ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 306 โรคที่รักษาไม่หาย

ฉินจุนยิ้มและพูดว่า “อาสะใภ้รอง นี่คือบ้านของเรา คุณอารองต่อไปก็อยู่ที่นี่นะครับ”

ไช่หยานก็ตาโตขึ้นมา “นี่. นี่คือบ้านของเธอเหรอ?”

สถานที่ใหญ่โตเช่นนี้ ไกลสุดลูกหูลูกตา สะพานเล็กๆที่เต็มไปด้วยน้ำและนก มันพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าเป็นวิวระดับAAAAAที่ดีเยี่ยม สถานที่แบบนี้มันคือบ้านของเค้าอย่างงั้นเหรอ?

ไช่หยานมองดู นี่มันเป็นครั้งแรกเลย ที่แท้มันก็คือการสร้างบ้านที่หรูหราขนาดนี้เลยเหรอ?

เค้าขับรถวนไปรอบๆ ให้อารองเลือกบ้านเองและอาศัยอยู่ที่นั่น

เรียกแม่บ้านคอยบริการตลอด

“อาสะใภ้รอง มีอะไรก็บอกพวกแม่บ้านได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

ไช่หยานก็พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของเธอดูหงอย ตระกูลฉินไม่ใช่ว่ากำลังตกต่ำอย่างงั้นเหรอ ทำไมคุณชายตระกูลฉินถึงได้ยังร้ายกายแบบนี้?

ฉินจุนเริ่มหยิบตำราโบราณออกมาอ่าน โรคของอารองนี่ มันเป็นโรคที่รักษายากจริงๆ

เพราะอาการป่วยมันยาวนานเกินไป ความเจ็บป่วยเมื่อสิบปีก่อนแล้วก็ยังจะมีโรคประจำตัวอยู่อีก มันทำให้ร่างกายของอารองมีปัญหาทั้งหมด แต่การรักษามันก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรขนาดนั้น

หลังจากที่ผ่านไปสองสามชั่วโมง ในที่สุดลุงรองฉินก็ฟื้นขึ้นมา เค้าแทบจะลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว ฉินจุนก็ให้ยาเค้ากิน

“อารอง ดื่มยาก่อนแล้วฉันจะฝังเข็มให้คุณ อาการมันจะดีขึ้นในอีกสองสามวัน”

อาการเจ็บป่วยแบบนี้มันจะรีบร้อนไม่ได้ ดังนั้นฉินจุนก็เลยเตรียมที่จะรักษาอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป โดยหวังว่าจะรักษาอารองของเค้าอย่างดีที่สุด

หลังจากที่อารองฟื้นขึ้นมาแล้ว ฉินจุนเรียกคนสองสามคนเข้ามาตัดผมให้อารอง จัดการกับรอยฟกช้ำบนร่างกายของเค้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว เค้าก็ดูเปลี่ยนไปในทันที

ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่ได้นั่งหลังตรง แต่ท่าทีกับสติของเค้ามันก็ดูฟื้นคืนกลับมาแล้วเล็กน้อย

ไช่หยานก็มองตาค้าง ดูเหมือนว่าฉินจุนจะพูดถูก เมื่อสิบปีที่แล้ว เหล่าฉินเค้าจะต้องกลายเป็นที่แข็งแกร่ง

อาการของอารองนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้แต่ฉินจุนเองก็พบว่ามันค่อนข้างยุ่งยาก เค้าเรียนหมอกับอาจารย์อาวุโสมาแล้วหลายคนผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในตงไห่รวมถึงหนังสือทั้งห้องสมุด

ฉินจุนยังคงต้องการหนังสืออีก ท้ายที่สุดแล้วสมองของเค้ามันก็ไม่ใช่เครื่องจักร โรคที่ไม่ได้หาเจอกันได้ง่ายๆแบบนี้ มันต้องการความรู้ในหนังสือเพื่อยืนยัน

นอกจากหนังสือการแพทย์ในหอสมุด ผู้เชี่ยวชาญในเมืองก็ย้ายของสะสมจากบ้านออกมาด้วย นี่มันก็รวมไปถึงตำราโบราณหลายเล่ม ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสเหล่านี้ก็เก็บไว้เป็นของส่วนตัวที่บ้าน ตอนนี้พวกมันก็อยู่ในบ้านของฉิน

ฉินจุนกับคนอื่นๆ เริ่มค้นคว้าหนังสือในห้องสมุด เมื่อทุกคนเห็นความกระตือรือร้นของอาจารย์ฉิน พวกเค้าต่างก็อยากรู้เกี่ยวกับรายละเอียดของผู้ป่วยรายนี้

ฉินจุนก็พูดสั้นๆขึ้นมาว่า เกี่ยวกับอาการของอารองฉินรวมถึงภาวะชีพจร ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

เกรงว่าการที่จะรักษาให้หายจากโรคเรื้อรังที่เป็นมากว่าสิบปีนี่เป็นเรื่องยากมาก ยิ่งไปกว่านั้นความจำเสื่อมแบบนี้มันก็ถือได้ว่าเป็นปัญหาทางจิตอย่างหนึ่ง คนไข้เองก็เจ็บปวดกับความทรงจำในอดีตแล้วก็ยังจะมาได้รับบาดเจ็บอีก

ฉินจุนก็เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นเค้าก็เลยไม่กังวลอะไร แต่ค่อยๆคิดหาทางแก้ไข

เค้าเชื่อว่าไม่มีโรคใดในโลกนี้ที่จะรักษาไม่หาย ถ้ามันไม่หายขาดจริงๆ ฉินจุนก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแบกหน้าไปขอให้อาจารย์ของเค้าลงมาจากเขา

แต่ก่อนหน้านั้นเค้าเองก็หวังว่าเค้าจะสามารถช่วยรักษาอาการของลุงรองได้ด้วยตัวเองก่อน

หลังจากที่ลุงรองฉินได้สติ เค้าก็เดินไปในคฤหาสน์ชิงเหมยกับไช่หยาน เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของอารองฉินดูมั่นคง ไช่หยานก็พูดขึ้นมาว่า

“คุณฟื้นแล้ว งั้นฉันจะไปทำงานก่อน”

ลุงรองฉินก็ไม่พูดอะไร เค้าพยักหน้าขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง

แม้ว่าเธอจะเห็นว่าตระกูลฉินนั้นจะร่ำรวยมาก แต่ไช่หยานก็ยังต้องออกไปทำงาน ไม่อย่างงั้นการที่เธอกินอยู่ที่นี่อย่างเดียว เธอก็จะไม่สบายใจ

เมื่อเธอออกจากประตู หลงอี้ฮุยก็ขับรถพาเธอไป แม้ว่าแอบไปเองหลายครั้งแล้ว แต่หลงอี้ฮุยก็ยังตามลงไป หลงอี้ฮุยก็จอดรถไว้ที่ประตูรออยู่แบบนั้น

ก่อนหน้านี้ คุณฉินก็สั่งไว้ว่าเธอจำเป็นต้องได้รับการปกป้องตลอด 24 ชั่วโมง มันจะต้องไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับลุงรองฉินที่ในคฤหาสน์ชิงเหมยนี่

แต่เมื่อไช่หยานออกไปทำงาน เค้าก็ยังคงคอยติดตามอยู่ตลอด อย่างเมื่อวาน เมื่อบังเอิญเจอเข้ากับญาติทึ่มาเดินชนคุณฉิน พี่ตงก็ไม่ทำอะไรเค้า

ไช่หยานทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารทั่วไป เธอมีงานนวดในตอนเย็นด้วย สองงานนี่ หนึ่งเดือนสามารถสร้างรายได้มากกว่าสามพันหยวน

แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่และน้องชายแล้ว แต่เธอก็ต้องการหารายได้ให้มากขึ้นด้วย ดังนั้นเธอก็เลยไม่ยอมลาออกจากงานทั้งสอง

หลังจากเข้าไปในร้านอาหารแล้ว เธอก็เปลี่ยนชุดเป็นบริกรและยุ่งกับงานในทันที ไม่นานหลังจากนั้นมันก็เป็นเวลาตอนเที่ยง ผู้ชายหลายคนก็บุกเข้ามาในร้านอาหาร

“ใครชื่อไช่หยาน?”

ไช่หยานตกตะลึง “ฉันเอง ฉันชื่อไช่หยาน พวกคุณล่ะ?”

ชายหลายคนก็จ้องมองอย่างเย็นชา “น้องชายของเธอเป็นหนี้เรา พวกเรามาตามเงินจากเธอ”

สีหน้าของไช่หยานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “คุณเป็นใครค่ะ น้องชายของฉันเข้าไปเป็นหนี้พวกคุณได้ยังไงกันค่ะ?”

ชายที่ยืนหน้าสุดก็พูดขึ้นว่า “ฉันนามสกุลหวง นี่คือสัญญาที่น้องชายของเธอเซ็นไว้ เห็นแล้วยัง?”

ไช่หยานก็เอาสัญญามาดู ทันใดนั้นเองลูกน้องของพวกเค้าก็กระชากมันกลับมา

“หนึ่งแสนห้าหมื่นหยวน! เค้ายืมเงินพวกคุณไปหนึ่งแสนห้าหมื่นหยวน!”

คนที่นามสกุลหวงก็หัวเราะขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน “หนึ่งแสนห้าหมื่นเป็นเงินต้น ส่วนตอนนี้ดอกเบี้ยมันก็มากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นหยวนแล้ว รีบคืนมาซะ ไม่อย่างงั้นมันก็จะยิ่งมากกว่านี้!”

สีหน้าของไช่หยานก็ดูไม่ได้เลย “เค้ายืมเงินคุณมา พวกคุณก็ไปตามเอาเงินจากเค้าสินะ!”

พี่หวงก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าเขามีเงินพวกฉันจะมาตามเอาจากเธอไหม? เค้าบอกว่าเค้าไม่มีเงิน และที่บ้านก็ไม่มีของมีค่าอะไร น้องชายของเธอก็ให้พวกฉันมาหาเธอ”

สีหน้าของไช่หยานก็ดูกระอักพระอ่วมขึ้นมาเล็กน้อย “มาถามฉันทำไม ฉันเองก็ไม่มีเงินเหมือนกัน”

พี่หวงพับแขนเสื้อขึ้น “เธอไม่มีเงินเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามาหาว่าพวกฉันไม่สุภาพก็แล้วกัน!”

ไช่หยานถอยหลังไปสองสามก้าว เธอหน้าซีดลง

พี่หวงเริ่มที่จะลงมือ ทันใดนั้นก็มีเสียงที่เย็นชา มันดังขึ้นมาจากข้างหลังของเค้า

“จะเสียมารยาทกับใคร?”

พี่หวงก็หันหน้ามา เค้าตกใจ

“โอ้ นี่คุณหลงไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณถึงมาทานอาหารในร้านอาหารเล็กๆแบบนี้ล่ะ?”

เมื่อพี่หวงเห็นหลงอี้ฮุย เค้าก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มในทันทีและพยักหน้าพร้อมกับโค้งคำนับ

หลงอี้ฮุ่ยพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “แกขูดรีดดอกเบี้ยอีกแล้วเหรอ?”

พี่หวงแสร้งร้องไห้และพูดว่า “คุณหลง ฉันต้องทำมาหากิน ไม่ต้องกังวล มันไม่ได้สูงอะไรขนาดนั้น ดอกเบี้ยนี่มันก็สมเหตุสมผลแล้ว”

หลงอี้ฮุ่ยหยิบสัญญามาดู มันแค่ไม่ใช่ดอกเบี้ยแน่นอน แม้แต่เงินกู้ธรรมดา อัตราดอกเบี้ยก็สูงกว่าธนาคารมาก ธุรกิจแบบนี้นี่มันขูดรีดกันชัดๆ

“เห็นแก่หน้าฉัน ลืมเงินนี่ไปซะ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset