จินซานหลงหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง “ยุ่งยาก หมายความว่ายังไง หรือว่าของขวัญยังจำเป็นต้องทำอาหารให้เสร็จก่อน? คุณคงไม่ได้ให้พวกอาหารอันโอชะอะไรพวกนั้นใช่ไหม?!”
“ฮ่าๆๆ…”
คำพูดของจินซานหลงทำให้ทุกคนหัวเราะเสียงดังออกมาพร้อมกัน
อาหารอันโอชะ ถ้าหากอยู่ในบ้านของคนธรรมดาทั่วๆไป ก็เป็นของขวัญที่ดีมากๆ
แต่อยู่ในครอบครัวชนชั้นสูงอย่างพวกเขานี้ ให้อาหารที่ธรรมดาที่สุดเหล่านั้น แม้ว่าจะเป็นอาหารอันโอชะที่มีราคาแพง แต่ก็เป็นของที่อยู่ในระดับล่างมากๆอย่างเห็นได้ชัด
จู้ซานเตาขมวดคิ้ว ไม่อยากให้ฉินจุนอึดอัดใจ
“เสี่ยวจุนเป็นลูกชายของเพื่อนเก่าของผม ไม่ว่าจะให้อะไร ล้วนถือเป็นน้ำใจ”
แม้ว่าจู้ซานเตาจะพูดอย่างนี้แล้ว ทุกคนก็ยังคงมองไปยังฉินจุนด้วยใบหน้าที่รู้สึกสนุกอยู่เช่นเคย
อยากรู้ว่าคนบ้านนอกอย่างนี้ จะสามารถให้ของขวัญอะไรได้ ทำให้ทุกคนหัวเราะเสียงดังกันออกมาอีกครั้ง
ฉินจุนในสายตาของทุกคน เหมือนกับตัวตลกอย่างไรอย่างนั้น
คนทั่วไปในครอบครัวธรรมดา อยู่ท่ามกลางคนที่มีชื่อเสียงร่ำรวยจำนวนมากขนาดนี้ เดิมทีก็เหมือนของแปลกอยู่แล้ว
ใกล้ชิดกับจู้หลินหลินขนาดนี้ ยิ่งทำให้ทุกคนไม่พอใจ
ฉินจุนหยิบโทรศัพท์ออกมา เดิมทีของเขาชิ้นนี้ เตรียมเอาไว้ให้จู้ซานเตาในตอนที่ไม่มีใครอยู่ด้วย แต่ว่าในเมื่อพูดถึงของขวัญชิ้นนี้แล้ว เขาก็จะไม่เอาออกมาไม่ได้แล้ว
“หัวหน้าหลิว ตอนนี้เข้ามาได้แล้ว”
ได้ยินว่าฉินจุนโทรศัพท์ จินซานหลงก็พูดกลั้วหัวเราะเย็นชาว่า
“หัวหน้าหลิว? นี่คือหัวหน้าคนไหน? ทำไมมาส่งของขวัญ ยังจำเป็นต้องให้เขาเข้ามา? คุณฉินให้ของขวัญอะไรกันแน่ คุณพูดออกมาตรงๆก็พอแล้ว”
ฉินจุนทำลับลมคมในเช่นนี้ ก็ทำให้ทุกคนเกิดความไม่พอใจ คุณก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ดูคุณแต่งตัวก็ไม่ใช่ลูกคนรวยอะไร จะสามารถให้ของขวัญที่มีค่าอะไรได้?
ทำให้ทุกคนรอคอยอย่างสนใจเช่นนี้ มันทรมานมากจริงๆ
ฉินจุนพูดว่า “บังเอิญมาก ของที่ผมให้ ก็เป็นลูกวอลนัทคู่หนึ่งเหมือนกัน”
จู้ซานเตาชอบของสิ่งนี้ คนอื่นรู้ แน่นอนว่าฉินจุนเองก็รู้
ตอบสนองความต้องการ ดังนั้นฉินจุนเองก็เตรียมเอาไว้ชิ้นหนึ่ง
ฉับพลันนั้น สีหน้าท่าทางของทุกคนก็เปลี่ยนไปเป็นแปลกประหลาดขึ้นมา
ถ้าหากฉินจุนให้ของขวัญอย่างอื่น แม้ว่าจะให้อาหารทะเลชุดใหญ่ธรรมดาๆชุดหนึ่ง พวกเขาเองก็คงไม่พูดอะไร
ยังไงก็ไม่ใช่คนระดับเดียวกัน ต่างจิตต่างใจ
แต่ ตอนนี้ฉินจุนและคุณชายจินให้ของเหมือนกัน เช่นนั้นก็สนุกแล้ว
ของที่ไม่เหมือนกันวางอยู่ด้วยกันก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ แต่ของเหมือนกัน พินิจพิเคราะห์สักหน่อยก็มองออกแล้ว
กระทั่งว่าเทียบราคากันก็รู้แล้ว
ลูกวอลนัทที่คุณชายจินเขาให้ ราคากว่าสิบล้าน ถ้าฉินจุนให้มาไม่กี่ร้อยหยวน งั้นก็ไม่ใช่ว่าขายหน้าอย่างที่สุดเหรอ?
และลูกวอลนัทของแบบนี้ วางไว้เล่นในมือ มีลูกวอลนัทชั้นดีที่คุณชายจินให้มาแล้ว ลูกวอลนัทกากๆที่ฉินจุนให้มาจะยังใช้ได้เหรอ?
คุณปู่จู้คงไม่สามารถใช้ทั้งสองมือมาคลึงลูกวอลนัทได้หรอกนะ?
หวังหยุนกรอกตามองบนอยู่อีกด้านมาโดยตลอด น่าขายหน้าจริงๆ เห็นอยู่ชัดๆว่าอนาถจนเทียบไม่ได้กับคนทั่วไปแล้ว แต่ก็ยังชอบทำตัวเด่น
ตอนนี้ก็จบแล้ว ความกระหายของทุกคนมีขึ้นมาแล้ว ไม่เอาออกมาก็ต้องเอาออกมาแล้ว ถึงตอนนั้นคนที่ขายหน้าก็ไม่ใช่ว่าเป็นเขาเองเหรอ?
สีหน้าท่าทางของจินซานหลงก็แปลกใจเป็นอย่างมาก กำลังคิดว่าจะทำยังไงให้ฉินจุนขายหน้าสักหน่อยต่อหน้าของจู้หลินหลิน ผลสุดท้ายก็เป็นเขาที่เสนอตัวเองมา?
“คุณชายฉิน การคลึงลูกวอลนัทนี้เป็นเรื่องละเอียดมาก ตอนนี้เทคโนโลยีพัฒนามาถึงขนาดนี้ ลูกวอลนัทจำนวนมากที่ดูแล้วผิวปั้นมันเงาไม่เลวนั้น ความจริงแล้วล้วนใช้เครื่องมือทำมันออกมา ลูกวอลนัทเช่นนี้หลอกพวกคุณคนที่ไม่ค่อยเข้าใจนักก็ยังได้อยู่ แต่สำหรับคนที่ชำนาญนั้นมองครั้งเดียวก็มองออกแล้ว”
“คุณอย่าคิดเอาพวกของเหลือของชำรุดพวกนั้นมาหลอกลวงคุณปู่จู้นะ”
จู้หลินหลินขมวดคิ้ว ไม่พอใจอยู่เล็กน้อย
“จินซานหลง คุณอย่าพูดซี้ซั้ว พี่เสี่ยวจุนให้ของขวัญต่างหาก หลอกลวงคุณปู่อะไรล่ะ?”
มุมปากของจินซานหลงบิดเบี้ยว สีหน้าไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง
ในนาม จู้หลินหลินนับได้ว่าเป็นคู่หมั้นของเขา สุดท้ายเธอไม่ช่วยเขาพูด แต่กลับช่วยฉินจุนพูด
หวังหยุนเห็นสถานการณ์เข้า ก็รีบพูดเสียงเบาทันทีว่า
“หลินหลิน! แกลืมเหรอว่าคุณชายจินต่างหากที่ช่วยฉันไว้ แกนี่มันอะไรน่ะ!”
จู้หลินหลินอ้าปาก คำพูดที่อยากจะพูดก็หยุดลง บุญคุณนี้ทับอยู่บนตัวเธอแล้ว
จินซานหลงเห็นสถานการณ์ ก็พูดว่า
“หลินหลิน คำพูดนี้ไม่ถูกต้องนะ แม้จะพูดว่าของขวัญด้อยค่าแต่มากไปด้วยน้ำใจนั้น แต่ถ้าของขวัญที่ให้ไปเป็นของปลอม หรือไม่ก็เป็นของเหลือของไม่ดี ก็ไม่ใช่ว่าไม่เป็นการเคารพต่อเจ้าของวันเกิดเหรอ? ถ้าให้ลูกวอลนัทราคาไม่กี่ร้อยหยวนมา ผมเห็นว่าให้อาหารทะเลชุดใหญ่มายังดีเสียกว่า อย่างน้อยอาหารทะเลก็ไม่มีทางเป็นของปลอม”
จินซานหลงกำลังทำการบีบคั้นอยู่ ของขวัญของฉินจุนยังไม่ได้เอาออกมา เขาก็ตัดสินไปแล้วว่าของของฉินจุนเป็นของไม่ดี
เดิมทีจู้หลินหลินอยากช่วยฉินจุนพูดอีกสักกี่ประโยค แต่หวังหยุนที่อยู่ด้านข้างขวางเธอไว้ตลอดเวลา เธอก็ทำได้เพียงปล่อยไป
ไม่นานนัก รถของรัฐบาลคันหนึ่งก็หยุดอยู่หน้าประตู
ผู้หญิงสองคนใส่สูทสีดำลงมาจากบนรถ บนหน้าอกประดับตราของประเทศ
“คุณผู้ชายฉิน ขอโทษด้วย มาช้าเล็กน้อยแล้ว”
จู้ซานเตาตะลึงไปเล็กน้อย เป็นข้าราชการ ยังไงเขาก็ต้องนอบน้อมอยู่บ้าง
“รบกวนถามหน่อยครับว่าทั้งสองท่านคือ…”
“สวัสดีค่ะ คุณปู่จู้ ฉันคือหัวหน้าหลิวของสำนักงานรับรองเอกสาร”
“สวัสดีครับหัวหน้าหลิว วันนี้มาเพราะ…” ในความทรงจำของจู้ซานเตา จำไม่ได้ว่ารู้จักกับหัวหน้าหลิวคนนี้นะ ไม่รู้ว่าเธอมาด้วยเจตนาอะไร?
หัวหน้าหลิวพูดว่า “คืออย่างนี้ค่ะ ไม่กี่เดือนก่อนคุณผู้ชายฉินซื้อลูกวอลนัทคู่หนึ่งที่เมืองหลวงเพื่อส่งให้คุณเป็นของขวัญ แต่เพราะว่าลูกวอลนัทคู่นี้มีมูลค่ามาก ดังนั้นในตอนที่สับเปลี่ยนเจ้าของ จำเป็นต้องให้พวกเราสำนักงานรับรองเอกสารอยู่ที่นี่ด้วย แล้วก็ลูกวอลนัทและหนังสือรับรองล้วนอยู่ที่พวกเรา”
สิ้นเสียงพูดจบลง ทั่วทั้งสถานที่เงียบกริบไป
ของขวัญที่จำเป็นต้องรับรอง?
ทุกคนล้วนมองอย่างโง่งม ผู้ดีจำนวนมากที่อยู่ที่นี่ ของขวัญแบบไหนที่ยังไม่เคยเห็น?
แต่ของขวัญที่จะให้แล้วจำเป็นต้องรับรองนั้นก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็น เป็นลูกวอลนัทแบบไหนกันแน่?
ฉินจุนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนแรกเขาอยู่ที่เมืองหลวง เพียงแค่เห็นว่าลูกวอลนัทนี้ไม่เลวเลย คุณปู่จู้น่าจะชอบ ดังนั้นก็จึงซื้อเสียเลย และก็คิดไม่ถึงว่าจะยุ่งยากขนาดนี้
จู้ซานเตาเองก็นิ่งงันไป
“เป็นอย่างนี้นี่เอง งั้นก็รบกวนพวกคุณแล้ว”
หัวหน้าหลิวเกรงใจมาก “ไม่เป็นไรค่ะ นี่เป็นงานของพวกเราอยู่แล้ว”
พูดจบ หัวหน้าหลิวก็สวมถุงมือสีขาว เปิดหีบที่มีรหัสลับที่ติดตัวออก ด้านในมีกล่องคริสตัลกล่องหนึ่งวางไว้อยู่ คั้นด้วยคริสตัลนั้น สามารถมองเห็นได้ว่าด้านในคือลูกวอลนัทสีแดงสดสำหรับคลึงสองลูก
“นัยน์ตาเพลิง! นั่นคือนัยน์ตาเพลิง!”
ไม่กี่เดือนก่อน บนโทรทัศน์ในรายการหนึ่งก็เคยแนะนำลูกวอลนัทสำหรับคลึงชุดนี้ที่ติดระดับสูงสุดในทั้งประเทศ
เพราะลูกวอลนัทนี้เป็นสีแดงสด เป็นการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ยากที่จะได้มา และลูกวอลนัททั้งสองก็เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว เหมือนเป็นฝาแฝดอย่างไรอย่างนั้น นี่ก็ยิ่งได้มันมายากเข้าไปอีก
ไม่เพียงเท่านี้ ว่ากันว่าลูกวอลนัทมีมาตั้งแต่ยุคราชวงศ์ชิง พระบรมวงศานุวงศ์ได้เล่นอยู่ในมือ ส่งผ่านต่อมาจนถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นสี ความรู้สึกในมือ หรือแม้แต่มูลค่า ล้วนอยู่ในระดับสูงสุด
ลูกวอลนัทคล้ายหยกไปแล้ว ดูแล้วก็เหมือนหยกบริสุทธิ์สองชิ้นอย่างไรอย่างนั้น
เพราะลูกวอลนัททั้งสองลูกมีสีที่เป็นเอกลักษณ์ ดังนั้นจึงถูกคนเรียกว่านัยน์ตาเพลิง คิดไม่ถึงว่าวันนี้กลับได้เห็นของจริงอยู่ที่นี่!
เป็นของจริงแน่นอน ไม่มีใครกล้าสงสัยข้อนี้ เพราะนี่ไม่ได้ส่งออกมาจากในมือของฉินจุน แต่ส่งออกมาจากสำนักงานรับรองเอกสาร! ใครกล้าสงสัยความสามารถในการวินิจฉัยและแยกแยะของสำนักงานรับรองเอกสารกันล่ะ?
หัวหน้าหลิวเปิดเอกสารทางกฎหมายออกมา ให้ฉินจุนและจู้ซานเตาเซ็นชื่อที่เอกสารสัญญาบางส่วน หลังจากนั้นก็ไปอีกขั้นตอน
“เรียบร้อย ขั้นตอนเรียบร้อยแล้วค่ะ ของขวัญอยู่ในนี้แล้ว สุขสันต์วันเกิดนะคะ”
“ครับ ขอบคุณหัวหน้าหลิวมากๆ”
หัวหน้าหลิวทำธุระเสร็จแล้ว เตรียมตัวขึ้นรถจากไป
จินซานหลงกัดฟัน เดินขึ้นหน้าแล้วพูดว่า
“หัวหน้าหลิวรอก่อนครับ คุณดูสักหน่อย ลูกวอลนัทนี้ผมเองก็ต้องการมอบให้กับคุณปู่จู้เช่นกัน ต้องการตรวจสอบรับรองสักหน่อยไหม?”