ครั้งนี้เห็นกันชัด ๆ ว่าจู้หลินหลินเป็นคนช่วยบริษัทเอาไว้ แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่าจู้หลินหลินทำเพื่อบริษัทมากมายขนาดนั้นควรได้เป็นท่านประธานนี้ ทำเอาภายในใจของหญิงชราเกิดความไม่สบายใจ เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่ได้ให้รางวัลอะไรจู้หลินหลิน เพียงแค่คืนสิทธิ์ผู้ถือหุ้นให้เธอก็เท่านั้น หุ้นเองก็ไม่ได้เพิ่มอะไรเท่าเดิมเหมือนแต่ก่อน เป็นแค่ผู้จัดการใหญ่ของบริษัท
แต่ว่าจู้หลินหลินก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไร เดิมทีเธอก็ไม่ได้หัวสูงทะเยอทะยานอยากได้อยากมีอยู่แล้ว ถ้าหากว่าเธอหัวสูงจริง ๆ เธอคงไม่เห็นด้วยกับการรวมบริษัทตั้งแต่แรก
……
ในที่สุดเรื่องของตระกูลจู้ก็คลี่คลายลง ครั้งนี้ก็ถือว่าฉินจุนได้ตอกหน้าหญิงชรา ให้เธอได้รู้ความสำคัญของจู้หลินหลิน
ถ้าหากยังมีครั้งหน้าอีก เกรงว่าเรื่องราวมันจะไม่คลี่คลายได้ง่าย ๆ แบบนี้แล้ว
ติ๊งต่อง
เสียงแจ้งเตือนแอพวีแชทดังขึ้น เป็นหวังตงเสวี่ยที่ส่งข้อความมา
“พี่ฉิน ช่วงนี้พี่ติดธุระไหม?”
“ไม่ติดธุระอะไรนะ ทำไมล่ะ?”
“ฉัน……ฉันอยากให้พี่ไปส่งที่บ้านเกิดหน่อย พี่สะดวกไหม?”
“ได้สิ ไม่มีปัญหา”
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยไปบ้านเกิดของหวังตงเสวี่ย แต่ว่าก็เคยเจอแม่ของหวังตงเสวี่ย ท่านเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ อีกอย่างท่านยังมอบหยกกวนอิมเป็นของขวัญให้ฉินจุน เขาเองก็สวมติดตัวตลอดเวลา
หวังตงเสวี่ยมองข้อความในโทรศัพท์ด้วยหัวใจที่เต้นแรง
บ้านของหวังตงเสวี่ยนั้นยากจน ตอนเธอเด็ก ๆ เธอเรียนไปด้วยช่วยแม่ทำนาไปด้วย ทั้งพ่อและแม่ของเธอต่างก็เป็นชาวไร่ชาวนา ที่บ้านของเธอไม่มีอะไรเลย
หวังตงเสวี่ยอยากจะสานสัมพันธ์กับฉินจุนไปอีกขั้น เพราะฉะนั้นเธออยากจะให้ฉินจุนได้เห็นบ้านของเธอ เพื่อจะได้ไม่ถูกรังเกียจ
แน่นอนว่าเธอเชื่อว่าฉินจุนจะไม่รังเกียจแน่นอน
แน่นอนว่าการไปส่งหวังตงเสวี่ยที่บ้านเกิด อีกทั้งยังเป็นชนบท ถ้าขับรถสปอร์ตไปไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ฉินจุนจึงโทรศัพท์ไปหาเฉินชู เพื่อขอยืนรถออฟโรดเมอร์เซเดส เบนซ์ G-Class
แน่นอนว่าเฉินชูก็เต็มใจให้ยืมอยู่แล้ว เพราะเดิมทีรถคันนี้ก็เป็นรถที่ฉินจุนมอบให้เธอ
พอขับรถมาที่มหาวิทยาลัย หวังตงเสวี่ยก็แบกกระเป๋าเดินทางหลายใบ มีทั้งเสื้อผ้าใส่ปกติ แล้วก็ของฝากให้พ่อแม่กับญาติ ๆ
“พี่ฉิน ครั้งนี้กลับบ้านหลัก ๆ เลยเพื่อไปฉลองวันเกิดลุงใหญ่ของฉัน ฉันซื้อเหล้าให้พี่สักสองขวดดีไหม?”
ฉินจุนไปที่บ้านครั้งแรก แน่นอนว่าเขาควรมีของขวัญติดไม้ติดมือไปด้วย แต่ว่าหวังตงเสวี่ยก็ไม่อยากให้ฉินจุนมาฟุ่มเฟือยเงิน เธอจึงจะซื้อเอง แล้วค่อยให้ฉินจุนเป็นส่งมอบ
ฉินจุนยิ้มก่อนจะเอ่ย, “วันเกิดเหรอ ง่าย ๆ เลย ท่านชอบดื่มเหล้าใช่ไหม?ฉันจะให้คนส่งไปให้สักสองขวด”
พูดจบฉินจุนก็โทรไปหาเมิ่งเหวินกัง ให้เขาส่งเหล้ามาที่นี่
ไม่นานเลขาของเมิ่งเหวินกังก็ขับรถนำเหล้าเหมาไถกล่องนึง เหมาไถกล่องนี้ไม่เหมือนกับที่ขายทั่วไป บนกล่องมีเขียนว่าลิมิเต็ดอิดิชั่น
คิดดูแล้วเหล้าที่เมิงเหวินกังดื่ม ต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
พอนำไปใส่หลังรถ ทั้งสองคนก็ออกเดินทางทันที ระยะทางไม่ไกลมาก เพียงแต่เป็นทางภูเขาจึงเดินทางค่อนข้างลำบาก โชคดีที่สมรรถนะของรถออฟโรดคันนี้ยอดเยี่ยม ใช้เวลาแค่สองสามชั่วโมงก็ถึงแล้ว
พอใกล้จะถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน เขาก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งยืนรออยู่ไกล ๆ
“พี่ฉิน นั่นคือหมู่บ้านของพวกเรา”
เป็นหมู่บ้านธรรมดา ๆ ที่หน้าหมู่บ้านมีป้ายเก่า ๆ แปะอยู่เขียนว่าบ้านเหลียนฮวาสามคำ
คนที่ยืนอยู่ที่หน้าหมู่บ้านคือพ่อแม่ของหวังตงเสวี่ย ซูฮวนกับหวังอ้ายหมิน แล้วก็มีลุงของหวังตงเสวี่ย หวังหย่งเซิ่ง
หวังอ้ายหมินมองดูรถที่อยู่ไกล ๆ พร้อมกับเอ่ยถาม
“คันนั้นหรือเปล่า?”
ซูฮวนส่ายหน้า “ไม่รู้สิ ครั้งที่แล้วที่ฉันไป ฉินจุนไม่ได้ขับรถ”
หวังหย่งเซิ่งขมวดคิ้วเอ่ยถาม “ไม่ได้ขับรถ?คือไม่มีรถหรือว่ามีแต่ไม่ขับ?”
ซูฮวนชะงักหัวเราะอย่างทำตัวไม่ถูก “ฉันก็ไม่รู้ เสี่ยวฉินไม่ได้บอกฉันก็ไม่ได้ถาม”
หวังหย่งเซิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “น้องสะใภ้ เธอต้องถามให้รอบคอบนะ อยู่ในเมืองใหญ่แบบนั้นมีรถหรือไม่มีรถมันต่างกันมากนะ ถ้ามีรถก็สะดวกสบายมาก ไม่มีรถก็เดินทางลำบาก เหมือนลูกชายฉันซื้อรถBMWx5 กลับบ้านทีก็ยังช่วยฉันลากของได้ สบายมาก ๆ ”
ซูฮวนหัวเราะแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
ทั้งหมู่บ้านเหลียนฮวา ก็มีหวังหย่งเซิ่งลุงของหวังตงเสวี่ยเนี่ยแหละที่มีฐานะร่ำรวยที่สุด บ้านมีวัว มีที่ดิน อีกอย่างลูกชายทำงานใช้ชีวิตในเมืองสุขสบาย ถือว่าเขาเป็นเศรษฐีของหมู่บ้านเลยก็ว่าได้
หวังหย่งเซิ่งเอ่ยถามอีกครั้ง “น้องสะใภ้ หยกกวนอิมของบ้านเธอ เธอยังไม่ได้ให้เขาใช่ไไหม?”
ซูฮวนเอ่ย “พี่ใหญ่ฉันให้ไปแล้ว”
หวังหย่งเซิ่งกลอกตาอย่างพูดไม่ออก “น้องสะใภ้ เธอใจร้อนเกินไปแล้ว เจอกันครั้งแรกเธอก็ให้หยกมรดกตกทอดของตระกูลแล้ว ถ้าหากไอ้หนุ่มนั่นมันเป็นคนจน เป็นนักต้มตุ๋นล่ะ?”
ซูฮวนหัวเราะ “ไม่น่าใช่นะพี่ ฉันดูแล้วเสี่ยวจุนก็เป็นคนดี ฉันเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะร่ำรวยมากมาย ดีกับตงเสวี่ยของเราก็พอแล้ว”
ซูฮวนพูดออกมาจากใจจริง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับฉินจุน แต่ก็หวังว่าจะไม่ใช่คุณชายเศรษฐีจากตระกูลไหน
ถ้าพูดถึงเรื่องงานแต่งอะไรพวกนี้ แต่งกับคนที่ฐานะเท่าเทียมกับดีกว่า ถ้าหากเขาเป็นคุณชายเศรษฐี ถ้าในอนาคตแต่งงานไป ต้องคอยเอาใจแม่ผัวลำบากใจเปล่า ๆ
หวังหย่งเซิ่งส่งเสียงไม่พอใจ “พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก คนรุ่นเราไม่ได้มีอนาคตอะไรกัน แต่เด็ก ๆ ต้องทะเยอทะยาน เหมือนกับหวังเถี่ยเฉิงที่มีความสามารถ ออกไปต่อสู้กับโลกภายนอก”
“แม้ว่าหวังตงเสวี่ยของพวกเธอจะเป็นผู้หญิง อนาคตก็สำคัญ เพราะฉะนั้นต้องหาคนดี ๆ อย่าละเลยเด็ดขาด”
ขณะที่คุยกัน รถก็ขับเข้ามาถึงตรงหน้า หวังตงเสวี่ยเดินลงมาจากรถใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“พ่อ แม่ ลุงใหญ่”
หวังหย่งเซิ่งเหลือบมองรถ ก่อนจะเบ้ปาก เตะไปที่ล้อรถเอ่ย
“ก็รถเบนซ์เหมือนลูกชายฉัน ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ แต่รถนี่ไม่เห็นจะสวยเลย”
หวังหย่งเซิ่งทำเหมือนผ่านโลกมาเยอะ จริง ๆ แล้วแค่แสร้งทำเป็นเหมือนรู้เรื่อง รถออฟโรดเมอร์เซเดส เบนซ์ G-ClassกับรถBMWx5 มันก็คนละรุ่นตั้งแต่แรกแล้ว ราคาก็ต่างกันล้านเกือบสองล้าน คันนึงราคาแค่ไม่กี่แสน ส่วนอีกคันราคาหลายล้าน
แต่ว่าในสายตาของหวังหย่งเซิ่ง รถสองคันนี้ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เมอร์เซเดส-เบนซ์คันหนึ่ง และBMWคันหนึ่ง ราคาและระดับน่าจะใกล้เคียงกัน
พอฉินจุนลงมาจากรถ หวังตงเสวี่ยก็รีบพามาแนะนำ
หวังอ้ายหมินพอใจมาก ๆ เหมือนกับที่ซูฮวนพูดไว้เลย ชายหนุ่มคนนี้มีพรสวรรค์และสุภาพมีมารยาท แม้ว่าเขาจะมาจากเมือง แต่ก็ไม่ได้มีมาดอะไร นิสัยดีมาก
“รีบกลับบ้านไปกินข้าวเถอะ!”
หวังหย่งเซิ่งเห็นฉินจุน ก็รู้สึกว่าธรรมดา ๆ แย่กว่าลูกชายเขาตั้งเยอะ ไม่ได้น่าสนใจอะไร
“โอเค พรุ่งนี้อย่าลืมมาแต่เช้านะ ทั้งผู้ใหญ่บ้านของเราและผู้ใหญ่บ้านหลิวจากหมู่บ้านใกล้เคียงจะมา”
พูดจบหวังหย่งเซิ่งก็กลับบ้านไปก่อน
หวังหย่งเซิ่งคนนี้ถือเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในบริเวณหมู่บ้านใกล้เคียง ลูกชายของเขามีความสามารถและสามารถนำเงินสนับสนุนหมู่บ้านจำนวนมาก ฉลองวันเกิดที แม้แต่ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านใกล้เคียงยังมาร่วมงาน ฐานะไม่ธรรมดาจริง ๆ