ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 315 ไล่ฆ่า

ไม่รู้ว่าอารองไปเอารถเข็นมาจากไหน เขาจับฉินจุนนั่งลงไป

“พูดไร้สาระอะไรกัน สภาพหลานเป็นแบบนี้จะไปไหนได้ เราสองคนร่วมเป็นร่วมตายไปด้วยกัน!”

พูดจบ อาฉินคนรองก็เข็นฉินจุนขึ้นไปบนเขา

คฤหาสน์ชิงเหมยตั้งอยู่ที่เนินเขาของภูเขาชิงเหมย ถ้าหากมีคนคิดลงมือ ก็ต้องขึ้นมาจากด้านล่าง พวกเขาขึ้นไปบนภูเขา น่าจะสามารถหลบหนีได้

ฉินจุนจนปัญญาจริง ๆ เขาไม่อยากจะทำให้อารองซวยไปด้วย แต่ว่าในเวลานี้ เขาเองก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว

เพื่อช่วยรักษาอารอง ตอนนี้เขาจึงอยู่ในสภาพที่อ่อนแอ

ตั้งแต่ฉินจุนกลับมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอ่อนแอ ตั้งแต่กลับมาที่เมืองตงไห่เขาก็แข็งแกร่งมาตลอด

เริ่มตั้งแต่จัดการตระกูลถังทีละคน ๆ ทำลายตระกูลฉี ทำให้สามตระกูลใหญ่มหาอำนาจของตงไห่ไม่กล้าลงมือ แม้กระทั่งตระกูลซูและตระกูลหัวยังไม่กล้าออกนอกบ้าน

สองตระกูลที่เหลือเหมือนกำลังรอความตาย เพราะฉินจุนยังคงถ่วงเวลาไม่ได้ฆ่าพวกเขาทันที เพราะต้องการให้คนพวกนี้ลิ้มรสของความหวาดกลัว ค่อย ๆ ทรมานจิตใจของคนพวกนี้ไปทีละนิด

ไม่คิดเลยว่า สองตระกูลนี้จะฉวยโอกาสนี้เอาคืน!

ไม่ว่าจะคิดยังไงก็คิดไม่ถึงเลยว่าไอ้กระจอกจู้หมิงจะเป็นตัวการสำคัญ

ซูจินเลี่ยและหัวเฉิงเดินทางมาถึงเนินเขาชิงเหมย ทุกคนต่างพากันกระทำการอย่างเงียบ ๆ เหล่านักเลงใช้เชือกไต่กำแพงเพื่อกระโดดข้ามกำแพง จากนั้นนั่งยอง ๆ ที่มุมกำแพง หยิบเครื่องตรวจจับอินฟราเรดออกมา สังเกตอยู่เป็นเวลานานก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วพูดว่า

“คุณชายรองครับ ไม่มีคนอยู่”

ซูจินเลี่ยขมวดคิ้ว “ไม่มีคน?ไม่มีสักคนเลยเหรอ?”

คฤหาสน์ใหญ่ขนาดนี้จะไม่มีคนอยู่ได้อย่างไร?

“คุณชายรองครับ ไม่มีคนจริง ๆ ไม่มีเลยสักคน”

ซูจินเลี่ยครุ่นคิด “แย่ละ มันหนีแล้ว!”

“หัวเฉิง นายกับฉันแยกกันไปไล่ตามแล้วกัน นี่เป็นโอกาสเดียว พวกเราต้องจับมันมาให้ได้ เมื่อใดที่ไอ้เด็กนั่นมันพลิกกลับขึ้นมาได้ พวกเราสองตระกูลได้จบเห่แน่!”

“โอเค!”

นักเลงกว่ายี่สิบคนแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม สิบคนไปกับซูจินเลี่ย อีกสิบคนไปกับหัวเฉิง กลุ่มหนึ่งวิ่งขึ้นข้างบน กลุ่มหนึ่งลงมาข้างล่าง

หัวเฉิงนำคนลงมาไล่ตามที่ด้านล่าง ส่วนซูจินเลี่ยนำคนขึ้นไปตามหาที่ด้านบนเขา

“ฉันว่าไอ้ฉินจุนมันต้องขึ้นไปบนเขาแน่นอน ไปตามจับมัน!”

