สีหน้าของหวังหยุนเปลี่ยนไปทันที
“ฝันไปเถอะ! ตอนแรกที่ฉันซื้อแจกันปลอมของคุณมา ฉันก็บอกแล้วว่าจะเอาเงินคืนแล้วก็เอาของไป ให้ตายยังไงคุณก็ไม่คืนเงินให้ฉัน ตอนนี้พอฉันได้กำไรแล้วคุณจะมาเอาของคืน? ไม่มีทาง !”
เจี๋ยเหล่าซานแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา มีคนหลายคนลงมาจากรถตู้และล้อมพวกเขาไว้
“จะคืนไม่คืนก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ!”
ใบหน้าของหวังหยุนซีดลงเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าเจี๋ยเหล่าซานจะเล่นตุกติกกล้าลงมือที่เมืองโบราณอย่างนี้?
แน่นอนว่าเจี๋ยเหล่าซานไม่สนใจเรื่องนี้ แม้ว่าการทำเช่นนั้นจะผิดกฎ และทำให้เสียชื่อเสียง แต่นี่เป็นเรื่องของเงินกว่า 10 ล้าน ถ้าจะทำให้เสียชื่อเสียงแล้วยังไงล่ะ?
หลังจากยื่นข้อเสนอนี้ไป เจี๋ยเหล่าซานก็เก็บมือเขา 10 ล้านหยวนก็เพียงพอสำหรับชีวิตที่เหลือของเขาแล้ว
ขณะที่เจี๋ยเหล่าซานและคนอื่น ๆ ค่อย ๆ ล้อมเข้ามา ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังมาจากประตู
“ทำอะไรกัน!”
เมื่อได้ยินเสียงนี้เจี๋ยเหล่าซานก็สะดุ้งทันที รีบกลับไปอย่างรวดเร็ว ตกใจทันทีเมื่อเห็นคนที่เดินมา
“ผู้เฒ่าอู๋!”
เจี๋ยเหล่าซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก เป็นคนของเขาเอง
ผู้เฒ่าอู๋เป็นพ่อค้าของโบราณที่ทรงอิทธิพลที่สุดในมณฑลฮั่นตง และเมืองโบราณฮัวเหลียนทั้งหมดก็เป็นธุรกิจของเขา
ในแวดวงธุรกิจนี้ก็มีแก๊งต้มตุ๋นอยู่บ้าง บางครั้งผู้เฒ่าอู๋ก็เจอบ้างแต่ก็ต้องปิดหูปิดตาทำเป็นไม่เห็น
ด้านหลังของชายชรามีกบอดี้การ์ดสี่คน แต่ละคนต่างก็มีออร่าโหดเหี้ยม ร่างกายกำยำ หากต้องสู้จริง ๆ คนที่เจี๋ยเหล่าซานเอามาเป็นสิบคนก็คงสู้คนของเขาแค่สี่คนไม่ได้
“ผู้เฒ่าอู๋ผมมีเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย เดี๋ยวจะรีบจัดการให้เสร็จครับ”
ผู้เฒ่าอู๋พยักหน้า คนเหล่านี้ที่ชอบทำคดโกงแบบนี้ แม้ว่าเขาจะรังเกียจมาก แต่ก็เข้าไปยุ่งไม่ได้ เขาจึงต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นซะ
ขณะที่เขากำลังจะไป ทันใดนั้นเขาก็เห็นฉินจุนยืนอยู่ข้าง ๆ ผู้หญิงสองคน
ผู้เฒ่าอู๋ผงะไปครู่หนึ่ง “คุณหมอเทพฉิน!”
เขารีบเข้ามาจับมือกับฉินจุน
“คุณหมอเทพฉินจริง ๆ ด้วย ก่อนหน้านี้ที่โรงพยาบาลฉันรีบมาก รีบไปดูหลานสาวน่ะเลยไม่มีเวลาเข้าไปทักทายคุณเลย มันเป็นความผิดของฉันจริง ๆ”
ฉินจุนรักษาหลานสาวของเขาเถียนเถียนจนหายดี ทั้งสองคนจึงรู้จักกัน
“ผู้เฒ่าอู๋เกรงใจเกินไปแล้วครับ”
อู๋อิงจัวหันกลับมามองเจี๋ยเหล่าซานอย่างเย็นชา
“คุณจะทำอะไร กล้าที่จะไม่เคารพผู้มีพระคุณของฉันเหรอ?”
เจี๋ยเหล่าซานสะดุ้งทันที เขาคาดไม่ถึงเลยว่าเด็กคนนี้จะรู้จักกับผู้เฒ่าอู๋? เป็นผู้มีพระคุณของผู้เฒ่าอู๋?
เจี๋ยเหล่าซานกลืนน้ำลาย และพูดว่า
“ผู้เฒ่าอู๋ ผมไม่รู้จริง ๆ ครับ ผมขอโทษครับ ๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ!”
อู๋อิงจัวแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา “ทำเรื่องแย่ ๆ ไว้แล้วคิดจะหนีไปง่าย ๆ เหรอ? พวกแกไปตัดมือทั้งสองข้างของเขาซะ ต่อไปไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปในเมืองโบราณอีก”
ใบหน้าของเจี๋ยเหล่าซานก็ซีดลงทันที
“ผู้เฒ่าอู๋! ประธานอู๋! ประธานอู๋ให้อภัยผมเถอะ!”
บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปกดเจี๋ยเหล่าซานลง ลูกน้องที่เขาพามาต่างก็ไม่กล้าทำอะไร นั่นคือผู้เฒ่าอู๋เลยนะ ใครจะกล้า? ไม่ต้องพูดถึงว่าจะเอาชนะบอดี้การ์ดพวกนั้นได้ไหม ถ้าลงมือจริง ๆ ก็คงจะอยู่ตงไห่ไม่ได้อีกต่อไป
“พ่อหนุ่มคุณมีเวลาไหม ไปดื่มชาที่ออฟฟิศฉันไหม?”
ตอนนี้หวังหยุนยังคงหวาดกลัว กอดแหวนแน่น เธอต้องการกลับบ้าน
“คุณรีบไปเถอะ ฉันจะกลับบ้านกับหลินหลิน”
หลังจากพูดจบ หวังหยุนก็ลากจู้หลินหลินวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ฉินจุนไม่มีธุระต่อจึงพยักหน้า “ได้ครับ ไปดื่มชาสักถ้วย”
อู๋อิงจัวพาเขาไปที่สำนักงานของเมืองโบราณ ทั้งสำนักงานเต็มไปด้วยของโบราณ ทำให้คนตื่นตาตื่นใจทันทีที่เข้ามา
“คุณหมอฉิน ตอนที่อยู่โรงพยาบาลมัวแต่ดูแลหลานสาว จนลืมจ่ายค่ารักษาให้คุณ แย่จริงๆ”
ฉินจุนพูด “ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ คุณจ่ายเงินให้โรงพยาบาลแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เงินพิเศษกับผมหรอกครับ”
การรักษาคนป่วยคือสิ่งที่อาจารย์สอนเขามา จุดประสงค์หลักคือเพื่อช่วยเหลือผู้คน เงินเป็นผลพลอยได้
อู๋อิงจัวตกใจเล็กน้อย แต่กลับรู้สึกแปลกใจมากที่คนอายุน้อยอย่างฉินจุนยังมีคนที่ไม่โลภอยากได้เงินอีก
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ฉันก็จะไม่บังคับ หมอฉินยังหนุ่มยังแน่น มีความสามารถ เคารพคนชรา ผมมีของบางอย่างอยากจะมอบให้หมอฉินเพื่อเป็นการขอบคุณ
เมื่อพูดจบอู๋อิงจัวก็หยิบกล่องเหล็กออกมาจากตู้เซฟ เปิดกล่องออกแล้วหยิบม้วนไม้ไผ่ซึ่งเป็นหนังสือโบราณออกมาอย่างระมัดระวัง
“หมอฉิน นี่เป็นคัมภีร์ไม้ไผ่ที่เขียนด้วยลายมือของหวาถัว “ชิงหนางจิง”
ดวงตาของฉินจุนเป็นประกาย นี่เป็นของโบราณจริง ๆ
