ผู้จัดการแสดงสีหน้าอย่างรำคาญใจ, “โทรศัพท์ไปยืนยัน?ฉันว่าไม่จำเป็นมั้ง?”
นอกจากผู้จัดการแล้ว ยังมีพนักงานคนอื่น ๆ ปกติแล้วพวกเขาขายอัญมณีราคาแพง ลูกค้าที่พวกเขาเจอก็มีแต่เจ้านายที่มีเงินทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นเป็นธรรมดาที่คนพวกนี้จะรู้สึกดูถูกฉินจุนพวกเขาจึงร่วมประสมโรงอยู่ด้านข้าง
“พอได้แล้ว ที่นี่ไม่ได้มีใครเสียหน่อย นายจะมาเล่นละครให้ใครดู เอากล่องกระดาษนี่ไปแล้วรีบไสหัวไปซะ”
“นั่นน่ะสิ ผู้จัดการไม่ได้ไล่นายออกไปก็ถือว่าไว้หน้านายแล้ว ถ้ากล่องกระดาษยังไม่พอ นายจะเอาขวดเปล่าไปด้วยไหมล่ะ?อย่างอื่นไม่มีแล้ว”
“เอาล่ะ รีบไสหัวไปซะ อย่ามาทำให้พวกฉันเสียเวลางาน เราเพิ่งเปิดร้านไปเดี๋ยวอีกสักพักลูกค้าก็เข้าร้านแล้ว ถ้ามาเห็นนายกำลังเก็บขยะอยู่ที่นี่ มันจะเหมือนอะไรล่ะนายว่า?”
เหล่าพนักงานต่างพากันเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงดูถูกดูแคลนอย่างสนุกสนาน แต่ละคนแสดงสีหน้ารำคาญใจ เหมือนกับว่าฉินจุนเป็นขอทานอย่างนั้นเลย
ฉินจุนหัวเราะอย่างเย็นชา “ฉันว่าทางที่ดีนายลองโทรไปหาเจ้านายแซ่เฝิงของนายดูนะ อย่ามาหาว่าฉันไม่ให้โอกาสนาย”
พอฉินจุนเอ่ยจบ สีหน้าของผู้จัดการก็เริ่มเปลี่ยนไป ฟังจากน้ำเสียงของไอ้หมอนี่แล้ว หรือว่ามันจะไม่ใช่คนเก็บขยะจริง ๆ ?
ผู้จัดการเกิดอาการลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา กดโทรศัพท์หาเฝิงจื้อผิง
เขาไม่กล้าโทรศัพท์ไปหาท่านประธานเฝิงโดยตรง ถ้าหากไอ้หมอนี่มันพูดมั่ว ๆ แล้วเขาไปพูดเรื่องนี้กับท่านประธานใหญ่ แบบนั้นมาไม่เท่ากับว่าเขารนหาที่ตายเหรอ?
“ฮัลโหลครับคุณชายเฝิง ผมมีเรื่องอยากจะถามสักหน่อย ร้านเครื่องประดับตระกูลเฝิงของพวกเราช่วงนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเปล่าครับ?”
ผู้จัดการไม่กล้าพูดอะไรซี้ซั้ว ถ้าหากถามออกไปโต้ง ๆ เลยว่า ‘ร้านของเราเปลี่ยนเจ้าของเหรอครับ?’ ถ้าหากว่าไอ้หมอนี่มันพูดมั่ว แล้วเขาพูดไปแบบนี้คุณชายเฝิงจะต้องโมโหแน่ ๆ
เฝิงจื้อผิงเอ่ย “ร้านของเปลี่ยนเจ้าของคนใหม่แล้ว เพิ่งทำเรื่องเสร็จสิ้นเมื่อวาน เลยยังไม่ได้แจ้งให้พวกนายทราบ เจ้าของคนใหม่แซ่ฉิน เขาชื่อว่าฉินจุน เดี๋ยวฉันจะส่งข้อมูลให้นายแล้วกันนะ”
“ครับ ๆ ๆ !”
พอวางสายโทรศัพท์ ผู้จัดการก็รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ยอย่างเคารพ
“ท่านประธานฉินครับ ผมต้องขอประทานโทษจริง ๆ นะครับ ฝั่งทางคุณชายเฝิงเพิ่งแจ้งพวกเรามา พวกเราจึงยังไม่ได้ทราบเรื่องอะไร เมื่อสักครู่พวกเราทำผิดอย่างมาก ท่านอย่าถือโทษโกรธพวกเราเลยนะครับ!”
พอผู้จัดการพูดออกมาแบบนี้ พนักงานคนอื่น ๆ ต่างก็มึนงงกันไปหมด ที่หมอนี่พูดเป็นเรื่องจริงเหรอนี่?เขาเป็นเจ้าของร้านคนใหม่จริง ๆ เหรอ?
