ความขัดแย้งระหว่างเถียนอิงและซูเหวินฉีนั้นเปรียบเสมือนกับไฟที่โหมไหม้อย่างร้อนแรง ไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าหรือลับหลังกัน ทั้งสองก็ไม่เคยปิดบังหรือเสแสร้งใส่กันทั้งนั้น
ประกอบกับครั้งก่อนที่แย่งชิงสถานที่จัดคอนเสิร์ตกันก็ทะเลาะกันใหญ่โต ยิ่งทำให้ผู้คนรู้เรื่องมากขึ้นไปอีก
การที่เถียนอิงปรากฏตัวในคอนเสิร์ตของซูเหวินฉีในครั้งนี้ด้วยท่าทางที่ดูชั่วร้าย เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้เธอก็ไม่ได้มาดีอีกเช่นเคย
“ซูเหวินฉีอยู่ที่ไหน ไสหัวเธอออกมา ! ”
คราวนี้เถียนอิงโกรธมาก ก่อนหน้านี้เธอทานข้าวอยู่ที่โต๊ะอาหาร แต่ก็ต้องหยุดทานอย่างไม่สบอารมณ์ ตอนแรกเธอไม่ได้ติดตามเรื่องอะไรต่อ แต่ผลสุดท้ายคอนเสิร์ตของเถียนอิงถูกยกเลิกไปซะอย่างนั้น !
โดยบอกว่าเป็นคำสั่งของผู้นำเมืองตงไห่ให้ยกเลิกคอนเสิร์ตของเถียนอิงและปฏิเสธที่จะให้พวกเขาเช่าโรงยิมแห่งอื่นอีกด้วย
การยกเลิกคอนเสิร์ตล่วงหน้าเพียงหนึ่งวันนั้น ถือเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับทีมของเถียนอิง
และทั้งหมดนี้ เธอก็คิดบัญชีแค้นไปยังซูเหวินฉีว่าต้องเป็นนังผู้หญิงสารเลวนี่ใช้เส้นสายอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเรื่องต่างๆที่คุยกันไว้เรียบร้อย อยู่ๆจะถูกกลับคำได้ยังไง ?
เถียนอิงมาครั้งนี้ก็มาเพื่อประณามอีกฝ่าย
และเมื่อเห็นฉินจุน เถียนอิงก็ขมวดคิ้วทันที
“แกนี่เอง ! “ครั้งก่อนที่เด็กบ้าคนนี้เทเหล้าขาวใส่เธอเป็นสิ่งที่ทำให้เถียนอิงลืมไม่ลง และวันนี้เธอกำลังจะคิดบัญชีทั้งเก่าและใหม่ด้วยกันเสียเลย !
“ไวหัวของแก ไปเรียกซูเหวินฉีออกมา ! ”
ทันใดนั้น สีหน้าของทุกคนก็ตื่นเต้นกันมาก
ละครฉากใหญ่กำลังจะมา !
ทั้งเถียนอิงและซูเหวินฉีเป็นที่รู้จักกันดีในวงการบันเทิง วันนี้ศัตรูทั้งสองต้องมาเจอกัน จะต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นและมันจะต้องดุเดือดแน่นอน
ผู้คนต่างค่อยๆหยิบโทรศัพท์ออกมาและถ่ายวีดิโอ นี่ต้องเป็นข่าวใหญ่แน่นอน
ขณะที่ฉินจุนกำลังจะพูด เสียงเย็นยะเยือกก็ดังขึ้นที่ข้างหลังเขา
“มาดูคอนเสิร์ตของฉัน ซื้อตั๋วหรือยัง ? ”
ซูเหวินฉีสวมแว่นกันแดด เปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งหน้าเรียบร้อย กำลังเดินออกมาจากหลังเวที
ทันทีที่เธอปรากฏตัวในที่เกิดเหตุ ก็มีเสียงกรี้ดและตะโกนออกมา
เนื่องจากที่นี่คือสถานที่จัดงานของซูเหวินฉี รอบๆตัวเธอจึงรายล้อมไปด้วยแฟนๆ
เถียนอิงถอนหายใจอย่างเย็นชา “ซูเหวินฉี เห็นๆกันอยู่ว่าเธอสู้ฉันไม่ได้ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอากลใช่ไหม ? ไม่รู้สึกว่าหน้าด้านบ้างเลยหรอ ?
