ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 172 ผู้เฒ่าอู๋

สีหน้าของหวังหยุนเปลี่ยนไปทันที

“ฝันไปเถอะ! ตอนแรกที่ฉันซื้อแจกันปลอมของคุณมา ฉันก็บอกแล้วว่าจะเอาเงินคืนแล้วก็เอาของไป ให้ตายยังไงคุณก็ไม่คืนเงินให้ฉัน ตอนนี้พอฉันได้กำไรแล้วคุณจะมาเอาของคืน? ไม่มีทาง !”

เจี๋ยเหล่าซานแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา มีคนหลายคนลงมาจากรถตู้และล้อมพวกเขาไว้

“จะคืนไม่คืนก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ!”

ใบหน้าของหวังหยุนซีดลงเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าเจี๋ยเหล่าซานจะเล่นตุกติกกล้าลงมือที่เมืองโบราณอย่างนี้?

แน่นอนว่าเจี๋ยเหล่าซานไม่สนใจเรื่องนี้ แม้ว่าการทำเช่นนั้นจะผิดกฎ และทำให้เสียชื่อเสียง แต่นี่เป็นเรื่องของเงินกว่า 10 ล้าน ถ้าจะทำให้เสียชื่อเสียงแล้วยังไงล่ะ?

หลังจากยื่นข้อเสนอนี้ไป เจี๋ยเหล่าซานก็เก็บมือเขา 10 ล้านหยวนก็เพียงพอสำหรับชีวิตที่เหลือของเขาแล้ว

ขณะที่เจี๋ยเหล่าซานและคนอื่น ๆ ค่อย ๆ ล้อมเข้ามา ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังมาจากประตู

“ทำอะไรกัน!”

เมื่อได้ยินเสียงนี้เจี๋ยเหล่าซานก็สะดุ้งทันที รีบกลับไปอย่างรวดเร็ว ตกใจทันทีเมื่อเห็นคนที่เดินมา

“ผู้เฒ่าอู๋!”

เจี๋ยเหล่าซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก เป็นคนของเขาเอง

ผู้เฒ่าอู๋เป็นพ่อค้าของโบราณที่ทรงอิทธิพลที่สุดในมณฑลฮั่นตง และเมืองโบราณฮัวเหลียนทั้งหมดก็เป็นธุรกิจของเขา

ในแวดวงธุรกิจนี้ก็มีแก๊งต้มตุ๋นอยู่บ้าง บางครั้งผู้เฒ่าอู๋ก็เจอบ้างแต่ก็ต้องปิดหูปิดตาทำเป็นไม่เห็น

ด้านหลังของชายชรามีกบอดี้การ์ดสี่คน แต่ละคนต่างก็มีออร่าโหดเหี้ยม ร่างกายกำยำ หากต้องสู้จริง ๆ คนที่เจี๋ยเหล่าซานเอามาเป็นสิบคนก็คงสู้คนของเขาแค่สี่คนไม่ได้

“ผู้เฒ่าอู๋ผมมีเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย เดี๋ยวจะรีบจัดการให้เสร็จครับ”

ผู้เฒ่าอู๋พยักหน้า คนเหล่านี้ที่ชอบทำคดโกงแบบนี้ แม้ว่าเขาจะรังเกียจมาก แต่ก็เข้าไปยุ่งไม่ได้ เขาจึงต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นซะ

ขณะที่เขากำลังจะไป ทันใดนั้นเขาก็เห็นฉินจุนยืนอยู่ข้าง ๆ ผู้หญิงสองคน

ผู้เฒ่าอู๋ผงะไปครู่หนึ่ง “คุณหมอเทพฉิน!”

เขารีบเข้ามาจับมือกับฉินจุน

“คุณหมอเทพฉินจริง ๆ ด้วย ก่อนหน้านี้ที่โรงพยาบาลฉันรีบมาก รีบไปดูหลานสาวน่ะเลยไม่มีเวลาเข้าไปทักทายคุณเลย มันเป็นความผิดของฉันจริง ๆ”

ฉินจุนรักษาหลานสาวของเขาเถียนเถียนจนหายดี ทั้งสองคนจึงรู้จักกัน

“ผู้เฒ่าอู๋เกรงใจเกินไปแล้วครับ”

อู๋อิงจัวหันกลับมามองเจี๋ยเหล่าซานอย่างเย็นชา

“คุณจะทำอะไร กล้าที่จะไม่เคารพผู้มีพระคุณของฉันเหรอ?”

