ก่อนหน้านี้เธอติดต่อไปหลายช่องมากเพื่อต้องการเข้าร่วมรายการทอล์คโชว์ เรื่องของซูเหวินฉีต้องได้ออกไปอธิบายอย่างละเอียดที่หน้าทีวี แล้วต้องเอาเสนอหลักฐานออกมายืนยันเพื่อให้ประชาชนเชื่อ ไม่เช่นนั้นพวกบทความโปรโมทเหล่านั้นก็จะไม่น่าเชื่อถือ หลายคนคงจะไม่ไปอ่านบทความประเภทนั้นแน่นอน
พี่เถียนถาม “หม่าหรุ่ยทอล์คโชว์เป็นรายการทอล์คโชว์อันดับหนึ่งของประเทศจีนเลยนะคะ แน่นอนว่าเราเต็มใจจะไปออกค่ะ แต่เนื้อหาของการสัมภาษณ์…”
“แน่นอนว่าเป็นข่าวเชิงลบของคุณซูในช่วงนี้นี่แหละค่ะ เราเข้าใจว่านี่น่าจะถูกคนใส่ร้ายใช่ไหมคะ?”
“ใช่ค่ะ! ช่องของคุณมีสายตาที่เฉียบแหลมมาก ทางเราพร้อมมากค่ะ เราจะเริ่มอัดกันเมื่อไหร่คะ?”
“ยิ่งเร็วยิ่งดีค่ะ คืนนี้ก็ได้ค่ะ!”
“ได้ค่ะๆ ๆ เดี๋ยวเราจะเตรียมตัวเลย!”
หลังจากวางสายไป ในที่สุดพี่เถียนก็ยิ้มออกมา
“เยี่ยมมาก เราได้รับเชิญให้ไปสัมภาษณ์ในรายการหม่าหรุ่ยทอล์คโชว์แล้ว ทุกคนรีบเตรียมบทให้เหวินฉีหน่อย คืนนี้จะเริ่มอัด!”
หม่าหรุ่ยทอล์คโชว์เป็นรายการทอล์คโชว์ที่โด่งดังที่สุดในบรรดารายการทอล์คโชว์ หม่าหรุ่ยมีชื่อเสียงในด้านความฉลาดทางอารมณ์ เคยสัมภาษณ์ดาราดังระดับท็อปมาหลายคน แต่ผู้ที่ได้ไปออกรายการต่างก็เป็นนักแสดงชั้นนำระดับประเทศทั้งหมด เป็นพวกอาวุโสหน่อย อย่างซูเหวินฉีแม้ว่าจะได้รับความนิยมมาก แต่เธอยังเด็กเกินไปจึงไม่มีโอกาสได้ไปออก
ในที่สุดคราวนี้ก็มีโอกาสแล้ว ถ้าผลตอบรับดีพายุน่าจะสงบลงได้
ซูเหวินฉีกลับรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “หม่าหรุ่ยทอล์คโชว์ช่อง CCTV งั้นเหรอ? พวกเขาติดต่อฉันได้อย่างไร? พี่เถียนพี่เป็นคนจัดการให้ฉันเหรอ?”
พี่เถียนส่ายหน้า “ฉันจะไปมีความสามารถขนาดนั้นได้ยังไง? ฉันยังคิดว่าเธอไปขอให้คนอื่นช่วยอยู่เลย”
ซูเหวินฉีส่ายหน้า “ไม่ใช่ฉันเหมือนกัน”
นี่แปลกมาก CCTV เป็นสถานีโทรทัศน์ที่ใหญ่มาก พูดกันตามหลักแล้วพวกเขาไม่น่าจะริเริ่มติดต่อนักแสดงอย่างเธอก่อน คนที่จะสามารถไปออกรายการของช่อง CCTV ได้จะต้องเป็นศิลปิน หรือไม่ก็นักแสดงระดับท็อปของประเทศเท่านั้น ไม่รู้ว่าทำไมครั้งนี้ จู่ๆ ก็ติดต่อซูเหวินฉีมา
CCTV ไม่จำเป็นต้องเกาะกระแสนี้หรอกมั้ง?
“ไม่ต้องสนใจหรอก มาเตรียมบทของคืนนี้ก่อน จะต้องเตรียมตัวให้ดี!”
“อืม” ซูเหวินฉีก็ไม่กล้าประมาท รีบเริ่มเตรียมตัวทันที
หลังจากถ่ายรายการเสร็จ วันต่อมาก็จะออกอากาศเลย
เรื่องระหว่างซูเหวินฉีกับคนผิวสีทั้งสี่คนก็ได้ฮือฮากันไปทั่ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีการประกาศใดๆ ออกไปทั้งสิ้น ทุกคนต่างก็สนใจมาก
ยิ่งไปกว่านั้นหม่าหรุ่ยทอล์คโชว์ก็เป็นรายการดังของช่อง CCTV ซึ่งเป็นรายการที่ทุกคนต่างก็รู้จักเป็นอย่างดี และแขกรับเชิญทุกคนก็เป็นรุ่นใหญ่ทั้งนั้น
ซูเหวินฉีที่ได้รับเชิญมาในครั้งนี้ก็เป็นบุคคลสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ทว่าไม่เหมือนกับแขกคนก่อนๆ ซูเหวินฉียังเด็กมากแต่ได้มาออกรายการนี้ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ธรรมดาเลยนะ
เริ่มการสัมภาษณ์ หม่าหรุ่ยเป็นพิธีกรสาวสวย ผมสั้น และมีความสามารถมาก
ในตอนเริ่มต้นได้พูดพูดคุยสบายๆ เกี่ยวกับการพัฒนาของซูเหวินฉี จากนั้นก็เริ่มเข้าหัวข้อหลัก
หม่าหรุ่ยพูด “เหวินฉี เรื่องเมื่อสองวันก่อนเป็นที่ฮือฮามาก ฉันเชื่อว่าผู้ชมจำนวนมากก็เป็นเหมือนกับฉันที่อยากรู้ความจริงของเรื่องนี้ ถือโอกาสในวันนี้ให้เหวินฉีเล่าให้ทุกคนฟังหน่อยได้ไหมคะ? ”
ซูเหวินฉีพยักหน้า แต่ใบหน้าเธอยังคงเย็นชา นี่คือตัวตนของเธอที่อยู่หน้ากล้อง
จากนั้นซูเหวินฉีก็หยิบกระดาษสองแผ่นออกมาจากแฟ้มที่วางอยู่ข้างๆ และพูดว่า
“แผ่นนี้เป็นผลตรวจของโรงพยาบาลเพื่อประชาชน วันที่เกิดเหตุฉันถูกคนวางยา”
“ส่วนอีกแผ่นคือแบบฟอร์มลงบันทึกประจำวัน ตอนนี้ทางตำรวจกำลังทำการสืบสวนค่ะ”
แม้ว่าข้อเท็จจริงจะอยู่ข้างซูเหวินฉี แต่วิธีการยืนยันข้อเท็จจริงก็ต้องใช้เป็นไปตามขั้นตอนเช่นกัน
ในสถานการณ์ที่ทุกคนไม่เชื่อในซูเหวินฉี อย่างแรกต้องนำหลักฐานที่เชื่อถือได้ที่สุดออกมายืนยันก่อน นี่เป็นวิธีที่จะปิดปากทุกคนได้
ในเวลาเดียวกันกับการถ่ายทอดสดทางทีวี แพลตฟอร์มการถ่ายทอดสดทั้งหลายก็กำลังออกอากาศเช่นกัน ในโลกอินเทอร์เน็ตเกือบทั้งหมดก็กำลังถ่ายทอดพร้อมกัน และชาวเน็ตทั้งหลายก็ได้เริ่มโจมตี
“ฉันก็คิดอยู่แล้วว่าซูเหวินฉีไม่ใช่ผู้หญิงดีอะไร มาพยายามล้างความผิดที่นี่ ตอนนี้เอาหลักฐานออกแล้ว!”
“ใช่ นี่ไม่ใช่การล้างมลทินหรอก เธอไม่กล้าปลอมแบบฟอร์มลงบันทึกประจำวันและผลตรวจของโรงพยาบาลหรอก”
“ถ้าเป็นความจริงก็น่ากลัวมาก กล้าวางยาพี่ซูเหรอ? รนหาที่ตายเหรอ?”
“จับคนเลวให้ได้ มันต้องได้รับโทษหนัก!”
“……..”
ซูเหวินฉีหยิบหลักฐานสำคัญสองชิ้นนี้ออกมา บังข้อมูลส่วนตัวไว้และโชว์ไปที่กล้อง
ตราประทับทางการที่อยู่ข้างต้นชัดเจนมาก มันคือตราประทับอย่างเป็นทางการของโรงพยาบาลและสถานีตำรวจ ซึ่งก็หมายความว่าซูเหวินฉีได้ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจจริงๆ และได้ไปแจ้งตำรวจจริงๆ
เมื่อนำหลักฐานสองชิ้นนี้ออกมา ชาวเน็ตต่างสงบลง และรอดูผล
หม่าหรุ่ยยังคงถามต่อไปว่า “ถ้าเป็นอย่างนี้เหวินฉีก็ตกเป็นเหยื่อจริงๆ แล้วเหตุการณ์ครั้งนี้มีใครอยู่เบื้องหลังกันแน่ เราขอให้เหวินฉีพูดอย่างละเอียดหน่อยค่ะ”
ซูเหวินฉีพูด “วันนั้นฉันเจอผู้กำกับคนหนึ่งที่ด้านนอกห้องแต่งตัว ผู้กำกับคนนี้อ้างว่าเป็นแฟนตัวยงของฉัน และให้เครื่องดื่มฉันมาหนึ่งขวด ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ฉันเลยดื่มไปครึ่งขวด จากนั้นก็ได้นำเครื่องดื่มครึ่งขวดที่เหลือไปตรวจวสอบที่โรงพัก พบว่ามียา xxx อยู่ในนั้น”
หม่าหรุ่ยถามต่ออย่างรวดเร็วว่า “ผู้กำกับคนนี้เป็นใครคะ ตอนนี้จับได้หรือยัง?”
ซูเหวินฉีส่ายหัว “เธอไปต่างประเทศแล้ว ตอนนี้ตำรวจกำลังตามจับอยู่ค่ะ”
ตัวแปรสำคัญของปัญหานี้ก็อยู่ที่ตัวผู้กำกับคนนี้นี่แหละ ถ้าจับเธอได้ความจริงก็จะถูกเปิดเผย ลู่ฟานก็จะถูกจับ
แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ฉลาดมาก เธอหอบเงินก้อนโตออกไปนอกประเทศ จับกุมผู้ต้องหาต่างแดนต้องใช้เวลาพอสมควรถึงจะจับได้
ถ้ารอให้จับผู้หญิงคนนี้ได้ เพื่อลงบันทึกการสอบสวน จากนั้นค่อยได้ผลออกมา เมื่อถึงตอนนั้นเกรงว่าซูเหวินฉีคงจะหมดหวังไปแล้ว เพราะมันส่งผลต่ออาชีพของเธอไปแล้ว
ซูเหวินฉีเล่าต่อว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น
นอกจากซูเหวินฉีและพี่เถียนแล้ว ยังมีสื่ออื่นๆ อีกมากมายที่สามารถเป็นพยานได้ ในตอนนั้นมีหลายคนได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่แค่ไม่รู้ว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
ซูเหวินฉีนำภาพถ่ายอีกสองสามใบออกจากมาจากแฟ้มนั้นอีก เผยให้เห็นคนผิวดำที่แอบเข้ามา และฉากที่ผู้จัดการหลิวคุยกับพวกเขา
ภาพถ่ายเหล่านี้เป็นภาพที่กล้องวงจรปิดถ่ายไว้ได้ โดยมีตราประทับของสำนักงานความมั่นคงสาธารณะอยู่บนรูปภาพด้วย ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานได้
หม่าหรุ่ยชี้ไปที่ผู้จัดการหลิวและถามว่า “คนนี้คือใครคะ?”
ซูเหวินฉีพูด”คนในแวดวงน่าจะคุ้นเคยกับเขาดีนะคะ คนนี้เป็นผู้จัดการคนดัง หลิวเฉวียน ผู้จัดการเพียงคนเดียวของลู่ฟาน”
หลิวเฉวียนคนนี้เก่งมาก เขาเคยปั้นศิลปินดังมาเยอะมาก แต่เขาไม่เหมือนพี่เถียน พี่เถียนมีศิลปินในสังกัดมากมาย แต่หลิวเฉวียนรับผิดชอบเฉพาะลู่ฟานเท่านั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือหลิวเฉวียนมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ นั่นก็หมายความว่าลู่ฟานมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย