เดิมทีหวังหยุนเองก็ไม่ได้คิดจะเลี่ยงไม่จ่ายเงินจริงๆ เพราะยังไงครอบครัวของพวกเธอก็ไม่ได้เสียดายเงินไม่กี่แสนนี่ เลี้ยงข้าวประธานเมิ่งและผู้บริหารซุน ไม่กี่แสนแล้วยังไงล่ะ?
ประธานเมิ่งเขาเอาเงินให้กับบริษัทยาเหวินเหอมาสี่พันเก้าร้อยล้านเชียวนะ เงินแค่นี้เธอไม่เสียดายหรอก
เธอก็แค่คิดอยากยืมโอกาสนี้ สั่งสอนฉินจุนสักหน่อย ให้เขารู้ว่าเขาไม่ใช่คุณชายใหญ่คนนั้นของเมื่อก่อนแล้ว ต้องเรียนรู้ที่จะถ่อมตัว ก้มหัวให้คนอื่น
แต่คิดไม่ถึงว่าหนังหน้าของไอ้เด็กนี่กลับหนาขนาดนี้ ไปขอร้องให้ประธานเมิ่งจ่ายเงินแล้ว?
เห็นฉินจุนถูกส่งกลับมาด้วยรถของเมิ่งเหวินกัง ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าไปหาประธานเมิ่งมา
เดิมทีพวกเธอตระกูลจู้พูดไว้อย่างดีแล้วว่าครั้งนี้จะเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวประธานเมิ่ง ผลสรุปสุดท้าย ก็ยังคงเป็นเงินของประธานเมิ่งที่จ่ายออกไป?
นี่จะไม่ทำให้หวังหยุนโมโหได้ยังไง!
“ฉินจุน! คุณเกิดอะไรขึ้น คุณไปหาประธานเมิ่งให้จ่ายเงินใช่ไหม?!”
ฉินจุนขมวดคิ้ว มองหวังหยุนที่มีใบหน้าโกรธเกรี้ยว แล้วพูดว่า
“จ่ายเงินอะไร?”
หวังหยุนส่งเสียงเย็นดังฮึทีหนึ่ง “คุณแสร้งทำเป็นไม่รู้กับฉันให้น้อยลงหน่อย ฉันถามคุณว่า ทำไมคุณถึงนั่งรถของประธานเมิ่งกลับมาได้?”
สีหน้าของฉินจุนเองก็ไม่สบอารมณ์อยู่เล็กน้อย หลังจากตั้งแต่ที่หวังหยุนคนนี้กลับมา ก็ดุด่าเขาหลายต่อหลายครั้ง พูดจาทิ่มแทงหูมาก ทั้งยังมีน้ำเสียงที่คาดโทษและด่าว่าอยู่ด้วย
เห็นแก่หน้าของหลินหลิน ฉินจุนก็อดทนปล่อยผ่าน คิดไม่ถึงว่าเธอจะทำตัวแย่ลงขึ้นเรื่อยๆ
“ผมนั่งรถของเขา ก็แน่นอนว่าเขาให้คนมาส่งผมกลับมาสิ”
“เขาให้คนมาส่งคุณกลับมา? หึ! ตอนที่ฉันกลับ ประธานเมิ่งก็กลับไปแล้ว ทำไมเขาจะต้องให้คนมาส่งคุณอีก? โกหกก็ไม่เนียนเอาซะเลย!”
หวังหยุนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันความโกรธพวยพุ่ง
“บอกให้นะ ตอนที่ฉันออกไปฉันตั้งใจที่จะไม่จ่ายเงิน จะทำให้คุณโทรศัพท์มาขอร้องฉัน! แต่คุณก็ดีนี่ ไม่มาหาฉัน แต่กลับไปขอร้องประธานเมิ่ง? คุณทำอย่างนี้ไม่ใช่ว่าจะส่งผลเสียกับพวกเราเหรอ!”
ฉินจุนหัวเราะอย่างเย็นชา นับว่าเขาเข้าใจแล้ว ยังคิดว่าหวังหยุนคิดแค้นอะไร ที่แท้ก็คือสิ่งนี้นี่เอง?
“คุณคิดมากไปแล้ว ไม่ว่าคุณจะทำอะไร เห็นแก่หน้าของผม เมิ่งเหวินกังก็ไม่มีทางคิดเล็กคิดน้อยกับคุณ”
“แล้วก็ ผมจะทำอะไร ก็ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาสอนผม”
พูดจบแล้ว ฉินจุนก็เดินผ่านตัวหวังหยุนเข้าไปทันที
หวังหยุนยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง หลังจากนั้นมุมปากก็บิดเบี้ยวอย่างแรง
ไร้ยางอาย ไร้ยางอายจริงๆ!
เห็นแก่หน้าของคุณ? คุณนับเป็นคุณชายคุณไหนล่ะ ประธานเมิ่งเขา ถึงจะเห็นแก่หน้าของคุณ?
หวังหยุนโกรธแทบตายจริงๆ ไอ้เด็กตระกูลฉินนี่ปากแข็งชิบหาย!
ฉินจุนไม่ได้สนใจหวังหยุน และเขาก็เดินเข้าไปข้างใน ถามจู้หลินหลิน
“คุณปู่จู้น่าจะออกจากโรงพยาบาลแล้วใช่ไหม ถ้าจำไม่ผิด พรุ่งนี้ก็คือวันเกิดครบอายุเจ็ดสิบปีของคุณปู่จู้”
จู้หลินหลินพยักหน้า “อืม พรุ่งนี้คุณปู่ออกจากโรงพยาบาล แต่ว่า…”
สีหน้าของจู้หลินหลินกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เพราะไม่กี่วันก่อนพวกเธอเพิ่งจะถูกไล่ออกจากตระกูลจู้ แม้จะพูดว่าคุณปู่กลับมาแล้ว แต่ตอนนี้ลุงใหญ่เป็นคนควบคุมทุกสิ่ง ร่างกายของคุณปู่ก็ยังอ่อนแออีก ไม่รู้จริงๆว่าควรพูดเรื่องนี้กับคุณปู่หรือไม่
ฉินจุนกลับไม่ได้มีความกังวลใจในด้านนี้
“งั้นก็ดี พรุ่งนี้ผมจะไปอวยพรวันเกิดให้คุณปู่จู้”
…
เช้าวันต่อมา ฉินจุนก็มาถึงตระกูลจู้ ในตระกูลจู้นั้นที่จู้หมิงอาศัยอยู่
เมื่อคืนจู้หมิงโทรศัพท์คุยกับจู้หย่ง สองพี่น้องตกลงกันเรียบร้อยแล้ว วันนี้เจอกัน ไม่แตกต่างเหมือนก่อนหน้านี้
หรือก็พูดได้ว่า เรื่องที่ครอบครัวจู้หย่งทั้งสามคนถูกไล่ออกจากบ้านนั้นไม่พูดถึงก่อนชั่วคราว
จู้หย่งไม่อยากพูดถึง เพราะกลัวว่าอาการของคุณปู่จะยังไม่เรียบร้อยดี ถ้าโกรธขึ้นมา เกิดอาการก็คงจะไม่ดีแล้ว
จู้หมิงไม่อยากพูดถึง คือกลัวว่าคุณปู่จะสั่งให้พวกเขากลับมาล้วนๆ
ดังนั้นภายใต้การปรึกษาของสองพี่น้อง ก็ตัดสินใจปิดบังเรื่องนี้ ไม่พูดขึ้นก่อนชั่วคราว
เดินเข้าไปด้านใน จู้หมิงเห็นฉินจุน ดวงตาแดงก่ำ กำหมัดแน่น ท่าทางราวกับอยากชกเขาให้ตาย
แต่วันนี้เป็นวันเกิดของคุณปู่จู้ เขาก็ทำได้เพียงอดทนเอาไว้
เห็นจู้ซานเตา ฉินจุนเดินขึ้นบนไปทักทาย
“คุณปู่จู้ ผมคือฉินจุน ขอให้คุณปู่มีโชคลาภวาสนามากๆ อายุยืนยาว!”
เห็นฉินจุน จู้ซานเตาตื่นเต้นตื้นตันมาก
“ดีๆๆ! เสี่ยวจุน รีบเข้ามา ให้คุณปู่จู้ดูหน่อยสิ!”
ฉินจุนเดินขึ้นไปอย่างนอบน้อม ในดวงตาสีขุ่นของจู้ซานเตาก็มีน้ำตารื้นขึ้นเล็กน้อย ลูบไหล่ของฉินจุน
“เด็กน้อยเอ้ย โตขึ้นประสบความสำเร็จแล้ว!”
หลังจากจู้ซานเตาฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลแล้ว ก็ได้ยินเรื่องที่ฉินจุนทำการรักษาให้กับเขา
คนรุ่นหลังของตระกูลฉินในปีนั้น สามารถมีชีวิตรอดอยู่ต่อได้นั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ วันนี้มีทักษะทางการแพทย์ติดตัว แม้ว่าไม่มีความช่วยเหลือของพวกเขา ก็ยังสามารถอยู่ในชนชั้นสังคมได้แน่นอน
ถ้าเหล่าฉินที่ตายไปแล้วได้รู้เข้า ก็คงจะตายตาหลับแล้ว!
จู้ซานเตาดีใจมาก แต่ข้างกายมีชายหนุ่มคนหนึ่ง สีหน้าไม่น่าดูนัก
ชายหนุ่มคนนี้ ก็คือจินซานหลง
วันนี้เป็นวันเกิดของคุณปู่จู้ แน่นอนว่าเขาจะต้องมา
เพราะเขามีการหมั้นหมายอยู่กับจู้หลินหลินบนตัว แต่ว่าไม่ว่าจู้หลินหลินจะเข้ามาหรือออกไป ก็ล้วนมีเงาของฉินจุนอยู่ด้วยทุกครั้ง ทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เห็นว่าในมือของฉินจุนไม่ได้เอาอะไรมาเลย มุมปากของจินซานหลงก็ปรากฏรอยยิ้มเย็นๆ พูดว่า
“วันนี้วันเกิดคุณปู่จู้ ผมตั้งใจเตรียมของขวัญเป็นพิเศษมาชิ้นหนึ่งด้วย ในเมื่อคนก็มากันเยอะแล้ว งั้นผมก็จะเอาให้คุณปู่จู้เลย ให้พวกคุณได้เปิดหูเปิดตาด้วยพอดี”
คำพูดของจินซานหลง หยิ่งยโสอย่างที่สุด
ผู้คนที่กำลังอยู่ในงานเลี้ยง เป็นคนที่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของคุณปู่จู้ ทุกคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา
จากความรู้คิดของพวกเขา ของอะไรที่มีค่ามากพอเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเขาเปิดหูเปิดตาได้นะ?
จินซานหลงเอากล่องไม้ที่ประณีตกล่องหนึ่งออกมาจากในอก ทันใดนั้น กลิ่นหอมก็กระจายไปทั่วทุกสารทิศ
ดวงตาของทุกคนวาววาบ ออร่าจากกล่องนี้ไม่ธรรมดาเลย ดูจากกลิ่นนี้ที่ทำงานแล้ว จะต้องมีค่าราคามากแน่นอน
และมูลค่าของกล่องไม้กล่องนี้ ก็เป็นของขวัญที่มีค่ามากกว่าของขวัญของหลายๆคนที่ให้มา
ดูจากสิ่งนี้แล้ว ที่จินซานหลงบอกว่าให้พวกเขาเปิดหูเปิดตานั้น ก็ไม่ได้พูดจาเพ้อเจ้อแล้ว ไม่แน่ว่าจะเป็นของขวัญชิ้นดีส่งให้จริงๆน่ะ
แกร๊ก!
กล่องเปิดออก ด้านในคือลูกวอลนัทสองลูก
แดงสดสวยงามดั่งหยก วิบวับแวววาว
สีของวอลนัทนี้สว่าง เป็นสีแดงสด ราวกับหยกที่งดงามอย่างไรอย่างนั้น ไม่รู้จริงๆว่าจะต้องเป็นของมีค่าที่ใช้เวลาคลึงได้นานเท่าไหร่กัน!
จู้ซานเตามองเห็นลูกวอลนัทนี้ สองดวงตาฉับพลันก็วาววาบ
เขาชอบการคลึงลูกวอลนัทที่สุด ลูกวอลนัทที่เก็บสะสมเอาไว้ในบ้านก็มีจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีสักลูกที่เทียบกับลูกวอลนัทคู่นี้ได้เลย
ลูกวอลนัทคู่นี้ แทบจะเหมือนกันทุกอย่าง หาได้ยากมาก ทั้งยังขัดเกลาจนแดงวับเช่นนี้อีก เป็นงานที่ดีมากจริงๆ
จากการคาดเดาของจู้ซานเตา ลูกวอลนัทคู่นี้ อาจจะมีมูลค่ากว่าสิบล้าน!
“คุณชายจิน ของขวัญนี้ มีค่าแพงมากเกินไปหรือเปล่า?”
จินซานหลงหัวเราะเรียบๆทีหนึ่ง “คุณปู่จู้เกรงใจเกินไปแล้ว พวกเรามีความสัมพันธ์ยังไงกันล่ะ ของขวัญเล็กน้อยเท่านั้น ให้แทนความเคารพก็ยังไม่พอ”
ตอนที่จินซานหลงพูด ดวงตาที่มีความยั่วยุก็ได้มองไปทางฉินจุน ราวกับกำลังโอ้อวดอยู่อย่างไรอย่างนั้น
คิดจะเอื้อมมาแตะคนตำแหน่งสูงในตระกูลจู้ ไม่มีความสามารถอะไรสักหน่อยจะทำได้อย่างไร?
คนสวยอย่างจู้หลินหลินนี้ ไม่ใช่คนที่หมาวัดตัวไหนจะมาคู่ควรได้
เขามองออก จู้ซานเตาชอบลูกวอลนัทคู่นี้มาก แต่มีค่ามากเกินไป ทั้งยังรู้สึกไม่ดีเล็กน้อยที่จะรับเอาไว้
เหมือนที่พูดกันไว้ว่ารับของคนอื่นมือไม้อ่อน ถ้าหากรับเอาไว้จริงๆ เกรงว่าตอนที่จินซานหลงร้องขออะไรออกมา เขาก็คงปฏิเสธออกไปได้ไม่เต็มปาก
จินซานหลงเองก็มองออกถึงความลังเลของคุณปู่จู้ พูดกลั้วหัวเราะว่า “คุณปู่ไม่ต้องรีบร้อนปฏิเสธก่อนก็ได้ ไม่สู้ดูว่าพี่ฉินคนนี้ให้ของขวัญอะไรมา? ลองเปรียบเทียบดู แล้วค่อยทำการตัดสินก็ยังไม่สายครับ”
น้ำเสียงของจินซานหลง ราวกับมีความหยอกเย้าล้อเล่นด้วย แต่ความจริงแล้วเขาคิดอยากให้ฉินจุนแข่งกับเขา ให้เขารู้ว่าอะไรที่เรียกว่าชนชั้นสูง ให้เขารู้ว่าความต่างระดับระหว่างพวกเขาทั้งสองคนนั้นห่างกันลึกราวกับหุบเหว
จินซานหลงพูดพลางมองฉินจุน
“วันเกิดของคุณปู่จู้คุณก็คงไม่มีทางไม่รู้หรอกใช่ไหม? ไม่ทราบว่าคุณฉินเตรียมของขวัญอะไรไว้?”
จู้ซานเตาขมวดคิ้ว กังวลใจว่าฉินจุนจะอับอาย พูดว่า
“เสี่ยวจุนเพิ่งกลับมาตงไห่ได้ไม่นาน ไม่จำเป็นต้องมากมารยาท เขาสามารถกลับมาได้ก็เป็นการให้ของขวัญที่ดีที่สุดกับผมแล้ว”
สีหน้าจินซานหลงจริงจังไปในทันที พูดว่า
“พูดไม่ผิด แต่พวกเราก็เป็นคนรุ่นหลัง วันเกิดของผู้อาวุโส ไหนเลยจะมีเหตุผลให้ไม่ต้องเตรียมของขวัญวันเกิดล่ะ?”
ในตอนนี้ สายตาของแขกทั้งหมดทุกคนในงานเลี้ยงก็รวมกันอยู่บนตัวของฉินจุน
พวกเขาเองก็ไม่รู้จักฉินจุน รู้สึกแปลกใจอยู่นิดหน่อย ชายหนุ่มที่แต่งตัวธรรมดาสามัญอย่างมากคนนี้ ทำไมถึงมีคุณสมบัติเข้าร่วมงานเลี้ยงเดียวกันกับพวกเขา?
และ ยังสามารถได้รับความชื่นชอบจากลูกสาวของตระกูลจู้อีกด้วย?
ฉินจุนลังเลเล็กน้อย แล้วพูดว่า
“แน่นอนว่าผมก็ได้เตรียมของขวัญวันเกิดชิ้นหนึ่งเอาไว้แล้ว เพียงแต่ว่า มันยุ่งยากเล็กน้อย”