ซูเหวินฉียังคงนิ่งเฉยและพูดอย่างไม่รู้สึกอะไร
“ฉันไม่เข้าใจที่เธอพูด ”
“หืม ไม่เข้าใจหรอ ? งั้นฉันจะช่วยเตือนสติและพูดให้ฟังอีกครั้ง “เรื่องที่เถียนอิงพูดนั้นหมายถึงเรื่องเกี่ยวกับคอนเสิร์ตแน่นอน ซูเหวินฉีคนนี้ในเมื่อพูดด้วยดีๆไม่ได้ ก็คงต้องใช้กำลัง !
ขณะที่พูดเถียนอิงก็เดินไปอย่างรวดเร็ว เดินไปหาซูเหวินฉีและตบเธอ !
ทุกคนเบิกตากว้างและตกตะลึง
ข่าวใหญ่ ข่าวใหญ่ !
เถียนอิงเริ่มตบซูเหวินฉีก่อน และราชินีทั้งสองกำลังจะเริ่มตบกันแล้ว !
เถียนอิงนั้นแข็งแรงกว่าซูเหวินฉี และถ้าบอดี้กาดไม่เข้าไปช่วยหละก็ คนที่เสียเปรียบกว่าต้องเป็นซูเหวินฉีแน่นอน
ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามการตบของเถียนอิง ในวงการบันเทิงนี้เดิมทีเธอเป็นคนใหญ่คนโต เธอเป็นคนหยิ่งทะนงและถืออำนาจบาตรใหญ่ จึงไม่มีใครกล้ายั่วโมโหเธอ
แต่ว่าคนอื่นไม่กล้า ไม่ได้หมายความว่าฉินจุนไม่กล้า
ขณะที่เถียนอิงตบและกำลังจะชักมือออก ฉินจุนก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ทันที
สีหน้าของเถียนอิงเปลี่ยนไปทันที ฉินจุนเคยลงมือกับเธอมาก่อน ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำอีก !
” แกทำอะไร ! แกรู้ไหมว่า…… ”
ไม่รอให้เถียนอิงพูดจบ ฉินจุนก็ตบกลับไปทันที
เพี้ยะ !
ตบแบบนี้สิถึงเรียกว่าเสียงเพราะ !
เสียงตบอันคมชัดนี้ ทำให้ทั่วทั้งเขาชิงเหมยเงียบลง เสียงเมื่อครู่นี้ยังคงดังกังวาลอยู่ในหุบเขา
เถียนอิงอึ้งไปเลย คนอื่นๆเองก็อึ้งไปเลยเช่นกัน
ไม่มีใครคิดว่า เจ้าหนุ่มกระจอกคนนี้จะกล้าลงมือ !
และคนที่ถูกลงมือก็คือเถียนอิง !
ผ่านไปไม่กี่นาทีบอดี้กาดที่อยู่ด้านหลังของเถียนอิงก็เรียกสติกลับมาและรีบพุ่งเข้าไป ผู้คุ้มกันของซูเหวินฉีเองก็ไม่ยอม ทั้งสองฝ่ายเริ่มตะลุมบอนทันทีและไม่มีใครยอมแพ้
“หยุดเดี๋ยวนี้ ! ”
ทันใดนั้นเสียงของเถียนอิงก็ดังขึ้นและทุกคนก็เงียบทันที บอดี้กาดของทั้งสองฝ่ายแยกออกจากกันและรอให้เธอพูด
เถียนอิงลูบใบหน้าที่บวมของตนเอง เธอกัดฟันและจ้องที่ซูเหวินฉีและฉินจุนด้วยความโกรธแค้น และถามเขาว่า
” ยัยคนแซ่ซู เด็กนี่เป็นคนของแกใช่ไหม ? มันตบฉันแทนแกหรอ ? ”
ความหมายที่เถียนอิงจะสื่อนั้นธรรมดามาก ถ้าเกิดเขาไม่ได้ทำแทนซูเหวินฉี เธอก็จะให้บอดี้กาดจัดการฆ่าเขาซะให้จบเรื่อง
แต่ถ้าที่สิ่งที่เขาทำเป็นการทำแทนซูเหวินฉีหละก็ ทั้งสองคนคงจะต้องบาดหมางกันแบบไม่เผาผีเลยทีเดียว
แม้แต่บอดี้กาดธรรมดาซูเหวินฉีก็จะไม่ปล่อยไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉินจุนเลย
“ใช่แล้ว ทุกอย่างที่เขาทำ คือการทำแทนฉันทั้งหมด ”
เถียนอิงกัดฟันโกรธ “ดี ดีมาก ! ซูเหวินฉี ตอนนี้ฉันขอประกาศว่าต่อไปนี้ในวงการเพลง มีฉันต้องไม่มีแก มีแกก็ต้องไม่มีฉัน ! ”
คำพูดของเถียนอิงดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณนั้น และทุกคนก็ได้ยินกันชัดเจน
คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะล่วงเลยมาถึงตรงนี้ได้ ราชินี้ทั้งสองทะเลาะกันจนเลือดตกยางออกรุนแรงเกินไปแล้ว
เถียนอิงหยิบโทรศัพท์ออกมา กัดฟันและกดเบอร์โทรศัพท์โทรออกหาใครคนหนึ่ง
“ประธานเฉิง ! ฉันต้องการให้คุณติดแบล็กลิสซูเหวินฉีทั่วประเทศ ฉันตกลงเงื่อนไขทั้งหมดที่คุณต้องการ ! ”
หลังจากจบประโยคง่ายๆ เถียนอิงก็วางหูโทรศัพท์
ไม่นานก็มีชายคนหนึ่งสวมชุดสูทมาพร้อมกับบอดี้กาดสองสามคนขึ้นมาจากที่ตีนเขา หลังจากที่เห็นเถียนอิงคนๆนั้นก็เผยยิ้มออกมา
“เถียนอิง คุณพูดจริงหรอ ? ”
เมื่อเห็นคนๆนี้ ทุกคนก็ตาโตทันทีพร้อมกับเอ่ยชื่อของเขา นี่มันเฉิงหลง !
เฉิงหลงเป็นนักธุรกิจและผู้กำกับในวงการบันเทิง เขาได้รับรางวัลมากมาย รวมถึงรางวัลดาราภาพยนต์อีกมากมาย และฐานะของเขาในวงการบันเทิงขณะนี้สูงส่งมาก
ไม่คาดคิดว่าเถียนอิงจะมีความเกี่ยวข้องกับเฉิงหลงด้วย !
เถียนอิงเริ่มมีชื่อเสียงและเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนตั้งแต่ตอนที่เธอยังเป็นวัยรุ่น ตอนนั้นวงการบันเทิงไม่ได้ยุ่งเหยิงขนาดนี้ เถียนอิงจึงค่อนข้างถือว่าเป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์ แต่ต่อมามีผู้คนมากมายอยากจะได้รับส่วนแบ่งกับเธอ เถียนอิงในตอนนั้นมีอิทธิพลมากแล้ว จึงไม่มีใครสามารถมาบังคับหรือตั้งกฎเกณฑ์อะไรกับเธอได้
สมัยที่เฉิงหลงเป็นวัยรุ่นนั้นเขาค่อนข้างเป็นห่วงเถียนอิง แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเถียนอิงจะไม่ดีเท่าสมัยที่ยังวัยรุ่น แต่เฉิงหลงก็อยากจะลองค้างคืนกับเถียนอิงสักครั้งเพื่อเติมเต็มความฝันในวัยเด็กของเขา
เขาเคยเสนอไปหลายครั้งแล้ว แต่เถียนอิงก็ปฏิเสธอย่างไม่ใยดี ครั้งนี้เถียนอิงยอมใช้ทุกวิถีทางเพื่อที่จะกำจัดซูเหวินฉี
“ใช่ ฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ฉันต้องการให้คุณแบล็กลิสซูเหวินฉีซะ ! ”
“ได้ ”
ด้วยฐานะของเฉิงหลงในตอนนี้ เขามีความสามารถในการบล็อกซูเหวินฉีจากเครือข่ายทั้งหมดแน่นอน แม้ว่าจะใช้เวลาพอสมควรแต่ก็ไม่เหลือบากกว่าแรง
สีหน้าของทีมงานซูเหวินฉีเปลี่ยนไปทันที และแม้แต่ตัวซูเหวินฉีเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าเถียนอิงจะจัดการกับเธออย่างไม่เลือกวิธี
เฉิงหลงหยิบโทรศัพท์ออกมาและกำลังจะโทรไปแจ้งบริษัทบันเทิงหลายแห่งให้บล็อกซูเหวินฉี
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงเครื่องบินก็ดังมาจากระยะไกล และมันก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เครื่องบินส่วนตัวลงจอดที่เชิงเขา
หลังจากนั้น เงาของคนร่างใหญ่คนหนึ่งก็วิ่งมาตามทาง ตามด้วยบอดี้การ์ดเก่งๆสองสามคน เมื่อเห็นก็รู้ว่าฐานะไม่ธรรมดาแน่นอน
สีหน้าของเฉิงหลงเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ประธานหม่า ? “