คำพูดของคนอื่น ไช่เฉียงก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย แต่คำพูดของพี่หวงมันทำให้เค้ากลัวเป็นอย่างมาก เขายืนขึ้นทันที พยักหน้าแล้วเดินเข้ามา แต่พี่หวงก็ไม่สนใจอะไร เค้าเข้าไปในรถแล้วจากไป
สีหน้าของไช่เฉียงก็ดูไม่ได้เลย พี่หวงเค้าไม่เคยล้อเล่น เค้าเป็นคนที่โหดเหี้ยม ถ้าไช่เฉียงไม่คืนเงินจริงๆ เกรงว่าพรุ่งนี้ขาของเค้าได้หายไปแน่
“แม่ เอาเงินมาให้ผมก่อน ไม่อย่างงั้นพรุ่งนี้ผมเสร็จมันแน่!”
หญิงชราก็ดูเศร้าๆเหมือนกัน “บ้านเรามีเงินที่ไหนกัน? ลองไปถามยัยนั่นสิ ขอคืนเงินค่าสินสอดก่อนได้ไหมแล้วค่อยคืนให้เธอทีหลัง”
ไช่เฉียงก็ลังเลอยู่ซักพัก ดูเหมือนว่ามีเพียงวิธีนี้เท่านั้น
ไช่เฉียงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความถึงยัยสุนัขจิ้งจอกตัวน้อย
“ที่รัก อยู่ไหม?”
สุนัขจิ้งจอกตัวน้อยจะคอยติดต่อชายหนุ่มในท้องถิ่นเพื่อหลอกให้พวกเค้าโอนเงินให้เธอ ใครที่ให้เงินเธอหนึ่งแสนสองแสนหยวนก็จะสามารถเรียกเธอว่าที่รักได้ ส่วนเงินรางวัลสามถึงห้าล้านหยวน พวกเค้าจะสามารถพบปะและมีอะไรกันได้ได้ สักครั้ง..
ในความคิดของเธอไช่เฉียงก็มีเงินเล็กๆน้อยๆ เธอมองว่าเค้าเป็นเพียงแค่ชายหนุ่มในอินเตอร์เน็ตก็เท่านั้น เค้าไม่มีค่าพอที่จะออกไปเจอเลยด้วยซ้ำ
ทุกครั้งที่ไช่เฉียงพูดว่าจะขอเจอ เธอจะเลี่ยงทุกวิถีทางที่ทำได้
“มีอะไรเหรอ ที่รัก? ฉันกำลังพักอยู่”
“อืม…เงินรางวัลที่ฉันให้เธอไปหนะ ฉันยืมมาไม่น้อยเลย ตอนนี้มีคนมาทวงหนี้ เธอช่วยให้เงินฉันหน่อยได้ไหม ฉันสัญญาว่าหลังจากผ่านไปแล้ว ฉันจะจ่ายคืนให้เธอสองเท่าเลย!”
หลังจากนั้นไม่กี่นาที สุนัขจิ้งจอกตัวน้อยก็ตอบกลับมา
“จะให้ฉันเอาเงินรางวัลทั้งหมดนั่นให้นายยืมก่อนหนะเหรอ? ฉันคิดว่านายจะมีธุรกิจอะไรซะอีก คิดไม่ถึงเลยว่าเป็นแค่ไอ่งั่ง ไสหัวไปซะ!”
เมื่อเห็นคำตอบจากสุนัขจิ้งจอกตัวน้อย ไช่เฉียงก็รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมา มันจบแล้ว!
“ที่รัก เธอพูดแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
ข้อความตอบกลับนี่ มันเต็มไปด้วยเครื่องหมายอัศเจรีย์ จากนั้นอีกฝ่ายก็บล็อกเค้า
สีหน้าของไช่เฉียงก็ดูไม่ได้เลยและเขาโกรธมากจนเกือบจะทำโทรศัพท์ตก
ผู้หญิงคนนี้เธอเปลี่ยนไปเร็วมาก ก่อนหน้านี้เธอคอยแต่จะเรียกเค้าว่าที่รัก แต่ตอนนี้เธอก็บล็อคเค้า?
สีหน้าของไช่เฉียงซีดไป “แม่ แม่เอาเงินคืนมาไม่ได้แล้ว ยัยนั่นมันบล็อคผมไปแล้ว”
หญิงชราผงะไปทั้งๆที่เธอไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าคำว่าบล็อคหมายความว่ายังไง แต่จะทำถ้าไม่ได้เงินคืน?
ในตอนที่พวกเค้ากำลังกังวลอยู่นี้เอง จู่ๆป้าข้างนอกก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่อบอุ่น
“โอ้ เหล่าไช่ ครอบครัวของเธอนี่ดีขึ้นแล้วเหรอ?”
ชายชราผงะไป “พี่ พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไร ดีขึ้นอะไรกัน?”
ป้าคนนี้เป็นเพื่อนบ้านของพวกเค้า
“ฉันเห็นคนสองสามคนออกมาจากบ้านของพวกเธอแล้วพวกเขาขึ้นรถ Mercedes-Benz ไป!”
ไช่เฉียงคิดอะไรออก “เบนซ์? เธอแน่ใจเหรอ? เธอไม่ได้เข้าใจใช่ไหม?”
มีคนสองกลุ่มที่เดินออกมาจากบ้านของพวกเค้า ฉินจุนกับพวกและพี่หวงกับคนอื่นๆ
พี่หวงมักจะมารถตู้ เค้าเองก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
Mercedes-Benz นั่นมันใช่ของฉินจุนกับพวกๆ ใช่เปล่า?
ป้าก็พูดว่า “รถอื่นฉันไม่รู้จักนะ Mercedes-Benz BMW ฉันยังรู้จัก Mercedes-Benzคันใหญ่แน่นอน สีดำ”
แววตาของไช่เฉียงก็เป็นประกายขึ้นมาและเค้าเหลือบมองไปที่พ่อแม่ของเค้า
“แม่ พี่เขยของฉันเค้าเป็นคนรวยใช่ไหม?”
หญิงชราก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “ไม่น่านะ เค้าจะไปเป็นลูกคนรวยได้ยังไงกัน?”
“แบบนี้มันก็เดาไม่ได้ พี่เขยของผมเองก็มีปัญหากับจิตใจ บางทีเค้าอาจเป็นลูกคนรวยแต่เค้าจำอะไรไม่ได้ก็ได้ แม่ลืมหยกที่คอเค้าแล้วเหรอ มันแพงมากเลยหนิ คนธรรมดาจะไปมีหยกแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
ทั้งสองต่างก็รู้สึกว่ามันก็สมเหตุสมผลอยู่
“บางทีเราอาจจะน่าสังเวชจริงๆ นามสกุลฉินนี่ค่อนข้างรวย?”
ไช่เฉียงก็ตบเข้าไปที่ต้นขาของเค้า “อาจจะจริง ดูหลานชายเค้าสิ เค้าแต่งตัวหรูหรา บางทีหลานชายของเค้าอาจจะรวย เราเองก็เลี้ยงเค้ามาสิบปีแล้ว ตอนนี้เขาได้ดีแล้ว เค้าจะลืมพวกเราอย่างงั้นเหรอ?”
สิ่งที่ไช่เฉียงพูดมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างไร้ยางอาย ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา มันเห็นได้ชัดเจนเลยว่าอารองฉินเป็นคนที่คอยช่วยเหลือพวกเค้ามาโดยตลอด ครอบครัวนี้มันเกียจคร้านมาก ถ้าไม่ใช่เพราะอารอง ฉิน พวกเค้าคงต้องอดตายไปนานแล้ว
สองสามีภรรยาเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน “ใช่ พวกเค้านั่งรถแบบนั้นได้ พวกเค้าต้องมีเงินแหละ เสี่ยวหยานจะมาบอกว่าจะไปก็จะไปอย่างงั้นเหรอ ที่แท้ก็เป็นเพราะพวกมันได้เงินก้อนโตมานี่เอง!”
“ไม่ได้ละ เราต้องไปของเงินตามสิทธิที่พวกเราควรจะได้รับ!”
ทั้งสามคนก็บอกว่าจะออกไปก็ออกไปหาพวกเค้าในทันที
…
หลังจากกลับไปที่คฤหาสน์ชิงเหมย ไช่หยานก็สงบลง เธอพึ่งจะถอนหายใจ จากนั้นไช่เชียงก็โทรเข้ามา
สีหน้าของไช่หยานก็ซีดลงไปได้ซักพัก หลังจากที่เธอตัดสายแล้ว เธอก็พูดกับฉินจุนว่า
“เสี่ยวจุน อันที่จริงฉันก็ทำไม่ถูก พ่อแม่แล้วก็ยังมีน้อยชายของฉัน เธอจะให้พวกเค้ามาที่นี่เพื่อ…”
ฉินจุนก็ยิ้มขึ้นมา “อาสะใภ้รอง ที่นี่ก็คือบ้านของอา อาจะให้พวกเค้ามาเมื่อไหร่ก็ได้ครับ”
ไช่หยานรู้สึกกระอักกระอ่วมเล็กน้อย เธอเหลือบมองไปที่อารองฉิน
อารองฉินก็หัวเราะขึ้นมา เค้าต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง
อารองฉินก็เห็นด้วย ปกติแล้วอารองฉินก็จะไม่พูดอะไร เค้าให้รถไปรับสามคนนั้นมาที่บ้าน
หลังจากเข้าไปในคฤหาสน์ชิงเหม่ยแล้ว แววตาของพวกคนตระกูลไช่ก็โตขึ้นมาในทันที สีหน้าของพวกเค้าดูเกินจริง
“ลูกชาย ที่นี่มันคฤหาสน์!”
ไช่เชียงก็ตกใจมากเช่นกัน “น่าจะใช่ ฉันเคยเห็นมันในทีวี แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้มาที่บ้านที่ใหญ่ขนาดนี้!”
ไช่เชียงกับทั้งสามคนก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์และตรงเข้าไปที่ศาลา พวกเค้าก็มองเห็นฉินจุนและคนอื่นๆนั่งอยู่ในศาลา
ท่าทีของหญิงชราก็ดีขึ้นกว่าเดิมมากเธอพูดด้วยรอยยิ้ม
“คิดไม่ถึงเลยว่าบ้านของเฟยหยูจะใหญ่โตขนาดนี้”
ท่าทีของหญิงชราก็เปลี่ยนไปอย่างเร็ว ก่อนหน้านี้เธอก็เรียกอารองฉินว่าเสี่ยวฉิน บางทีก็จะเรียกเค้าว่าไอ่งั่ง เมื่อเห็นบ้านของฉินจุนแล้ว เธอก็เรียกเฟยหยูอย่างดี
ไช่หยานกลับดูเย็นชา “แม่ แม่พูดอะไรของแม่ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่มีเงิน”
หญิงชราจ้องไปที่เธออย่างหงุดหงิด “เธอไม่มีเงิน แต่เฟยหยูรวยไม่ใช่เหรอ?”
หลังจากพูดจบ หญิงชราก็มองที่อารองฉิน “เฟยหยู ครอบครัวของเราก็ดูแลเธอมาเป็นอย่างดีถึงสิบปี ถ้าฉันไม่เห็นด้วย เธอจะได้แต่งงานกับลูกสะใภ้ดีๆแบบนี้ไหม? พวกเราเองก็ไม่ได้ของเงินค่าสินสอนอะไรจากเธอเลยนะ”
“อาการของเธอเองก็ดีขึ้นแล้ว งั้นก็เอาเงินค่าสินสอดมา น่าจะไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ลุงรองฉินยิ้มขึ้นมา ไม่รู้ว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่
ไช่หยานก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “แม่ค่ะ อย่าทำแบบนี้ได้ไหม หนูเองก็ยังไม่แต่งงาน หนูกับเหล่าฉินเองก็อยู่ด้วยกันมาแล้วกว่าสิบปี เหล่าฉินเค้าก็ให้ไปตั้งมากมายแล้ว แม่ยังจะเอาอะไรจากเค้าอีก?”
ตามกฎแล้ว หากเป็นอย่างงั้น ไช่หยานก็เท่ากับว่าอยู่กินกับเธอแล้ว งั้นเงินค่าสินสอดหละ?
แต่ทั้งสองก็ทำงานหาเงินส่งที่บ้านมาแล้วกว่าสิบปี พวกเค้ายังจะมาเอาเงินค่าสินสอดอะไรอีก?
ชายชราจุดบุหรี่แล้วพูดว่า
“เสี่ยวหยาน นี่มันไม่ถูกต้องนะ เธอเองก็ไม่เคยแต่งงานมาก่อน ตอนนี้มันก็พอกับการแต่งงานออกไปแล้ว? แม่กับพ่อเองก็ทำงานอย่างหนักเพื่อหาเลี้ยงเธอมา ถ้าเธอจากไปอยู่กับคนอื่น พวกเราหละ จะไม่ให้ค่าสินสอดกันเลยเหรอ? ”
“เฟยหยู สิ่งที่แม่พูดมันสมเหตุสมผลใช่ไหม”