ในสายตาของหลินเยวี่ยเหยา ฉินจุนจะต้องพูดหลอกลวงอะไรคนพวกนั้นแน่ ๆ ถึงทำให้คนพวกนั้นเลื่อมใสศรัทธา ไม่อย่างนั้นกับอิแค่ทักษะทางการแพทย์อันน้อยนิดของเขา จะทำให้คนมากมายขนาดนี้ฟังเขาโม้ได้ยังไง?
แต่ว่าในสถานการณ์แบบนี้ หลินเยวี่ยเหยาจะไม่เข้าไปฉีกหน้าเขาแน่นอน เธอเพียงยืนฝั่งเงียบ ๆ อยู่ด้านข้าง
ฉินจุนพูดไปประมาณหนึ่ง คุณหมอที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยถาม
“ท่านหมอเทพ คุณอายุเพียงเท่านี้ ทำไมถึงได้มีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ขนาดนี้ครับ?”
ฉินจุนครุ่นคิด ก่อนจะชี้ไปที่หลินเยวี่ยเหยาที่อยู่ด้านข้าง
“นี่คือลูกพี่ลูกน้องของผม เธอเป็นรองผู้อำนวยการที่โรงพยาบาลเพื่อประชาชนที่อยู่ด้านข้าง ผมมักจะพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับเธอบ่อย ๆ ”
“ว้าว!”
การแนะนำตัวนี้ ก็ทำเอาทุกคนส่งสายตาชื่นชมมาที่เธอทันที พร้อมกับเดินเข้ามาทักทายทำความรู้จัก
เดิมทีทั้งสองโรงพยาบาลก็เรียนรู้ซึ่งกันและกันอยู่แล้ว พอได้ยินว่าหลินเยวี่ยเหยามีความเชี่ยวชาญระดับสูงขนาดนี้ ทุกคนก็ต่างไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะเข้ามาทำความรู้จักขอช่องทางติดต่อ บอกว่าจะได้ติดต่อกันมากขึ้นในอนาคต
หลินเยวี่ยเหยารู้สึกปลาบปลื้มเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็แค่เพียงเพิ่มเพื่อนทีละคน จากนั้นก็ทักทายกันนิดหน่อยพอเป็นพิธีแล้วก็บอกลา
พอออกมาจากโรงพยาบาล หลินเยวี่ยเหยาก็ขมวดคิ้วเอ่ยถาม
“พี่กล้ามากเลยนะ ทำไมไม่ว่าโรคอะไรพี่ก็กล้ารักษา พี่รู้ไหมว่าคุณปู่อู๋นั่นเป็นใคร?”
“เขาชื่อว่าอู๋อิงจัว เขาเป็นเจ้าของธุรกิจขายโบราณที่ใหญ่ที่สุดในตงไห่ มีอำนาจมีอิทธิพล มีแบ็กอัพเยอะมาก ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา พี่จะรับผิดชอบไหวไหม!”
ทำธุรกิจขายของโบราณต้องมีแบ็กอัพอยู่แล้ว อู๋อิงจัวจะต้องเป็นคนใหญ่คนโตแน่นอน
ฉินจุนยิ้มพร้อมกับเอ่ย “ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่”
หลินเยวี่ยเหยากลอกตามองบน “นี่พี่ก็แค่ฟลุ๊คเท่านั้นแหละ พูดมาเลย พี่หลอกอะไรพวกเขาไป?เด็กผู้หญิงคนนั้นพี่รักษาได้จริง ๆ เหรอ?”
ฉินจุนพยักหน้า
หลินเยวี่ยเหยาไม่เชื่อ “ทักษะการแพทย์ของพี่เก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?”
พอเห็นสายตาไม่เชื่อของหลินเยวี่ยเหยานั้น ฉินจุนเองก็จนปัญญาที่จะพูด จึงส่ายหน้าแล้วเอ่ย “ฉันเคยอ่านตำราสมุนไพรพื้นบ้านในหนังสือโบราณแล้วมันตรงกับอาการนี้พอดี”
ตอนนั้นหลินเยวี่ยเหยาถึงพยักหน้า คำอธิบายนี้พอดูสมเหตุสมผลหน่อย ต้องเป็นเพราะโชคช่วย และโรคที่รักษาไม่หายได้พบวิธีการรักษาอย่างพื้นบ้าน ไม่อย่างนั้นขนาดว่าเธอที่เป็นถึงรองผู้อำนวยการยังรักษาไม่ได้แล้วฉินจุนจะรักษาได้ยังไง?
“กลับไปเอาหนังสือเล่มนั้นมาให้ฉันยืมอ่านด้วยนะ”
“อืม ก็ได้” ความจริงแล้วมันไม่มีหนังสือเล่มนั้นอยู่จริง ทักษะการแพทย์ของฉินจุนนั้นได้มาจากท่านอาจารย์ซวนหยวนที่ถ่ายทอดวิชามาให้เขาจดจำมันไว้ในสมอง แต่ว่าในเมื่อหลินเยวี่ยเหยาอยากจะเรียนรู้ เขาจะเขียนให้เป็นหนังสือสักเล่มแก่เธอแล้วกัน
พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น นอกจากหลินเยวี่ยเหยาจะไม่โดนลงโทษอะไร ในทางกลับกันหลินเยวี่ยเหยายังได้รับการยอมรับจากหมอผู้เชี่ยวชาญทุกคนจากโรงพยาบาลเป็นข้าง ๆ หลังเกิดเรื่องตระกูลอู่จะมอบธงเกียรติยศให้เธออีกด้วย ทำให้หลินเยวี่ยเหยาโด่งดังในวงการแพทย์ทันที
เรื่องทางนี้ของฉินจุนก็จบไป
“พี่เสี่ยวจุน พี่อยู่ที่ไหนคะ มาที่เมืองโบราณฮว๋าเหลียนหน่อยได้ไหม!”
ฉินจุนชะงักไปครู่หนึ่ง “ได้ เดี๋ยวพี่ไปตอนนี้เลย เกิดอะไรขึ้น?”
“มันพูดลำบาก พี่รีบมาที่นี่ก่อนเถอะค่ะ!”
ฟังจากน้ำเสียงของจู้หลินหลินดูเหมือนจะร้อนใจมาก ฉินจุนเองก็ไม่มัวเสียเวลา รีบเรียกรถไปทันที
เมืองโบราณฮว๋าเหลียนแห่งนี้ เป็นเมืองโบราณที่ใหญ่ที่สุดในมณฑล มีพื้นที่กว้างใหญ่มาก ๆ เทียบเท่ากับห้างใหญ่ ๆ หลาย ๆ ห้างมารวมกัน
ขายตั้งแต่ลูกวอลนัทที่แกะสลักด้วยมืออันเล็ก ๆ ไปจนถึงหม้อทองแดงขนาดใหญ่ ที่นี่มีครบหมดทุกอย่าง
ตลาดของโบราณของเมืองอื่น ๆ เป็นของปลอมเกือบจะทั้งหมด โดยเฉพาะพวกเมืองท่องเที่ยวพวกนั้น แทบจะไม่มีอะไรที่เป็นของจริง
แต่ที่นี่ไม่เหมือนกับที่อื่น ที่ตลาดนัดเมืองโบราณฮว๋าเหลียนแห่งนี้ มีสินค้ามากมายและคนจำนวนมาก ถ้าหากมีการจัดอันดับ ที่นี่ก็ถือว่าเป็นสถานที่ที่สามารถซื้อของดี ๆ ได้ในราคาถูก
ร้านค้าที่นี่หลาย ๆ ร้านมีของแท้จำนวนมาก เพียงแต่ว่าของแท้จะราคาซื้อค่อนข้างแพง ราคาไม่ค่อยต่างกับในท้องตลาด ต่อให้ซื้อมาได้ก็ไม่ได้ได้กำไร มากสุดก็แค่เก็บเอาไว้สะสม
เหล่าพ่อค้าแม่ค้าก็ขายทั้งของแท้ของปลอมผสมปนเปกันไป เพราะฉะนั้นก็ยากหน่อยที่มือสมัครเล่นจะได้กำไรจากที่นี่
แต่ว่าพวกมืออาชีพที่ชอบมาเดินที่นี่ ก็จะค่อนข้างมีเปอร์เซ็นต์ที่จะสามารถซื้อของแท้ได้ในราคาที่ถูก อันนี้ตอนขึ้นอยู่กับระดับความสามารถของแต่ละคนแล้ว
ตอนที่ฉินจุนติดตามเย่ซวนหยวน เขาเองก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุโบราณพวกนี้ ท่านอาจารย์เองก็เป็นคนชอบเล่นของเก่า เพราะฉะนั้นพอได้ดูได้เห็นบ่อย ๆ เข้า ก็ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญก็ว่าได้
พอฉินจุนมาถึงที่ตลาดเมืองโบราณ เห็นกลุ่มคนกำลังมุงอยู่ที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง เหมือนกับกำลังมีเหตุการณ์อะไรอยู่ ฉินจุนมองเข้าไปในช่องว่าง เหมือนว่าจะเป็นจู้หลินหลินกับหวังหยุน
เขาต้องใช้กำลังมหาศาลกว่าจะแทรกเข้ามาได้ เห็นแค่หวังหยุนกำลังถือแจกันดอกไม้ใบหนึ่งกำลังเถียงอยู่กับชายหน้าตาเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง
“นี่นายหมายความว่าอะไร ฉันจ่ายเงินแล้ว แต่ดันเอาของปลอมมาให้ฉัน ?แบบนี้ไม่เรียกว่าหลอกคนอื่นหรือไง?!”
เจ้าของร้านหัวเราะอย่างสมเพช “นี่พี่สาว อย่ามาพูดอะไรมั่ว ๆ ตอนที่คุณซื้อผมไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเป็นเครื่องเคลือบลายครามยุคโบราณ คุณเป็นคนดูเองทั้งนั้น ผมไปหลอกตอนไหน?”
