คิดว่าบอดี้การ์ดจะฟังเขาไหม?
บอดี้การ์ดทั้งสี่ ภายในมือถือกระบองไฟฟ้าพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“รบกวนพวกคุณช่วยรีบออกไปจากที่นี่ด้วยครับ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพวกผมไม่เกรงใจ”
เพล้ง!
เมื่อกดกระบองไฟฟ้า ทันใดนั้นก็เกิดไฟที่ทำให้คนมึนงง พวกของไช่เฉียงทั้งสามคนตกใจ เดิมทีพวกเขาก็โดนคนซ้อมมาแล้วทีหนึ่ง ถ้าหากโดนพวกบอดี้การ์ดพวกนี้ คาดว่าไช่เฉียงอาจจะตายได้เลย
“พวกฉันๆ ไปก็ได้ พวกฉันไปแล้วพอใจแล้วใช่มั้ย!”
……
ครอบครัวของไช่เฉียงพอถูกไล่ออกมา ตลอดหลายวันมานี้อารองกับอาสะใภ้รองใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่ละวันฉินจุนก็ไม่ค่อยได้เข้าไปที่คลินิก วัน ๆ เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้องสมุด
ผ่านไปประมาณหนึ่งสัปดาห์ เขาตรวจชีพจรของอารองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ละครั้งใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงในการวินิจฉัยชีพจร หลังจากวินิจฉัยชีพจรได้ครบหนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดเขาก็วินิจฉัยผลออกมาได้
สภาพชีพจรของอาฉินคนรองนั้นเกิดจากเรื่องที่ตระกูลถูกลอบฆ่ายกโคตรในตอนนั้น ทำให้เกิดเป็นแผลใหญ่ในจิตใจ ส่งผลให้เส้นลมปราณหลักทั้งสองเส้นในร่างกายเกิดความเสียหาย
ร่างกายของคนเรามีเส้นชีพจรหยิน และเส้นชีพจรหยาง ไหลผ่านทั่วร่างกาย
เส้นชีพจรหยินจะอยู่ที่ด้านหลัง ส่วนเส้นชีพจรหยางจะอยู่ที่ด้านหน้า
เส้นชีพจรตั้งแต่บริเวณลำคอจนถึงฝ่าเท้า จะเป็นเส้นที่ได้รับบาดเจ็บได้บ่อยซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ สามารถรักษาได้ แม้ต่อให้เป็นอัมพาตท่อนบน ฉินจุนก็สามารถหาวิธีให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
แต่ว่าอาการของอาฉินคนรองนั้นพิเศษมาก ๆ อาการของท่านถือว่าเป็นอาการที่เส้นชีพจรหยินและหยางสลับกัน
เส้นชีพจรหยินนั้นมาอยู่ด้านหน้า ส่วนเส้นชีพจรหยางไปอยู่ที่ด้านหลัง อาการแบบนี้ทำให้เส้นชีพจรแปรปรวน ซึ่งทำให้ยากต่อการรักษา และที่สำคัญที่สุดเลยคือสองคนต้องร่วมมือกันในเวลาเดียวกันเพื่อให้มันสำเร็จ
ไม่อย่างนั้นจะเป็นอันตรายต่อฉินชีวิตของอารองได้เลย
และคนที่จะมาร่วมมือนี้ ต้องไม่ใช่แค่เป็นคนที่ทักษะทางการแพทย์เก่งกาจ แต่ทั้งสองคนจะต้องรู้ใจกันมาก ๆ
บนโลกนี้ คนที่ตรงกับเงื่อนไขนี้มีเพียงคนเดียว นั่นก็คือ เย่ซวนหยวน ท่านอาจารย์ของฉินจุน
นอกจากเย่ซวนหยวนแล้ว ไม่มีใครในโลกที่สามารถเทียบทักษะทางการแพทย์กับฉินจุนได้อีกแล้ว และความคุ้นเคยระหว่างอาจารย์กับศิษย์ของพวกเขาก็เพียงพอแล้ว
แต่น่าเสียดายที่ว่าท่านอาจารย์นั้นไม่เคยอยู่กับที่ คิดจะตามหาตัวท่านนั้นยากมาก ๆ
เพราะฉะนั้นฉินจุนจึงมาตัวคนเดียว มันมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างอันตราย
พอตกค่ำ ฉินจุนกับอารองและอาสะใภ้รองทานอาหารร่วมกันและร่วมกันปรึกษาหารือ
“ผมมีวิธีหนึ่งที่จะสามารถรักษาอาการของอารองได้ แต่ว่ามันต้องใช้วิธีการที่ค่อนข้างพิเศษ”
ไช่หยานตื่นเต้นขึ้นมาทันที “จริงเหรอ?สามารถรักษาคุณฉินให้หายได้เหรอ?”
ฉินจุนพยักหน้า
พอเห็นท่าทางเคร่งขรึมของฉินจุน ไช่หยานก็เอ่ยถาม “จะรักษายังไงล่ะ?”
ฉินจุนเอ่ย “ตอนนี้เส้นชีพจรทั้งสองของอารองมันสลับกันครับ ผมจะเป็นต้องดูดเลือดบริสุทธิ์ของผมสักสองหยด เอาไปฝังเข็มให้คุณอา”
ไช่หยานทำสีหน้างงงวย “แบบนั้นเองเหรอ ถ้าอย่างนั้นคงต้องลำบากหลานแล้วแหละ”
ไช่หยานไม่ได้เข้าใจสิ่งที่ฉินจุนพูดมา เพียงแค่รู้สึกว่ามันดูน่าลึกลับและดูน่ามหัศจรรย์ แต่ว่าถ้าหากข่งฝานหลินอยู่ด้วยล่ะก็ เขาจะต้องห้ามไม่ให้ฉินจุนใช้วิธีนี้แน่นอน
นี่มันคือการใช้ชีวิตแลกชีวิตเลยด้วยซ้ำ!
เลือดบริสุทธิ์ที่ฉินจุนพูดมานั้น คือสิ่งที่สำคัญที่สุดของมนุษย์
เลือดบริสุทธิ์ซึ่งหมายถึงเลือดแห่งต้นกำเนิด โดยคนเราปกติแล้วจะมีเลือดบริสุทธิ์ทั้งหมดเพียงสามหยด อยู่ที่หว่างคิ้วหนึ่งหยด กลางอกหนึ่งหยด และใต้สะดืออีกหนึ่งหยด
แน่นอนว่าวิธีการธรรมดาไม่สามารถดูดเลือดบริสุทธิ์ออกมาได้ เมื่อใดที่เลือดบริสุทธิ์ทั้งสามหยดถูกทำลาย คนคนนั้นก็จะเสียชีวิตทันที แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยก็ไม่ได้
และถ้าหากสูญเสียเลือดบริสุทธิ์หนึ่งหยด หยวนชี่ซึ่งเป็นสารจำเป็นพื้นฐานที่ช่วยผลักดันและกระตุ้นให้สามารถดำรงชีวิตทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ก็จะได้รับความเสียหายอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นการผ่าคลอด การผ่าตัดเปิดทรวงอกต่าง ๆ ก็เป็นการสูญเสียเลือดบริสุทธิ์หนึ่งหยด ทำให้หยวนชี่ได้รับความเสียหายอย่างมาก จำเป็นต้องใช้เวลาในการรักษาเป็นระยะเวลานานถึงจะหาย
หากสูญเสียเลือดบริสุทธิ์สองหยด ก็เหมือนกับสละชีวิตครึ่งหนึ่งแม้ว่าร่างกายจะแข็งแรง แต่ถ้าเลือดทั้งสองหยดถูกดูดออกมา เกรงว่าจะใช้ชีวิตลำบาก
วิธีนี้ของฉินจุน มันอันตรายเกินไปจริง ๆ
เลือดบริสุทธิ์สองหยดสำหรับคนธรรมดาแล้ว เรียกว่าเสี่ยงชีวิตไปแล้วครึ่งหนึ่ง ต่อให้นำชายฉกรรจ์ร่างกายแข็งแรงมาดูดเลือดบริสุทธิ์ออกไปสองหยด คาดว่าก็อาจจะเป็นอัมพาตนอนที่พื้นได้เลยทันที เหมือนกับว่าพิการเป็นอัมพาตไปเลยทั้งตัว
ถึงแม้ว่าร่างกายของฉินจุนจะแข็งแรงไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป แต่เกรงว่าก็อาจจะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน
สำหรับรายละเอียดขั้นตอนต่าง ๆ เขาได้บอกกับอาสะใภ้รองเรียบร้อยแล้ว ฉินจุนก็เตรียมลงมือแล้ว
เพื่อป้องกันอันตราย ฉินจุนจึงทำการฝังเข็มที่คลินิก พอข่งฝานหลินได้ยินเรื่องดังกล่าว ก็คัดค้านหัวชนฝา
“บ้าไปแล้วหรือคุณฉิน ต่อให้เขาเป็นญาติของคุณ ก็ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย นี่มันไม่ได้ต่างอะไรกับชีวิตแลกชีวิตเลยนะ!”
ฉินจุนยิ้มบาง ๆ “เชื่อผมสิ ผมไม่เอาชีวิตไปแลกขนาดนั้นหรอก ฝีมือแพทย์ของผม มันเหนือกว่าที่คุณรู้”
คำพูดนี้ของฉินจุนถ้าหากใครมาได้ยินเข้า พวกเขาคงจะต่อว่าฉินจุนว่าเป็นคนอวดดี ข่งฝานหลินเป็นแพทย์ระดับประเทศเชียวนะ!
แต่ว่าข่งฝานหลินกลับรู้ดีอยู่ลึก ๆ ว่า ที่ฉินจุนพูดมาไม่ได้เกินจริงสักนิดเดียว เขามีความสามารถจริง ๆ
ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันมา นับวัน ๆ ข่งฝานหลินยิ่งรู้สึกนับถือในตัวฉินจุน
ในกระบวนการรักษา ไม่เพียงแต่เขาจะมีความรู้เกี่ยวกับโรคที่รักษาไม่หายเท่านั้น แต่ยังมีความรู้เกี่ยวกับโรคทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับแพทย์คนอื่นๆ ด้วย
ยกตัวอย่างเช่นไข้หวัดธรรมดา ๆ ฉินจุนสามารถรักษาด้วยวิธีที่แตกต่างออกไปหลากหลายวิธี ถ้าพูดตามหลักการแพทย์ตะวันตก ไข้หวัดก็คือไข้หวัด มีวิธีการรักษาเพียงวิธีเดียว
แต่ว่าในสายตาของแพทย์แผนจีนแล้วกลับแตกต่างออกไป การเป็นไข้หวัดแต่ละประเภทก็มีวิธีการรักษาที่แตกต่างออกไป ในสมองของฉินจุน แค่โรคไข้หวัดโรคเดียวก็สามารถแบ่งออกได้เป็นร้อยประเภท
ปรมาจารย์ประเภทใดที่สามารถสอนทักษะทางการแพทย์เช่นนี้ได้?
พอเตรียมทุกอย่างพร้อม ฉินจุนก็ขึ้นไปนอนบนเตียง
ข่งฝานหลินออกอาการกังวล ในมือของเขาถือแท่งเข็ม ฝ่ามือของเขาชื้นไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ
“คุณฉิน คุณทำเองดีกว่าไหม?”
นี่มันเป็นการเก็บเลือดบริสุทธิ์นี้ ถือเป็นศาสตร์ขั้นสูง ตามทฤษฎีแล้วข่งฝานหลินอยู่ระดับที่สามารถทำได้ แต่เขาไม่เคยทำมาก่อนเลย
ฉินจุนเอ่ย, “ไม่เป็นไรมันมีโอกาสพลาดได้ ถ้าเกิดมีปัญหา ผมจะแนะนำคุณเอง คุณมาทำให้ผมค่อนข้างวางใจ”
การฝังเข็มให้ตัวเอง เนื่องจากปัญหาทางด้านมุมมองของสายตา อาจจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ง่าย เพราะฉะนั้นให้ข่งฝานหลินทำให้จะแม่นยำมากกว่า
ข่งฝานหลินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “งั้นผมเริ่มเลยนะ”
พูดจบ ข่งฝานหลินก็ใช้สองมือนำเข็มแทงเข้าไปกลางอกของฉินจุน
ในระดับแพทย์ระดับประเทศของเขาแล้ว การใช้มือเดียวฝังเข็มเป็นการปฏิบัติโดยพื้นฐานอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เขาใช้สองมือบีบแท่งเข็มเอาไว้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความกังวลและการให้ความสำคัญของเขา
พอเข็มแทงลงไป ฉินจุนก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพียงแค่บอกว่าข่งฝานหลินแทงจุดฝังเข็มได้ถูกต้องแล้ว
ข่งฝานหลินแทงเข็มขึ้นแทงเข็มลง ถึงแม้ว่าจะมีเพียงแค่เข็มเดียว แต่ก็ทำเอาเขาเครียดมาก เหงื่อไหลซึมออกมาเต็มหน้า
ทันใดนั้นข่งฝานหลินก็บีบเข็มและพูดกับฉินจุน
“คุณฉินผมจะทำการเจาะเอาเลือดบริสุทธิ์ออกมาแล้วนะครับ”
ฉินจุนพยักหน้าโดยไม่มีความกลัวสักนิดเดียว
ข่งฝานหลินยกเข็มออกอย่างรวดเร็ว ที่ปลายเข็มมีหยดเลือดหยดเล็ก ๆ ติดอยู่!
เลือดหยดนี้ เล็กกว่าหยดเลือดปกติทั่วไป และมีสีอ่อนมาก ๆ มันถูกห้อยอยู่ที่ปลายเข็ม ราวกับว่ามันพร้อมจะหยดลงมาเมื่อเขย่าเบา ๆ
แต่ฉินจุนและข่งฝานหลินรู้ดีว่า เลือดบริสุทธิ์หยดนี้ ไม่ว่าจะสะบัดอย่างไรก็ไม่มีทางร่วง
ข่งฝานหลินนำเข็มใส่ลงในภาชนะพิเศษ ก่อนหยิบเข็มเล่มที่สองออกมาแล้วเช็ดเหงื่อออกจากศีรษะ
“คุณฉิน ต่อไปเป็นเข็มเล่นที่สองแล้วนะครับ!”