ซูจินเลี่ยและคนอื่น ๆ เริ่มออกตามล่าอย่างรวดเร็ว ฉินเฟยหยูเข็นฉินจุนขึ้นบนภูเขาไม่ได้รวดเร็วเท่าคนพวกนั้น พอขึ้นมาถึงยอดเขา ก็ถูกคนพวกนั้นตามทัน

ซูจินเลี่ยพอเห็นฉินจุนอยู่บนรถเข็นและฉินเฟยหยูที่ด้านหลัง ก็ปรากฏรอยยิ้มอย่างเย็นชาออกมา

“ฉินเฟยหยู ที่แท้นายก็ยังไม่ตาย ดูเหมือนว่าตอนนั้นฉันจะออมมือเกินไป”

ฉินเฟยหยูเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ซูจินเลี่ย ฉันยังไม่ได้จัดการนายด้วยมือของตัวเองเลย จะตายง่าย ๆ ไม่ได้หรอก”

ตอนนั้นที่ตระกูลฉินทั้งสิบแปดคนโดนฆ่า หนึ่งในนั้นคือซูจินเลี่ยที่เป็นแกนนำ เมื่อได้เจอศัตรูแค้น ดวงตาของเขาก็แดงก่ำขึ้นมาทันที

ใบหน้าของซูจินเลี่ยเต็มไปด้วยความอำมหิต มองดูฉินจุนที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วเอ่ย

“ไอ้เด็กน้อย แกทำพวกฉันไว้เจ็บแสบจริง ๆ เมื่อสิบปีก่อนตระกูลพวกแกตายเพราะเงื้อมมือฉัน ไม่คิดเลยว่าวันนี้ พวกแกสองคนอาหลานจะโง่ซ้ำซาก”

ฉินจุนนั่งอยู่บนรถเข็น ไม่พูดอะไรออกมาเหมือนกับว่าพูดไม่ออก

ซูจินเลี่ยเห็นแบบนั้น ก็ยิ่งมั่นใจ ส่งสายตาให้พวกลูกน้องเตรียมลงมือ

นักเลงสิบคนเหล่านี้ต่างก็เป็นมือสังหาร ซูจินเลี่ยมั่นใจในตัวพวกเขามาก ๆ ภายในมือพวกเขาถือมีดเตรียมพุ่งเข้าใส่ฉินเฟยหยู

สองอาหลานคู่นี้ ตอนนี้ดูแล้วคนที่อันตรายมากกว่าคือฉินเฟยหยู ฉินจุนนั้นนั่งอยู่บนรถเข็นดูอ่อนแรงมาก ๆ แค่นี้ก็เห็นได้ชัดแล้ว แต่ฉินเฟยหยูนั้นดูแข็งแกร่งดั่งเสือ ดูน่าเกรงขาม ถ้าจัดการฉินเฟยหยูได้ก็ถือว่าตระกูลฉินถูกทำลายล้างหมดแล้ว

แต่ทว่าขณะที่เหล่าชายฉกรรจ์กำลังพุ่งเข้าใส่นั้น ฉินจุนก็ยกมือขึ้นอย่างรุนแรง

แสงของเข็มเงินสว่างวาบในความมืด!

ชวิ้ง!

เข็มพุ่งออกไปกลางอากาศ ทะลุร่างกายของนักเลงคนหนึ่งจากกลางอกทะลุออกด้านหลังหัวใจ จากนั้นก็ไปปักเข้าที่กลางหว่างคิ้วของซูจินเลี่ย

ซูจินเลี่ยเบิกตากว้าง เขาไม่คิดเลยว่าฉินจุนที่มีสภาพแบบนี้ จะฆ่าเขาผ่านอีกคนได้!

