ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 196 ศิษย์น้องคนที่ 6

แม้ว่าพวกศิษย์น้องคนอื่นๆฉินจุนจะนึกไม่ค่อยออก แต่ถ้าเป็นหม่าเหลียงเทียนนั้นเขาจำได้แม่น

เมื่อไม่กี่ปีก่อนชายอ้วนคนนี้ได้กลับไปเยี่ยมท่านอาจารย์มา เขานำดาราหญิงกว่าสิบคนมาด้วยมีทั้งนางแบบ นักร้องและนักเต้นรำ มาระบำรำฟ้อนเฉลิมฉลองอย่างกับเหล่าสาวงามในวังหลวง แสดงให้ท่านอาจารย์ดู

ผลสุดท้ายถูกเย่ซวนหยวนทุบไปหนึ่งทีและให้บอกลงจากเขาไปให้หมด

มาคิดดูแล้วหม่าเหลียงเทียนก็นับว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์เช่นกัน

เพียงแต่ว่าศิษย์น้องคนนี้ปกติแล้วจะเขาอยู่แถวท่าเรือเทียนจินตลอดไม่คิดว่าครั้งนี้จะเข้ามาที่แผ่นดินใหญ่

ภายในเวลาไม่กี่ปี ธุรกิจบันเทิงทั่วประเทศพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว ในแผ่นดินใหญ่หม่าเหลียงเทียนก็นับว่ามีอิทธิพลอยู่มากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นวงการภาพยนต์ ดนตรีหรืออื่นๆก็ตามเขาล้วนมีสิทธิออกเสียงในการกำหนดทิศทางความคิดเห็นของผู้คน

หลังจากที่พึ่งวางสายโทรศัพท์จากซุนเจี้ยนหมิ่น หม่าเหลียงเทียนก็โทรมาทันที

“ศิษย์พี่ ผมเองหม่าเหลียงเทียนหรือเจ้าอ้วนหม่า เราเคยเจอกันมาก่อนนะครับ ! ”

ฉินจุนหัวเราะ “ใช่ ฉันจำนายได้ ”

“ฮ่าๆๆๆ ดีจริงๆ ศิษย์พี่ตอนนี้ผมอยู่บนเครื่องบินส่วนตัว อีกเดี๋ยวเดียวก็จะขึ้นบินแล้ว คืนนี้พวกเราไม่เมาไม่กลับ ! บนเครื่องบินลำนี้มีพนักงานบริการอยู่สองคนทั้งสวยทั้งขาวและขายาว พี่อยากได้ไหม…… ”

“หยุดเลยหยุด ! “ฉินจุนรีบพูดสกัดเขาไว้ก่อน ก็ไม่รู้ว่าในวงการบันเทิงนี้ชายอ้วนได้ผู้หญิงไปกี่คนแล้ว ในสมองของเขาถึงได้มีแต่เรื่องพรรนี้

“ฉันกำลังมีเรื่องอยากให้นายช่วยอยู่พอดี ”

“ศิษย์พี่พูดอะไรอย่างนั้นหละ ได้อยู่แล้วสิเราผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันนะ ! ”

ในบรรดาศิษย์น้องมากมายเหล่านี้ หม่าเหลียงเทียนนับว่าเป็นคนที่จนที่สุดแล้ว แถมยังเป็นคนไม่ถือตัว อาจจะเป็นเพราะฐานะของเขาตลอดหลายปีมานี้ในวงการบันเทิง เขาต้องเผชิญเรื่องยากๆมานับไม่ถ้วนจนเข้าใจวงการบันเทิงเป็นอย่างดี

หลังจากที่ทั้งสองคุยเสร็จสรรพแล้ว หม่าเหลียงเทียนก็สั่งให้ออกเดินทางทันที และเรื่องที่ตกลงกันไว้เมื่อครู่นี้สำหรับฉินจุนแล้วเขาตั้งตารออย่างเต็มที่

หลังจากนั้น ฉินจุนก็กดเบอร์โทรศัพท์โทรหาซูเหวินฉี

“คอนเสิร์ตคืนนี้เตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว ? ”

ปลายสายโทรศัพท์ได้ยินเสียงอันสดใสของซูเหวินฉีตอบกลับมา “คนไม่ได้เยอะสักหน่อยจะต้องเตรียมอะไรมากมายหละ แค่ร้องเพลงก็โอเคแล้ว ”

ฉินจุนหัวเราะออกมา “ได้ยังไงกันหละ เพื่อนๆของฉันเป็นแฟนคลับเธอทั้งนั้นเลยนะ อย่ามาตื่นเต้นทีหลังก็แล้วกัน ”

“ซูเหวินฉียิ้มเจื่อน นายไม่ต้องห่วงหรอก ฉันน่ะมืออาชีพนะขอบอก ! คอนเสิร์ตที่มีคนเป็นหมื่นคนกับคอนเสิร์ตที่มีคนสองสามคนมันไม่ต่างกันหรอกหรอก เอาหละ ฉันจะต้องล่วงหน้าไปเตรียมตัวก่อนแล้ว พวกนายก็รีบมากันนะ ! ”

ทั้งสองคนคุยกันอีกไม่กี่ประโยคก็วางสายโทรศัพท์

จากนั้นฉินจุนก็ขับรถไปรับซูเหวินฉีด้วยตัวเอง โดยวันนี้ขับเป็นรถประจำตำแหน่งของเธอ

เมื่อขึ้นมาบนรถซูเหวินฉีก็ปิดผ้าม่านอย่างเคยชิน และบนรถก็จะมีเพียงพวกเขาสามคนก็คือพี่เถียนผู้จัดการ ฉินจุนและตัวเธอเอง

“เหวินฉี แสดงให้ดีดีเลยนะ ”

อยู่ต่อหน้าพี่เถียน ซูเหวินฉีจะยังคงรักษาท่าทีที่สุขุมเรียบร้อย

“รับทราบค่ะ ”

ผู้ชมมีแค่ไม่กี่คน ให้แสดงดีดีอะไรกันหละ ผ่อนคลายสักหน่อยอาจจะช่วยให้ร้องเพลงได้ดีขึ้น

เมื่อรถแล่นขึ้นเขาไปได้ครึ่งทาง จู่ๆพี่เถียนก็ลงจากรถ

“เหวินฉี พี่ไปทำธุระก่อนนะ ช่างแต่งหน้ากับทีมงานรอเธออยู่ที่ยอดเข้าแล้ว ”

หลังจากที่พี่เถียนจากไปซูเหวินฉีก็เริ่มขมวดคิ้ว

“อะไรของพี่เถียนเค้าเนี่ย ก็แค่คนดูไม่กี่คนเองทำไมต้องมีช่างแต่งหน้ากับทีมงานด้วยหละ ? ”

ฉินจุนหัวเราะ “เธอลองเปิดม่านออกดูสิ ”

ซูเหวินฉีขมวดคิ้วพร้อมกับค่อยแง้มมุมผ้าม่านดู ทันใดนั้นก็มองเห็นด้านนอกเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย !

แฟนเพลงนับหมื่นคนกำลังต่อแถวตรวจตั๋วกันอยู่ แถมยังมีพนักงานรักษาความปลอดภัยกับสตาฟด้วย ทั้งยอดเขาถูกล้อมรอบไปด้วยแผงกั้นเหล็ก ทางขึ้นเขาอีกครึ่งหนึ่งกลายเป็นที่นั่ง เวทีใหญ่ถูกสร้างขึ้นบนยอดเขา โดยมีการจัดแสงไฟ กล้อง และเสียง ทำให้กลายเป็นคอนเสิร์ตแบบเต็มรูปแบบ

ดวงตาของซูเหวินฉีเบิกกว้างและใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างมาก

“ทำได้ยังไงเนี่ย ! ”

ฉินจุนหัวเราะออกมาอีกครั้ง “มีเถ้าแก่บริษัทขายน้ำแร่คนหนึ่งมาเป็นสปอนเซอร์ให้จัดคอนเสิร์ตบนยอดเขา และบัตรที่แฟนเพลงซื้อไปก่อนหน้านั้นกันก็ไม่ให้เป็นโมฆะ ให้มาดูคอนเสิร์ตที่นี่ได้เลย ”

ใบหน้าของซูเหวินฉียังคงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เดิมทีเธอคิดว่าจะไม่สามารถเล่นคอนเสิร์ตที่ตงไห่ได้แล้ว แม้กระทั่งในเวย์ป๋อของเธอก็เขียนจดหมายขอโทษแฟนเพลงทุกคนไปแล้วด้วย สุดท้ายกลับได้จัดคอนเสิร์ตบนยอดเขา !

สิ่งที่ซูเหวินฉีกังวลมากที่สุดก็คือการที่ทำให้แฟนคลับต้องผิดหวัง แต่ตอนนี้มันดีมากเลย ดีที่สุดในสองโลก !

“ฉินจุนนายเก่งเกินไปแล้ว ! ”

หลังจากที่พูดจบซูเหวินฉีก็โผเข้าไปกอดฉินจุนและจูบเขาจากด้านหลังไปหนึ่งครั้ง

ริมฝีปากเย็นประทับลงบนใบหน้าของฉินจุน กลิ่นหอมที่ยังคงติดอยู่บนใบหน้าทำให้เขาใจสั่น