“นาย!”
ลูกค้าคนอื่น ๆ ที่มองดูอยู่ด้านข้างเองก็เห็นว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ
เจ้าของร้านไม่ได้บอกเลยว่าตัวขายเครื่องเคลือบลายครามยุคโบราณ บอกแค่เป็นแจกันดอกไม้ธรรมดา หวังหยุนต่างหากที่เป็นคนพูดว่านี่เป็นแจกันดอกไม้ในสมัยราชวงศ์หมิง ดังนั้นเธอจึงเป็นคนเสนอราคาหนึ่งล้านหยวนเอง
ราคาหนึ่งล้านบาทถือว่าถูกมากแล้ว ถ้าหากว่ามันเป็นแจกันดอกไม้สมัยราชวงศ์หมิงจริง ๆ อีกอย่างถ้าเป็นของราชวงศ์จริง ๆ แบบนั้นก็ขายราคาถูกมาก ถ้าได้มาอยู่ในมืออย่างน้อยต้องได้อัพราคาขึ้นมากกว่าห้าเท่า
ดังนั้นหวังหยุนเห็นว่าแจกันใบนี้คุ้มค่า เธอไม่ได้คิดอะไรมาก ควักเงินจ่ายทันที
ถึงแม้ว่าเงินหนึ่งล้านจะไม่น้อย แต่หวังหยุนก็ค่อนข้างมั่นใจ เธอรู้เรื่องโบราณวัตถุอยู่บ้าง บังเอิญว่าแจกันราชวงศ์หมิงใบนี้เธอเคยได้ยินผู้เชี่ยวชาญพูดถึง เพราะฉะนั้นเธอถึงได้กล้ามั่นใจขนาดนี้
สุดท้าย พอจ่ายเงินรูดบัตรเสร็จ แจกันที่ได้รับมา กลับไม่ใช่ใบก่อนหน้านี้ แต่ดันเป็นของปลอม!
หวังหยุนถึงได้ไม่ยอมจบ ยืนเอะอะโวยวายอยู่ที่นี่ แต่ว่าที่นี่เป็นถิ่นของคนอื่นเขา ผ่านไปไม่เท่าไหร่ก็มีผู้ชายหลายคนมาล้อมรอบพวกเธอไว้
จู้หลินหลินรู้สึกกลัวจึงโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากฉินจุน
พอเห็นว่าฉินจุนมาแล้ว หวังหยุนก็ยิ่งผยองหนักกว่าเดิม
“นายอย่ามาพูดมั่ว ๆ กับฉัน แจกันที่ฉันถูกใจก่อนหน้านี้ไม่ใช่ใบนี้ นายแอบเปลี่ยนของมาย้อมแมวขายฉันใช่ไหม?ถ้านายไม่เอาของเปลี่ยนกลับไปให้ฉัน เชื่อไหมว่าฉันสามารถทำลายแผงขายของนายได้”
เจ้าของร้านคนนั้นส่งเสียงอย่างไม่พอใจ “ทำลายแผงขายของผม?ผมกล้างั้นเหรอ ผมจะบอกอะไรคุณให้ ที่ตลาดเมืองโบราณฮว๋าเหลียนของเราไม่มีกล้องวงจรปิด ที่คุณพูดมามันไม่มีหลักฐานเลยด้วยซ้ำ คนอื่น ๆ ก็เห็นกันหมดว่า เราสองคนซื้อขายกันปกติ คุณให้เงินผมให้ของ ใคร ๆ ก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น ถ้าคุณกล้าทำตัวอันธพาลที่นี่ ผมก็จะแจ้งตำรวจ!”
พอเห็นเจ้าของร้านกล้าโมโหโวยวายแบบนี้ ดูท่าว่าเขาจะได้เปรียบเพราะรู้ว่าที่นี่ไม่มีกล้องวงจรปิด ฉะนั้นเขาถึงได้แอบย้อมแมวขายสลับของเพราะไม่มีใครจับได้อยู่แล้ว
ฉินจุนนั่งยองลงไป มองดูเครื่องลายครามเล็ก ๆ ที่อยู่รอบ ๆ แล้วเอ่ยถาม
“เถ้าแก่ เราซื้อแจกันปลอมจากเถ้าแก่ตั้งหนึ่งล้าน เถ้าแก่แถมของแถมให้เราหน่อยก็คงไม่เป็นไรมั้ง?”
เจ้าของร้านยิ้ม “ได้สิ แถบนี้คุณเลือกเอาเลยตามใจชอบ ผมแถมให้”
เจ้าของร้านยิ้มแต่หวังหยุนกลับไม่พอใจมาก
“ฉินจุน!นายบ้าไปแล้วหรือไง!แจกันดอกไม้นี่มันเป็นของปลอม นายรีบช่วยฉันเอาเงินคืนมา!”