เข็มของฉินจุนสามารถฆ่าคนได้อย่างล่องหน เข็มนี้ของฉินจุนแทงเข้าที่จุดกำเนิดของชีวิต แม้แต่เทพเจ้าก็ช่วยให้กลับมามีชีวิตไม่ได้

นักเลงที่ถูกเข็มแทงทะลุก็ตายไปพร้อม ๆ กันทั้งสองคน

ส่วนคนที่เหลือก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที พวกเขาพุ่งเข้ามาเร็วกว่าเดิม

พวกเขาเคยได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง แม้จะไร้ผู้นำแต่พวกเขาก็ไม่สนใจ พวกเขารู้แค่ว่าถ้าพวกเขาไม่ฆ่าฉินจุน จุดจบของพวกเขาก็คือตาย ต่อให้ซูจินเลี่ยตายไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังเป็นลูกน้องของคนอื่น ๆ ในตระกูลซู คุณชายรองตายแล้ว แต่ก็ยังมีคุณชายใหญ่ เพราะฉะนั้นพวกเขาก็ยิ่งลงมืออย่างไม่เกรงกลัว

พอเขวี้ยงเข็มนี้ออกไป ฉินจุนก็อ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง นี่เป็นแรงเฮือกสุดท้ายของเขา

ฉินเฟยหยูเข็นฉินจุนกระโดดลงจากหน้าผา!

หน้าผานี้ไม่ใช่หน้าผาที่ตัดตรง แต่เป็นผาลาด ทั้งสองคนกลิ้งลงจากหน้าผาแล้วก็ไร้ร่องรอย

“รีบโทรศัพท์บอกท่านประธานหัว!”

หนึ่งในนักเลงรีบโทรศัพท์ไปแจ้งแก่หัวเฉิง หัวเฉิงพอได้ทราบข่าวก็หวาดหวั่นขึ้นมาทันที รีบกลับลงมุ่งหน้าไปทางลาดเขาฝั่งตอนเหนือ

การโดดลงมาจากผามันก็อันตรายถึงชีวิต แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องตาย100%

ความผิดพลาดแบบเดิม พวกเขาจะไม่ทำผิดซ้ำสองแน่นอน

สิบปีก่อนเป็นเพราะพวกเขาทระนงตน ถึงได้ทำให้ฉินจุนกับฉินเฟยหยูรอดมาได้

แค่ไอ้ฉินจุนคนเดียวก็ทำให้พวกเขาเดือดร้อนมากแล้ว ครั้งนี้ถ้าไม่รีบไล่ฆ่า เกรงว่าครั้งต่อไปจะยิ่งลำบากกว่านี้

ฉินจุนและฉินเฟยหยูสองอาหลานในขณะนี้หลังจากกลิ้งลงมาจากหน้าผา ก็ลงมานอนสลบอยู่ที่พื้น

ไกลออกไป มีชายชราในชุดขาวท่าทางเหมือนเทพ ขี่วัวเดินเข้ามาหาอย่างชิล ๆ

เมื่อเห็นฉินจุนสลบอยู่ที่พื้น ชายชราก็ยิ้ม

“ไอ้เด็กน้อย นายเองก็มีวันนี้”

หลังจากพูดจบ ชายชราก็หยิบน้ำเต้าที่ห้อยอยู่ที่คอวัวขึ้นมา เปิดออกและให้ฉินจุนจิบ

มีตัวอักษรสองตัวที่เขียนบนน้ำเต้าซวนหยวน

หัวเฉิงขับรถไปทั้งหมดสองคัน บวกกับนังเลงรวมเป็นสิบเอ็ดคน แลนด์โรเวอร์สองคันควบอยู่บนถนนที่เชิงเขา

ไม่นานหลังจากขับมาตามตำแหน่งที่นักเลงเหล่านั้นบอกไว้ ก็เห็นฉินจุนและคนอื่น ๆ

ในเวลานี้ฉินจุนและฉินเฟยหยูกำลังนอนอยู่บนพื้น ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยแผล ที่ด้านข้างมีชายชราสวมชุดขาวขี่วัวยืนอยู่ ชายชราสวมชุดสีขาวดูเหมือนเทพเจ้า

“ท่านประธานหัวครับ ทำอย่างไรดีครับ!”

หัวเฉิงเป็นคนโหดร้าย นับประสาอะไรกับชายชรา ขนาดชีวิตผู้หญิงและเด็กในสายตาของเขาเป็นเหมือนหญ้าไร้ค่า

“ชนเข้าไป ชนพวกมันให้ตายพร้อมกันทั้งหมดเลย!”

ผู้รักษาสุดแกร่ง

ผู้รักษาสุดแกร่ง

ผู้รักษาสุดแกร่ง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset