม่พบปัญหา กระเพาะของเด็กไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด พวกเขาไม่รู้ว่าตรงไหนที่มีปัญหากันแน่
อีกอย่างเถียนเถียนยังเด็กมาก ยังไม่ค่อยรู้อะไรมา ไม่สามารถบอกอาการป่วยออกมาได้อย่างละเอียดชัดเจน
เหล่าผู้เชี่ยวชาญต่างพากันส่ายหน้า “ท่านประธานอู๋ครับ อาการป่วยนี้พวกเราเองก็ไม่มีวิธีจริง ๆ พวกคุณย้ายโรงพยาบาลดีกว่าครับ”
บุคคลที่อยู่ตรงหน้าเป็นถึงคนใหญ่คนโต ถ้าหากทำการรักษาอย่างไม่ระมัดระวังเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา พวกเขาต้องรับผิดชอบอย่างหนักแน่ ๆ
คุณปู่อู๋อาละวาดขึ้นมาทันที “พวกนายทำอาชีพอะไรกัน มาย้ายโรงพยาบาลตอนนี้มันทันหรือยังไง ทำไมกับอิเแค่อาการป่วยถึงยังดูไม่ออกว่าเป็นอะไร?!”
เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เดิมเป็นโรคที่รักษาไม่หาย และก็เป็นโรคที่รักษาไม่หายในเด็กด้วย มันยิ่งยากขึ้นไปอีก อาการป่วยเกิดขึ้นกะทันหันจนไม่มีใครกล้ารักษา
เด็กน้อยเริ่มร้องไห้หนักขึ้น ร้องว่าจะให้คุณอารักษาไม่หยุด แต่ทว่าเหล่าคุณหมอก็ไม่สามารถช่วยได้
ทันใดนั้นแม่ของเถียนเถียนก็เอ่ยขึ้นมา
“ฉันรู้แล้ว!คุณอาที่เถียนเถียนหมายถึง คือชายวัยรุ่นที่กดจุดฝังเข็มคนนั้น!”
คุณปู่อู๋ขมวดคิ้ว “ชายวัยรุ่นที่กดจุดฝังเข็มอะไรกัน?”
อู๋เทียนลุกขึ้นยืน จำใจต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ออกมา ทันใดนั้นคุณปู่อู๋ก็โมโหทันที
“ไอ้เวร!ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าดูถูกคนอื่น เห็นชัด ๆ ว่าเด็กหนุ่มนั่นเป็นหมอเทพ เขาอุตส่าห์รักษาเถียนเถียนให้หายแล้ว แกกลับไปด่าเขา!ตอนนี้รีบไปที่โรงพยาบาลข้าง ๆ เชิญคุณหมอเทพคนนั้นมาที่นี่!”
“ช่างเถอะ ฉันไปเอง!”
พูดไปคุณปู่อู๋ก็ก้าวขายาว ๆ ออกไป โชคดีที่สองโรงพยาบาลนี้อยู่ไม่ไกลกันมาก คุณปู่อู๋เดินค่อนข้างเร็ว มีอู๋เทียนและเลขาผู้ช่วยอีกคนตามมาด้วย ไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาล
ขณะนั้นเองหลินเยวี่ยเหยากำลังถูกคุณหมอหลี่จากแผนกกุมารเวชกรรมต่อว่า
“คุณหมอหลิน คุณกล้าดียังไง นั่นมันเป็นคนไข้แผนกเด็กของผม ทำไมคุณถึงกล้ารับ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นมา คุณต้องรับผิดชอบหรือผมต้องรับผิดชอบ?”
หลินเยวี่ยเหยาเองก็เอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดี “คุณหมายความว่าต่อให้เห็นคนกำลังจะตายก็ไม่ต้องช่วยงั้นเหรอคะ ให้ฉันมองดูเด็กเจ็บปวดทรมานแบบนั้นหรือไง?”