เจี๋ยเหล่าซานสะดุ้งทันที เขาคาดไม่ถึงเลยว่าเด็กคนนี้จะรู้จักกับผู้เฒ่าอู๋? เป็นผู้มีพระคุณของผู้เฒ่าอู๋?

เจี๋ยเหล่าซานกลืนน้ำลาย และพูดว่า

“ผู้เฒ่าอู๋ ผมไม่รู้จริง ๆ ครับ ผมขอโทษครับ ๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ!”

อู๋อิงจัวแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา “ทำเรื่องแย่ ๆ ไว้แล้วคิดจะหนีไปง่าย ๆ เหรอ? พวกแกไปตัดมือทั้งสองข้างของเขาซะ ต่อไปไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปในเมืองโบราณอีก”

ใบหน้าของเจี๋ยเหล่าซานก็ซีดลงทันที

“ผู้เฒ่าอู๋! ประธานอู๋! ประธานอู๋ให้อภัยผมเถอะ!”

บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปกดเจี๋ยเหล่าซานลง ลูกน้องที่เขาพามาต่างก็ไม่กล้าทำอะไร นั่นคือผู้เฒ่าอู๋เลยนะ ใครจะกล้า? ไม่ต้องพูดถึงว่าจะเอาชนะบอดี้การ์ดพวกนั้นได้ไหม ถ้าลงมือจริง ๆ ก็คงจะอยู่ตงไห่ไม่ได้อีกต่อไป

“พ่อหนุ่มคุณมีเวลาไหม ไปดื่มชาที่ออฟฟิศฉันไหม?”

ตอนนี้หวังหยุนยังคงหวาดกลัว กอดแหวนแน่น เธอต้องการกลับบ้าน

“คุณรีบไปเถอะ ฉันจะกลับบ้านกับหลินหลิน”

หลังจากพูดจบ หวังหยุนก็ลากจู้หลินหลินวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ฉินจุนไม่มีธุระต่อจึงพยักหน้า “ได้ครับ ไปดื่มชาสักถ้วย”

อู๋อิงจัวพาเขาไปที่สำนักงานของเมืองโบราณ ทั้งสำนักงานเต็มไปด้วยของโบราณ ทำให้คนตื่นตาตื่นใจทันทีที่เข้ามา

“คุณหมอฉิน ตอนที่อยู่โรงพยาบาลมัวแต่ดูแลหลานสาว จนลืมจ่ายค่ารักษาให้คุณ แย่จริงๆ”

ฉินจุนพูด “ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ คุณจ่ายเงินให้โรงพยาบาลแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เงินพิเศษกับผมหรอกครับ”

การรักษาคนป่วยคือสิ่งที่อาจารย์สอนเขามา จุดประสงค์หลักคือเพื่อช่วยเหลือผู้คน เงินเป็นผลพลอยได้

อู๋อิงจัวตกใจเล็กน้อย แต่กลับรู้สึกแปลกใจมากที่คนอายุน้อยอย่างฉินจุนยังมีคนที่ไม่โลภอยากได้เงินอีก

“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ฉันก็จะไม่บังคับ หมอฉินยังหนุ่มยังแน่น มีความสามารถ เคารพคนชรา ผมมีของบางอย่างอยากจะมอบให้หมอฉินเพื่อเป็นการขอบคุณ

เมื่อพูดจบอู๋อิงจัวก็หยิบกล่องเหล็กออกมาจากตู้เซฟ เปิดกล่องออกแล้วหยิบม้วนไม้ไผ่ซึ่งเป็นหนังสือโบราณออกมาอย่างระมัดระวัง

“หมอฉิน นี่เป็นคัมภีร์ไม้ไผ่ที่เขียนด้วยลายมือของหวาถัว “ชิงหนางจิง”