“ชิงหนางจิง” ไม่ใช่หนังสือหายากอะไร แพทย์แผนจีนในปัจจุบันต่างก็เคยอ่านเกือบจะทุกคน เพราะหวาถัวมีชื่อเสียงมากในสมัยนั้น ดังนั้นหนังสือที่เขาเขียนจึงถูกเผยแพร่ไปอย่างรวดเร็ว นักศึกษาแพทย์ทุกคนเมื่อเห็นมันก็ต้องคัดลอกไว้ ดังนั้นจึงถูกส่งต่อกันมาจนถึงตอนนี้
แต่ต้นฉบับดั้งเดิมของหวาถัวนั่นก็คือไม้ไผ่เช่นนี้ นั่นเป็นของโบราณและมีค่ามากแก่การเก็บสะสม
อู๋อิงจัวกล่าว “ต้นฉบับหวาถัวนี้อยู่ในมือฉันก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นฉันจะมอบให้กับหมอฉินแล้วกัน”
ฉินจุนเข้าใจดีว่าเหตุผลที่อู๋อิงจัวมอบสิ่งนี้ให้เขาไม่ใช่เพราะว่ามันไม่มีประโยชน์ต่อเขา
ของสิ่งนี้เป็นของโบราณที่ควรค่าแก่การเก็บสะสม และที่เขามอบให้ฉินจุนก็เพื่อเปลี่ยนวิธีจ่ายค่ารักษาให้เขานั่นเอง
เขามีความจริงใจมาก ฉินจุนจึงไม่ปฏิเสธ
“งั้นก็ขอบคุณมากครับ”
ไม้ไผ่นี้มีคุณค่าทางศิลปะมาก และยังมีลายมือของหวาถัวอยู่บนนั้น ต้องเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก
“จะเอาของไปเฉย ๆ ไม่ได้หรอกครับ ผมจะตรวจชีพจรให้ผู้เฒ่าอู๋”
“ดีเลย ขอบคุณหมอมาก!”
ฉินจุนตรวจชีพจรให้อู๋อิงจัว และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ขมวดคิ้ว
ปกติแล้วผู้สูงอายุมักมีปัญหาทางร่างกาย เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น
แต่ทว่าชีพจรของผู้เฒ่าอู๋กลับแปลกไป
เดิมทีผู้เฒ่าอู๋ก็คิดเหมือนกับฉินจุน แต่เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาแปลกไป อู๋อิงจัวก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
“หมอหนุ่ม ฉันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
“ผู้เฒ่าอู๋ช่วงนี้ตอนคุณเดินหรือออกกำลังกายรู้สึกเหนื่อยหรือเปล่า”
อู๋อิงจัวขมวดคิ้วแน่น “หมอหนุ่ม บอกตามตรงเลยว่าฉันไม่ได้ออกกำลังกายมาหลายปีแล้ว” เพราะผู้เฒ่าอู๋แก่แล้ว จึงไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
“แต่… ตอนที่ฉันเดินขึ้นบันได ฉันก็รู้สึกว่ามันเหนื่อยมาก แทบจะยกขาไม่ขึ้น แต่ฉันแก่แล้วมันก็น่าจะเป็นเรื่องปกติไหม?”
ฉินจุนส่ายหัว “ผู้เฒ่าอู๋มีสุขภาพแข็งแรง และไม่มีโรคภัยไข้เจ็บที่ผู้สูงอายุมักจะเป็น ดังนั้นเวลาเดินเหินจะไม่รู้สึกเหนื่อยมาก”
“คุณเคยเป็นลมโดยไม่รู้สาเหตุใช่ไหม?”
สีหน้าของอู๋อิงจัวเริ่มเคร่งขรึมมากขึ้น และเขาพยักหน้า “ใช่”
ผู้สูงอายุเป็นลมโดยไม่รู้สาเหตุ อาจมีหลายสาเหตุ เช่น น้ำตาลในเลือดต่ำ ความดันโลหิตสูง หลายครั้งที่อู๋อิงจัวเป็นลม แต่เมื่อตื่นมาตรวจก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร
ฉินจุนพูด
“คุณอู๋ อาการของคุณคงไม่ธรรมดาอย่างที่คิด”