เหล่าพนักงานสาวรีบเดินเข้ามารินน้ำให้ตรงหน้าของฉินจุน เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม
“ขอประทานโทษนะคะท่าน เมื่อสักครู่พวกเราไม่ทราบจริง ๆ เมื่อเช้าตื่นเช้าไปหน่อยอารมณ์เลยไม่ค่อยดีเท่าไหร่อีกอย่างเพราะว่าไม่มีแฟนด้วย ต้องขอประทานอภัยด้วยนะคะ……”
พนักงานสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน บิดเอวบิดสะโพกเพื่อเผยหุ่นเพรียวของตัวเอง แถมยังแกล้ง ๆ บอกอีกว่าตัวเองนั้นยังโสด
แน่นอนว่าลูกเล่นแบบนี้ใช้กับฉินจุนไม่ได้ผล
“เอาล่ะ วันนี้ฉันจะไปหากลุ่มเพื่อน ๆ ว่าจะหาเครื่องประดับไปเป็นของขวัญเสียหน่อย”
“ได้ค่ะ ดิฉันช่วยท่านเลือกเอง!”
เมื่อสักครู่นี้เหล่าพนักงานยังมีท่าทีหมดอาลัยตายอยาก มาตอนนี้ต่างมีชีวิตชีวากระฉับกระเฉงกันขึ้นมา
ร้านเครื่องประดับตระกูลเฝิงนี้ไม่มีเครื่องประดับชิ้นไหนที่ราคาถูก ทุกชิ้นที่เขาถูกใจก็มีแต่ราคาหลักหมื่นขึ้นทั้งนั้น แต่ว่าฉินก็ไม่ได้สนใจอะไร ฟังจากคำพูดของหวังตงเสวี่ยแล้ว เหล่าเพื่อนสมัยมัธยมของเธอต่างก็ไม่เลวเลย ส่งของขวัญให้สักหน่อยก็ไม่น่าจะเป็นอะไร
จากนั้นฉินจุนก็หยิบถุงพลาสติกสีดำออกมา
“เอาอันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้”
เหล่าพนักงานต่างกุลีกุจอนำเครื่องประดับออกมาวางลงในกล่อง กล่องเครื่องประดับมีแต่สวย ๆ ทั้งนั้น แค่กล่องใบเดียวก็ถือว่าของงานฝีมือแล้ว
อีกอย่างภายในยังมีใบรับรองป้องกันปลอมแปลง และหนังสือรับรองอัญมณีระดับประเทศต่าง ๆ
กล่องเครื่องประดับจำนวนมาก ถูกฉินจุนกวาดลงไปใส่ในถุงพลาสติกสีดำ เพราะกล่องมากมายขนาดนี้ถ้าใส่ลงในถุงของขวัญเขาแบกไปไม่ไหวแน่นอน
“โอเคละ พวกเธอทำงานต่อไปเถอะ ฉันไปละ”
หลังจากขนกล่องเครื่องประดับไปเป็นกอง ฉินจุนก็ถือถุงเดินลงไป
พอเดินลงมาถึงชั้นหนึ่ง หวังอีเจียวเห็นฉินจุนเดินถือถุงดำลงมา ก็หัวเราะเยาะออกมาทันที “หึหึ ได้ขยะแล้วพอใจหรือยังล่ะ?”
ฉินจุนไม่ได้สนใจเธอ เดินออกนอกประตูไปทันที
หวังอีเจียวขมวดคิ้ว “ไม่กล้าสู้หน้าหรือยังไง นายเอาอะไรไป เอามาให้ฉันดูก่อนนายค่อยไป!”
เพราะที่นี่เป็นถึงร้านเครื่องประดับ ที่นี่มีแต่ของแพง ๆ ถ้าหากมีของอะไรหายไป พนักงานตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเธอรับผิดชอบไม่ไหวแน่นอน
ยิ่งฉินจุนทำเป็นไม่สนใจเธอ เธอยิ่งรู้สึกว่ามันต้องมีปัญหา
เธอเดินเข้าไปรั้งเอาไว้ ทำให้ถุงตกลงมาที่พื้น กล่องเครื่องประดับกระจายไปหมด
หวังอีเจียวสีหน้าเปลี่ยนทันที “นายขโมยของร้านพวกฉัน!”
กล่องเครื่องประดับพวกนี้ต่างก็เป็นของราคาแพงทั้งนั้น ต่อให้ไม่ได้ใช้งานก็เอามาขายให้พวกเก็บขยะไม่ได้ ไอ้หมอนี่แบกกล่องลงมาเยอะขนาดนี้ เห็นชัด ๆ ว่าต้องขโมยมาแน่นอน
หวังอีเจียวนั่งยอง ๆ ลงที่พื้น ก่อนจะเปิดกล่องเครื่องประดับ พอเห็นว่าด้านในมีเครื่องประดับอยู่ สีหน้าเธอก็เปลี่ยนทันที
“รปภ.!รปภ.มานี่เร็ว!มีคนขโมยของ!”
ถ้าหากว่าขโมยของแค่ไม่กี่กล่อง ก็ไม่มีอะไรมาก ด่าไม่กี่ประโยคแล้วไล่มันไปซะก็จบ
แต่นายฉินจุนนี่ขโมยเครื่องประดับ!เครื่องประดับล้ำค่าเหล่านี้เป็นของมีราคา แต่ละชิ้นราคาหลักหมื่นขึ้นไปทั้งนั้น บางอย่างมีมูลค่าสูงมากเรียกว่าเหยียบหลักแสนเลยทีเดียว ขโมยของราคาแพงขนาดนี้ ควรจับมันเข้าคุกซะ
รปภ.ได้ยินดังนั้นก็รีบเข้ามาล้อมตัวฉินจุนเอาไว้ในมือมีกระบอง
เหล่ารปภ.ของร้านเครื่องประดับต่างก็ได้รับการฝึกฝนมาทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าใครจะเป็นก็ได้เหมือนรปภ.หน้าหมู่บ้าน พวกเขามีความสามารถในการต่อสู้จริง ๆ
หวังอีเจียวมองดูกล่องเครื่องประดับที่กระจายเต็มพื้นก็ชี้หน้าต่อว่าฉินจุน
“ไอ้หมอนี่มันขโมยของร้านเราตั้งหลายแสน รีบจับตัวมันเอาไปส่งตำรวจซะ!”
ขณะที่เหล่ารปภ.เตรียมจะพุ่งเข้าไป ทันใดนั้นผู้จัดการก็เดินลงมาพอดี
พอเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า สีหน้าของผู้จัดการก็เปลี่ยนไปทันที
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
พอผู้จัดการเอ่ยดังนั้น เหล่ารปภ.ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไร ต่างหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่มองหน้ากัน
ผู้จัดการรีบวิ่งลงมาจนเกือบจะล้มหน้าคะมำ เขารีบพุ่งมาตรงหน้าของฉินจุนก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ท่านประธานฉินครับ ต้องขอประทานอภัยจริง ๆ นะครับ พวกเธอไม่รู้เรื่องรู้ราว ท่านอย่าถือโทษโกรธเคืองเลยนะครับ!”
พูดจบผู้จัดการก็หันไปมองหน้าหวังอีเจียวอย่างกินเลือดกินเนื้อ
“เธอนี่มันโง่จริง ๆ !นี่คือเจ้าของร้านคนใหม่ของเรา ท่านประธานฉิน ยังไม่ขอโทษท่านอีก!”
หวังอีเจียวเองก็ตะลึงไปเลย ไม่คิดเลยว่าหมอนี่ จะเป็นเจ้าของร้านคนใหม่จริง ๆ ?
“ท่านประธานฉินคะ ต้องขอโทษจริง ๆ นะคะ ดิฉันไม่ทราบจริง ๆ เดี๋ยวดิฉันช่วยท่านเก็บของนะคะ”
หวังอีเจียวบิดเอวนั่งยอง ๆ ลงที่พื้นเพื่อเก็บกล่องเครื่องประดับพวกนั้น จากมุมของฉินจุนจะมองเห็นข้างในเสื้อของเธอหมด
ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้หญิงคนนี้ตั้งใจหรือว่ายังไง ไม่ว่าเธอจะเก็บยังไง อกขาว ๆ นั่นก็กระแทกเต็มตาของฉินจุน
หวังอีเจียวยังเอานามบัตรของตัวเองหย่อนเข้าไปในกระเป๋าของฉินจุน ก่อนจะเดินเข้าไปตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยด้วยท่าทางน่าสงสาร
“พี่ฉินคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ พี่อย่าโกรธฉันเลยนะคะ?”
ก่อนหน้านี้ยังทำท่าทางยิ่งยโสใส่ มาตอนนี้กลับกลายเป็นท่าทางออดอ้อน ถ้าหากว่ารอบข้างไม่มีคนอยู่ คงจะถอดเสื้อผ้าซุกเข้าไปในอ้อมกอดของฉินจุนเลยล่ะมั้ง
“ช่างมันเถอะ”
ฉินจุนเองก็เหนื่อยที่จะคิดเล็กคิดน้อยกับคนพวกนี้ เขาเดินถือถุงเครื่องประดับออกไปทันที