ดวงตาของฉินจุนเป็นประกาย นี่เป็นของโบราณจริง ๆ

“ชิงหนางจิง” ไม่ใช่หนังสือหายากอะไร แพทย์แผนจีนในปัจจุบันต่างก็เคยอ่านเกือบจะทุกคน เพราะหวาถัวมีชื่อเสียงมากในสมัยนั้น ดังนั้นหนังสือที่เขาเขียนจึงถูกเผยแพร่ไปอย่างรวดเร็ว นักศึกษาแพทย์ทุกคนเมื่อเห็นมันก็ต้องคัดลอกไว้ ดังนั้นจึงถูกส่งต่อกันมาจนถึงตอนนี้

แต่ต้นฉบับดั้งเดิมของหวาถัวนั่นก็คือไม้ไผ่เช่นนี้ นั่นเป็นของโบราณและมีค่ามากแก่การเก็บสะสม

อู๋อิงจัวกล่าว “ต้นฉบับหวาถัวนี้อยู่ในมือฉันก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นฉันจะมอบให้กับหมอฉินแล้วกัน”

ฉินจุนเข้าใจดีว่าเหตุผลที่อู๋อิงจัวมอบสิ่งนี้ให้เขาไม่ใช่เพราะว่ามันไม่มีประโยชน์ต่อเขา

ของสิ่งนี้เป็นของโบราณที่ควรค่าแก่การเก็บสะสม และที่เขามอบให้ฉินจุนก็เพื่อเปลี่ยนวิธีจ่ายค่ารักษาให้เขานั่นเอง

เขามีความจริงใจมาก ฉินจุนจึงไม่ปฏิเสธ

“งั้นก็ขอบคุณมากครับ”

ไม้ไผ่นี้มีคุณค่าทางศิลปะมาก และยังมีลายมือของหวาถัวอยู่บนนั้น ต้องเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก

“จะเอาของไปเฉย ๆ ไม่ได้หรอกครับ ผมจะตรวจชีพจรให้ผู้เฒ่าอู๋”

“ดีเลย ขอบคุณหมอมาก!”

ฉินจุนตรวจชีพจรให้อู๋อิงจัว และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ขมวดคิ้ว

ปกติแล้วผู้สูงอายุมักมีปัญหาทางร่างกาย เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น

แต่ทว่าชีพจรของผู้เฒ่าอู๋กลับแปลกไป

เดิมทีผู้เฒ่าอู๋ก็คิดเหมือนกับฉินจุน แต่เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาแปลกไป อู๋อิงจัวก็รู้สึกกังวลขึ้นมา

“หมอหนุ่ม ฉันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”

“ผู้เฒ่าอู๋ช่วงนี้ตอนคุณเดินหรือออกกำลังกายรู้สึกเหนื่อยหรือเปล่า”

อู๋อิงจัวขมวดคิ้วแน่น “หมอหนุ่ม บอกตามตรงเลยว่าฉันไม่ได้ออกกำลังกายมาหลายปีแล้ว” เพราะผู้เฒ่าอู๋แก่แล้ว จึงไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย

“แต่… ตอนที่ฉันเดินขึ้นบันได ฉันก็รู้สึกว่ามันเหนื่อยมาก แทบจะยกขาไม่ขึ้น แต่ฉันแก่แล้วมันก็น่าจะเป็นเรื่องปกติไหม?”

ฉินจุนส่ายหัว “ผู้เฒ่าอู๋มีสุขภาพแข็งแรง และไม่มีโรคภัยไข้เจ็บที่ผู้สูงอายุมักจะเป็น ดังนั้นเวลาเดินเหินจะไม่รู้สึกเหนื่อยมาก”

“คุณเคยเป็นลมโดยไม่รู้สาเหตุใช่ไหม?”

สีหน้าของอู๋อิงจัวเริ่มเคร่งขรึมมากขึ้น และเขาพยักหน้า “ใช่”

ผู้สูงอายุเป็นลมโดยไม่รู้สาเหตุ อาจมีหลายสาเหตุ เช่น น้ำตาลในเลือดต่ำ ความดันโลหิตสูง หลายครั้งที่อู๋อิงจัวเป็นลม แต่เมื่อตื่นมาตรวจก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร

ฉินจุนพูด

“คุณอู๋ อาการของคุณคงไม่ธรรมดาอย่างที่คิด”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset