หลินเยวี่ยเหยาตกใจ “แบบนี้จะไม่เป็นไรใช่ไหม? ถ้าผู้ป่วยชักขึ้นมาจะทำยังไง?”
“ไม่ต้องห่วง ขยับไม่ได้หรอก”
ฉินจุนใช้เข็มเงินปิดผนึกจุดฝังเข็มขนาดใหญ่สองจุดของเขาไว้แล้ว ตั้งแต่ส่วนเหนือคอขึ้นมาก็จะไม่สามารถขยับได้
จากนั้นหลินเยวี่ยเหยาก็เตรียมกรรไกรและคีมสำหรับการผ่าตัดต่างๆเสร็จแล้ว และทั้งสองก็เริ่มผ่าตัด
ขั้นตอนการผ่าตัดนั้นง่ายมากๆ คือการถอนฟันที่ผุนั้นออกมา เพราะมันทำลายเส้นประสาทด้านใน และปิดกั้นทางเดินของเลือดลม ส่วนที่เกี่ยวข้องด้านล่างก็จะหาย
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของการผ่าตัดทั้งหมดก็คือ ผู้ป่วยไม่สามารถให้ความร่วมมือได้ พวกเขาไม่สามารถใช้วิธีผ่าตัดแบบปกติได้ ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญหลายคนจึงไม่กล้าทำอะไร
แต่คิดไม่ถึงว่าฉินจุนใช้แค่เข็มเงินเพียงสองเล่มก็ทำให้ผู้ป่วยนิ่งได้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่แพทย์แผนจีนทั่วไปจะสามารถทำได้
จุดฝังเข็มที่เคยเห็นในทีวีเมื่อก่อนนั้นล้วนแต่เป็นของปลอมทั้งนั้น มันเกินจริงเกินไป
จุดฝังเข็มในศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงคือจุดสำคัญที่ทำให้คนสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปได้ในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งไม่ได้เกินจริงเลยที่จะบอกว่ามันสามารถทำให้ร่างกายแข็งทื่ออยู่กับที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
แต่เข็มเงินสองเข็มของฉินจุนทำอย่างนั้นได้ ซึ่งทำให้หลินเยวี่ยเหยาต้องมองเขาใหม่
“นี่คือวิธีการรักษาแบบพื้นบ้านเหรอ?”
ฉินจุนยิ้ม “ใช่”
“นี่…ฝึกง่ายไหม?” หลินเยวี่ยเหยาก็อยากเรียนเช่นกัน ปัญหาใหญ่ที่สุดในด้านทันตกรรมคือการอ้าปากของคนไข้ บางครั้งถึงแม้คนไข้จะพยายามให้ความร่วมมือแล้ว แต่เมื่อคีมมีดแตะปาก ก็มีมักจะคลื่นไส้หรือหุบปากตามสัญชาตญาณเสมอ
ถ้าสามารถเรียนรู้เคล็ดลับนี้ได้ เอาเข็ม 2 เข็มปักที่มุมปากของผู้ป่วยเขาก็ต้องยอมอ้าปากแต่โดยดี นี่เป็นความสะดวกอย่างมากในการรักษานะ
ฉินจุนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าเธอไม่มีพื้นฐาน มันก็ยาก…”
หลินเยวี่ยเหยาเป็นแพทย์แผนตะวันตก ถ้าอยากเรียนการฝังเข็มก็ต้องเริ่มเรียนตั้งแต่เริ่มต้น อยากเรียนให้ได้ระดับฉินจุนก็คงไม่ง่าย
“อ่อ…” หลินเยวี่ยเหยาผิดหวังเล็กน้อย แต่เธอรู้สึกเชื่อมั่นในทักษะทางการแพทย์ของฉินจุนขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะได้เรียนรู้ทักษะบางอย่างจากภายนอกมามาก
เดาว่าผู้เฒ่าหมอจีนคนนั้นจะต้องเชี่ยวชาญการรักษาแบบพื้นบ้านแน่ๆ และฉินจุนก็บังเอิญได้เจอกับเขาพอดี มันไม่ง่ายเลยจริงๆ
ทั้งสองคนได้ทำการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย ฉินจุนก็ฝังให้เข็มให้ผู้ป่วยอีกสองสามเข็ม ปัญหาในช่องปากก็แก้ได้แล้ว ที่เหลือก็เป็นภาวะแทรกซ้อนแล้ว ซึ่งสามารถรักษาได้ค่อนข้างง่าย
เมื่อดึงเข็มเงินทั้งสองเล่มออกจากปากของเขา ผู้ป่วยก็ลืมตาขึ้น และเห็นฉินจุนและหลินเยวี่ยเหยารางๆ
หลินเยวี่ยเหยารีบเดินเข้าไปหาเขา เปิดเปลือกตาของผู้ป่วยเพื่อตรวจสอบ และพบว่าพวกเขาดีขึ้นมาก ยื่นมือออกไปสามนิ้ว
“นี่กี่นิ้ว?”