ซูเหวินฉีสัมผัสได้เธอจึงหน้าแดงขึ้นมา เธอรีบถอนตัวกลับไปนั่งประจำที่ของตัวเอง และทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อมาถึงยอดเขาก็พบว่ามีเต็นท์อยู่มากมาย ด้านในก็คือห้องแต่งหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้า เนื่องจากคอนเสิร์ตบนยอดเขาครั้งนี้ค่อนข้างมีความพิเศษนิดหน่อย ไม่มีนักเต้นแบ็คอัพหรือการเต้นไปด้วยร้องไปด้วยเลย ทั้งหมดล้วนเป็นการแสดงที่ซูเหวินฉีร้องเพลงคนเดียวหรือไม่ก็ร้องเพลงดีดกีต้าร์

หลังจากที่ซูเหวินฉีเข้าไปในห้องแต่งหน้า ฉินจุนก็รอเธออยู่ที่หน้าประตูด้านนอก และก็ถือโอกาสรอเย่หวันเอ๋อมาถึงด้วยซะเลย

เขารับปากกับเย่หวันเอ๋อไว้แล้วว่าจะพาพวกเขาไปที่ประตูหลัง เข้าไปที่ด้านหลังเวทีเพื่อขอลายเซ็นต์และถ่ายรูปกับซูเหวินฉี

ขณะเดียวกันที่ตีนเขาก็มีรถหรูคันหนึ่งกำลังขับขึ้นมา บนรถมีผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงหนึ่งคน

หญิงสาวแต่งตัวเซ็กซี่และใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุข

“พี่หู คอนเสิร์ตนี้พี่เป็นสปอนเซอร์งั้นหรอ ? ”

“ใช่น่ะสิ ฉันเก่งใช่ไหมหละ ? ”

ทันใดนั้นดวงตาของหญิงสาวก็เป็นประกายแวววาว “พี่หูสุดยอดไปเลย ! ”

ทั้งสองคนนี้ เป็นคนจำพวกที่ชอบทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก

ผู้หญิงคนนี้ก็คือคนที่เคยแบทเทิลกับหวังตงเสวี่ยและเย่หวันเอ๋อ หรือก็คือจิ้งจอกน้อยนั่นเอง

ส่วนฝ่ายชายก็คือพี่หู ซึ่งเขาได้ทำการเหมาจ่ายจิ้งจอกน้อยมาอยู่ด้วยทั้งเดือน

พี่หูเปิดบริษัทขายน้ำแร่เป็นของตัวเอง และการมาเป็นสปอนเซอร์ให้กับคอนเสิร์ตของซูเหวินฉีครั้งนี้ ก็ต้องใช้เส้นสายไม่น้อยเลยเช่นกัน

การที่มาเป็นสปอนเซอร์ให้กับคอนเสิร์ตของซูเหวินฉี อันที่จริงมันเป็นวิธีการประชาสัมพันธ์ที่ดีมาก และหลายบริษัทก็พากันอยากจะลงทุนด้วย

จิ้งจอกน้อยตื่นเต้นมากที่พี่หูเป็นถึงสปอนเซอร์ การได้ทำความรู้จักกับซูเหวินฉีคงไม่ใช่ปัญหา ตัวเธอเองก็เป็นแค่เน็ตไอดอลคนหนึ่ง ถ้ามีโอกาสได้รู้จักกับคนดังขนาดนี้คงจะเป็นผลดีต่อเธอไม่น้อยสำหรับการพัฒนาต่อไปในอานาคต

จิ้งจอกน้อยหยิบโทรศัพท์กับไม้เซลฟี่ออกมา หลังจากถึงที่หมายและลงจากรถเธอก็เริ่มทำการถ่ายทอดสดทันที

“สวัสดีค่ะทุกๆคน ฉันเองจิ้งจอกน้อย วันนี้ฉันถ่ายทอดสดอยู่ข้างนอกเพราะว่าฉันมาดูคอนเสิร์ตของซูเหวินฉีหละ ”

“บังเอิญว่าเพื่อนของฉันเป็นสปอนเซอร์ให้ครั้งนี้ ดังนั้นฉันก็เลยถือโอกาสมาด้วยซะเลย อีกเดี๋ยวจะพาทุกคนไปคุยกับซูเหวินฉีอย่างใกล้ชิดกันนะคะ ทุกคนอดใจรอก่อนนะ ! ”

พูดจบจิ้งจอกน้อยก็ถือโทรศัพท์เดินตรงเข้าไปที่ห้องแต่งหน้าที่อยู่ด้านหลังเวที

เมื่อเห็นฉินจุนยืนอยู่หน้าประตู จิ้งจอกน้อยก็เบะริมฝีกปากและแสดงท่าทีไม่พอใจ

“รปภ.หลบไปหน่อย ”

ฉินจุนขมวดคิ้ว “คุณมาหาใคร ? ”

จิ้งจอกน้อยชะงักไปครู่หนึ่ง “ฉันมาหาใคร ? นี่แกไม่รู้จักฉันหรอ ? ฉันมาหาพี่ซู ไม่เกี่ยวอะไรกับแก รีบๆหลบไปซะอย่ามาขวางทาง ! “

Comment

Options

not work with dark mode
Reset