คนไข้กลืนน้ำลายเล็กน้อยอย่างอ่อนแรง “สาม…”
สติสัมปชัญญะและการมองเห็นกลับมาแล้ว นี่จะเรียกว่าเป็นการปลุกขึ้นมาจากความตายเลยก็ว่าได้!
“คุณพักก่อนเถอะ ผมจะให้กลูโคสเหลวคุณ”
ร่างกายของผู้ป่วยอ่อนแอมาก ต้องการสารอาหารอย่างเร่งด่วน ดังนั้นเขาจึงให้กลูโคสเขาในห้องฉุกเฉิน
ผู้อำนวยการจงรออยู่ข้างนอกนานแล้ว แต่หลินเยวี่ยเหยาก็ยังไม่ออกมา เขาอดทนรอไม่ไหวแล้วจึงพาหลายคนเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
เมื่อเห็นคนไข้กำลังแขวนคอกลูโคสอยู่ เขาก็ตกใจมาก
รีบเดินเข้าไปตรวจอาการของผู้ป่วย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“รักษาเสร็จแล้ว?”
หลินเยวี่ยเหยาแค่นหัวเราะ “ใช่ โดยที่ไม่รบกวนคุณสักนิด”
พูดจบเธอก็กลอกตาไปหนึ่งที หมออย่างผู้อำนวยการจงนี่ไร้ความสามารถ และไม่มีจรรยาบรรณทางการแพทย์เลย ควรโดนไล่ออก
ผู้อำนวยการจงตรวจสอบอาการซ้ำหลายครั้งก่อนจะแน่ใจว่าผู้ป่วยดีขึ้นแล้วจริงๆ จากนั้นเขาก็กลอกตาและก็นึกแผนอะไรขึ้นมาได้
พูดกับคนที่อยู่ตรงนี้ว่า “จำไว้นะ ฉันเป็นคนช่วยชีวิตคนไข้คนนี้!”
ผู้อำนวยการจงพูดด้วยเสียงต่ำอย่างนี้ แพทย์คนอื่นๆก็เข้าใจในทันที และพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉวยโอกาสในขณะที่ฉินจุนและหลินเยวี่ยเหยายังคงดูแลผู้ป่วยอยู่ ผู้อำนวยการจงก็ได้พาคนของเขาเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินอีกครั้ง
ทันทีที่เขาออกมา หัวหน้าบรรณาธิการฉู่ และสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ ก็เข้ามาล้อมเขาทันที รวมทั้งนักข่าวที่ถือกล้องด้วย
“หมอ! พี่ชายฉันเป็นยังไงบ้าง! เมื่อนี้พวกคุณรับประกันไว้ดิบดีว่าจะพี่ชายฉันจะไม่เป็นไรน่ะ!”
คนที่รับประกันว่าผู้ป่วยจะไม่เป็นอะไรน่ะคือฉินจุน แต่ในความเห็นของหัวหน้าบรรณาธิการคนเหล่านี้ก็เป็นแพทย์ในโรงพยาบาลเหมือนกันหมด ล้วนอยู่ในกลุ่มเดียวกัน
ผู้อำนวยการจงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“วางใจได้ครับ คนไข้ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว ตอนนี้เขากำลังรับกลูโคสเพื่อเสริมน้ำตาลในเลือด ไม่นานก็จะได้ออกมาแล้วครับ”
ในที่สุดสีหน้าของหัวหน้าบรรณาธิการฉู่ก็ผ่อนคลายลง เขาโล่งใจที่รู้ว่าพี่ชายของเขาไม่เป็นไร
กล้องยังคงถ่ายอยู่ หัวหน้าบรรณาธิการฉู่ก็ถามขึ้น
“แม้ว่าจะไม่ได้เกิดอุบัติเหตุทางการแพทย์ แต่ครั้งนี้มันก็น่าหวาดเสียวมาก คุณช่วยอธิบายเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ให้ละเอียดหน่อยได้ไหม?”
ผู้อำนวยการจงพยักหน้าและพูดกับกล้อง
“เหตุผลที่ครั้งนี้ช่วยชีวิตผู้ป่วยได้อย่างหวุดหวิดก็เป็นเพราะส่งผู้ป่วยมาไม่ทันเวลา”
“หลังจากผู้ป่วยมาที่โรงพยาบาลเพื่อประชาชนและอยู่ในมือของหมอหลินเยวี่ยเหยาแล้ว เขาได้รับการช่วยเหลือจากแผนกอายุรกรรม สุดท้ายเพราะผู้ป่วยได้รับยาแก้ปวดผิด จึงทำให้เกิดอาการช็อกและชัก”
“ตอนที่ส่งคนไข้เข้ามา เขาก็ไม่สามารถอ้าปากได้แล้ว ขั้นตอนนี้ถ้าเป็นหมอฟันธรรมดาก็คงจะหมดหนทางอย่างแน่นอน แต่โชคดีที่ฉันเองได้ใช้วิธีการบางอย่างเพื่อทำให้ปากของผู้ป่วยอยู่นิ่งได้และถึงทำการผ่าตัดได้อย่างราบรื่น”
หลังจากที่ผู้อำนวยการจงพูดจบ ใบหน้าของหัวหน้าบรรณาธิการฉู่ก็มีรอยยิ้มปรากฎขึ้นมา ที่แท้ก็เป็นความผิดของหมอหลินคนนั้น!
ถ้าไม่ได้ผู้อำนวยการจง พี่ชายของเขาคงไม่รอดแล้ว!
หัวหน้าบรรณาธิการฉู่เข้าไปจับมือกับผู้อำนวยการจงอย่างซาบซึ้ง “ผู้อำนวยการจงขอบคุณมากครับที่ช่วยชีวิตพี่ชายของฉัน กลับไปฉันจะรายงานเรื่องคุณอย่างดีแน่นอนครับ!”
ผู้อำนวยการจงยิ้มจางๆ “ชื่อเสียงและความมั่งคั่งมันได้สำคัญสำหรับผมหรอก มันเป็นความตั้งใจเดิมที่ต้องการช่วยชีวิตผู้ป่วยอยู่แล้ว”
หัวหน้าบรรณาธิการฉู่ชื่นชมเขามาก รีบปรบมืออย่างรวดเร็ว และหันกลับไปพูดกับนักข่าว
“เขียนไว้นะ เขียนประโยคนี้ลงไป!”
ผู้อำนวยการจงยิ้ม “โอเคครับ ขอตัวก่อนนะครับ ผมจะไปดูผู้ป่วยคนอื่น”
หลังจากพูดจบ ผู้อำนวยการจงก็เดินจากไป
จริงๆแล้วเขาไม่ได้มีผู้ป่วยรายอื่น สาเหตุหลักก็คือเขาไม่ได้เป็นคนรักษาผู้ป่วยเอง และเขาไม่รู้วิธีการผ่าตัดอย่างละเอียด
ถ้ายังสัมภาษณ์ต่อเดี๋ยวจะโดนจับได้ แม้ว่านักข่าวตรงหน้าจะฟังไม่เข้าใจอย่างแน่นอน แต่ถ้าคนเป็นหมอด้วยกันมาได้ยินก็อาจจะแย่
ในภาวะที่คนไข้กำลังช็อกปิดปากแน่นสนิทเขาทำการผ่าตัดได้ยังไงกันนะ? นี่เป็นปัญหาที่หมอฟันยากจะแก้ไข ถ้าข่าวแบบละเอียดถูกแพร่ออกไป หลายคนก็จะเข้ามาปรึกษาเขาและตอนนั้นเขาก็จะโดนจับได้
หัวหน้าบรรณาธิการฉู่ชื่นชมเขา “มีคุณธรรม รักษาจรรยาบรรณดีจริงๆ! กลับไปเขียนต้นให้ฉันฉบับดีๆ พรุ่งนี้ขึ้นหน้าหนึ่ง!”
เมื่อฉินจุนและหลินเยวี่ยเหยาออกมาส่งผู้ป่วย หัวหน้าบรรณาธิการฉู่ และสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ ก็รีบผลักพาเขาไปที่แผนกผู้ป่วยใน โดยไม่สนใจหลินเยวี่ยเหยาและฉินจุนเลย
หลินเยวี่ยเหยาก็ไม่ได้สนใจอะไร ครอบครัวของผู้ป่วยจะเป็นห่วงผู้ป่วยก็เป็นเรื่องปกติ แพทย์ช่วยชีวิตผู้ป่วยก็เป็นงานเช่นกัน ไม่ต้องการคำชื่นชมจากคนอื่น
แต่ครั้งนี้เป็นผลงานของฉินจุนทั้งนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าลูกพี่ลูกน้องเธอคนนี้ก็เจ๋งเหมือนกัน