ถ้าไม่ใช่ปรมาจารย์ไม่มีทางทำได้อย่างสุขุมขนาดนี้หรอก เขาอธิบายออกมาราวกับมันเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่ทุกรายละเอียดนั้นเผยให้เห็นถึงบุคลิกความเป็นปรมาจารย์
มีแค่ปรมาจารย์ของจริงเท่านั้น ที่จะเข้าใจอาการของแต่ละโรค และสามารถทำได้ถึงขนาดนี้
ความสามารถของฉินจุนนี้ ทำเอาทั้งสามคนค่อนข้างตกตะลึง
เด็กหนุ่มคนนี้ ไม่ธรรมดาเลยนะ!
จ้าวลี่คุนยิ้มบาง ๆ “ท่านอาจารย์หมอเหยียนคะ คุณฉินท่านนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ?”
สีหน้าของท่านอาจารย์หมอเหยียนออกอาการอับอายนิดหน่อย เขาพยักหน้าเอ่ย “อายุยังน้อยแต่รู้ลึกขนาดนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ”
เขาเองก็ไม่กล้าวิจารณ์มาก เพราะเขาเองก็ยังไม่สามารถรักษาคนไข้ได้ ถ้าฉินจุนสามารถรักษาหายได้ แล้วเขาพูดมากเกินไป มันก็จะไม่เป็นการตบหน้าตัวเองหรอกเหรอ?
ผู้กำกับเกาพอใจกับผลงานของฉินจุนมาก ทั้งมีเหตุมีผล มีบุคลิกที่น่านับถือ ถึงแม้ว่าจะยังเด็ก แต่ก็ทำให้คนรู้สึกได้ถึงความเป็นปรมาจารย์
มีความมั่นใจในตัวเองและมีความเชื่อมั่น เป็นเพราะมีความรอบรู้และคิดอย่างรอบคอบ ถึงได้แสดงออกมาให้เห็นได้ถึงขนาดนี้
“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราเชิญคนไข้คนที่สองเข้ามาเลยนะคะ?”
“ครับ”
คนไข้รายที่สอง เป็นคุณป้าท่านหนึ่ง ดู ๆ แล้วน่าจะอายุประมาณห้าสิบปี รูปร่างอ้วนท้วม แต่งตัวธรรมดา ๆ ดูแล้วเหมือนมาจากชนบท
คุณป้าเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเจ็บปวด นั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับเอามือกุมอกด้านซ้าย
“คุณป้าไม่สบายตรงไหนครับ?”
คุณป้าชี้ไปที่ตำแหน่งใต้วงแขนแล้วเอ่ย
“ป้าเจ็บตรงนี้”
พอคุณป้าท่านนี้พูดออกมา ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามก็ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที คนไข้แบบนี้รักษายาก
แต่ละคนแตกต่างกัน บางคนอธิบายหรือแสดงออกมาไม่เก่ง โดยเฉพาะผู้หญิงจากชนบทประเภทนี้ ยิ่งพูดไม่ค่อยเก่ง
พวกเขาไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดหรืออธิบายความเจ็บปวดอย่างไร ผู้ป่วยบางรายไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างความเจ็บจากการโดนเข็มแทงกับอาการจุกเสียด ซึ่งทำให้การวินิจฉัยของแพทย์ลำบากมาก
เห็นได้ชัดว่าคนไข้คนนี้ก็เป็นแบบนั้น เธอเพียงแค่ชี้ว่าเจ็บบริเวณไหน โดยไม่ได้ระบุอย่างเฉพาะเจาะจงว่าเจ็บได้ยังไง เจ็บตรงไหน
ไม่รู้ว่าเป็นที่แขน รักแร้ หรือหน้าอก แบบนี้ทำให้วินิจฉัยได้ยากมาก ๆ อยู่ที่แพทย์จะตัดสิน
อีกอย่างหนึ่ง ส่วนที่ละเอียดอ่อนของผู้ป่วยหญิงจะเป็นปัญหาทั้งในด้านการวินิจฉัยและการรักษา
แพทย์แผนจีนไม่เหมือนกับแพทย์แผนตะวันตก มีทั้งหมอผู้หญิงและหมอผู้ชาย แต่แพทย์แผนจีนส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นผู้ชาย น้อยมากที่จะมีแผนแพทย์จีนที่เป็นผู้หญิง เพราะฉะนั้นจึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับนรีเวชวิทยา
ปกติมีเวลาคนไข้ที่เป็นผู้หญิงมารักษา ที่เกี่ยวกับด้านนรีเวชหรือด้านทรวงอก โดยพื้นฐานก็จะส่งเธอไปโรงพยาบาลแพทย์แผนตะวันตก
สีหน้าฉินจุนไม่ได้มีอาการตื่นเต้นใด ๆ เขายื่นมือออกไปบีบแขนของคนไข้
“ตรงนี้เจ็บไหมครับ?”
คนไข้ส่ายหน้า
ฉินจุนก็กดไปที่รักแร้
“ตรงนี้ล่ะ?”
คนไข้ส่ายหน้าอีกครั้ง
ฉินจุนกำฝ่ามือ แล้วใช้ข้อนิ้วกดไปที่ด้านข้างของหน้าอกคนไข้
“ตรงนี้?”
คนไข้หลับตาปี๋ ซี้ดปากด้วยความเจ็บ “ใช่ค่ะ ๆ ตรงนี้แหละ ปวดมาก ๆ ”
พอเห็นท่าทางนิ่งเฉยของฉินจุนแบบนี้ เหล่าผู้เชี่ยวชาญก็สบสายตากัน
เด็กคนนี้ อายุอานามยังไม่เท่าไหร่แต่กลับสุขุมนุ่มลึก รักษาตรงบริเวณจุดละเอียดอ่อนของผู้หญิงยังไม่ออกอาการทำเก้อเขิน ท่าทางแบบนี้ต้องไม่ใช่เพิ่งฝึกฝนมาแค่ปีสองปีแน่นอน
ขนาดเหล่าผู้เชี่ยวชาญอย่างพวกเขา บางครั้งเวลาทำการรักษายังหลีกเลี่ยงเลย
แต่ว่ายิ่งหลีกเลี่ยง ก็จะยิ่งทำให้คนไข้เขินอาย ไม่เหมือนกับที่ฉินจุนทำ เขาไม่ได้สนใจอะไรเขาตัดเรื่องเพศออกไปเลย แบบนี้จะทำให้คนไข้ผ่อนคลาย
ฉินจุนเอ่ย “วินิจฉัยเบื้องต้นนะครับ น่าจะเป็นโรคเต้านม เดี๋ยววัดชีพจรกันก่อน”
คุณป้าพยายามกัดฟันยื่นแขนออกไปให้ ก่อนจะเริ่มทำการวัดชีพจร
ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามเริ่มสุมหัวกระซิบกระซาบ
“โดยปกติแล้ว โรคเต้านมต้องรักษาทั้งภายในและภายนอกพร้อมกัน นี่ไม่มีพยาบาลผู้หญิงเป็นผู้ช่วย มันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ไหม?”
โรคเต้านมของผู้หญิงนี้ ค่อนข้างเป็นเรื่องน่าปวดหัวของแพทย์แผนจีน หนึ่งเป็นเพราะเป็นโรคที่ค่อนข้างยาก สองคือความแตกต่างของเพศหญิงและเพศชาย ปัญหาแบบนี้จัดการค่อนข้างยาก
ต่อให้ทำการฝังเข็ม แต่ก็ต้องให้คนไข้ถอดเสื้อผ้าแบบนี้ก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
หลังจากฉินจุนวัดชีพจรเสร็จ พบว่าคุณป้าท่านนี้มีสีหน้าซีดเผือดริมฝีปากคล้ำ อีกอย่างแขนซ้ายและรักแร้ก็มีอาการบวมแข็ง และแขนก็ใหญ่กว่าอีกข้างหนึ่งเป็นสองเท่า
ฉินจุนวัดชีพจรไปถามไป “อาการปวดที่เต้านมของคุณป้าเป็นมานานเท่าไหร่แล้วครับ ตอนที่เจ็บสุด ๆ นี่เจ็บขนาดไหนครับ?”
คุณป้าครุ่นคิดก่อนจะเอ่ย, “ป้าเองก็บอกไม่ถูก แต่ว่าเวลาที่ปวดสุด ๆ ก็เจ็บจนนอนไม่หลับเลยค่ะ”
คนไข้ท่านนี้อธิบายไม่เก่งจริง ๆ เมื่อโรคนี้เกิดอาการรุนแรงจะมีน้ำดำ ๆ ไหลออกมาจากเต้านม มีกลิ่นเหม็น และจะปวดจนทนไม่ไหว แขนจะบวมและตึง
ในเมื่อคุณป้าอธิบายไม่เก่ง ฉินจุนก็จะไม่ซักประวัติแล้ว
หลังจากวัดชีพจร เขาก็ยื่นมือไปกดที่หน้าท้องของคุณป้า
“เจ็บไหมครับ?”
คุณป้าพยักหน้า “เจ็บค่ะ”
ดูจากสีหน้าของเธอก็รู้ว่า เจ็บ แต่ไม่เจ็บเท่าบริเวณหน้าอก
ฉินจุนพยักหน้า “เดี๋ยวคุณป้านอนราบนะครับ ผมจะฝังเข็มให้”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามสบตากันอีกครั้ง ออกอาการตะลึงอยู่หน่อย ๆ แค่นี้ก็จะทำการฝังเข็มแล้วเหรอ?พวกเขาเองก็สามารถฝังเข็มได้ แต่ว่าการฝังเข็มที่หน้าอกนั้นมันค่อนข้างน่าอาย อีกอย่างต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้เลยเหรอ?
ถ้าไปเจอผู้หญิงที่ความคิดค่อนข้างเปิดกว้างก็ดีหน่อย จะรู้ว่านี่เป็นการสัมผัสเพื่อการรักษาระหว่างแพทย์และผู้ป่วย และไม่หลีกเลี่ยงแพทย์
แต่ว่าก็มีผู้หญิงประเภทหัวโบราณ ไม่ยอมรักษา และไม่ยอมให้หมอเพศชายสัมผัสเธอแบบนี้ ในอดีตมีปัญหาบ่อยครั้งเนื่องจากการสัมผัสอย่างใกล้ชิดระหว่างแพทย์และผู้ป่วย
เพราะฉะนั้นหมอผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มีประสบการณ์มามาก โรคที่รักษาลำบากแบบนี้ ปกติพวกเขาจะไม่รับ
แต่ว่าในสายตาของฉินจุน ขอแค่คนไข้มาอยู่ตรงหน้า ก็เป็นคนไข้ของเขาทั้งนั้น ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รักษา
หลังจากคนไข้หญิงนอนลง ฉินจุนก็ม้วนเสื้อของเธอขึ้นเผยหน้าท้อง
ตอนนี้ทำการฝังเข็มสองเล่มที่หน้าท้องส่วนล่าง โรคเต้านมของเธอส่งผลกระทบต่อถุงน้ำดี การฝังเข็มรักษาให้หายขาดได้ในเวลาเดียวกัน
ขณะที่ม้วนเสื้อขึ้นไป คุณป้าก็ออกอาการกังวล ขย้ำเสื้อผ้าของตัวเองแน่น ที่ฝ่ามือมีเหงื่อออกมา
แม้ว่าเธอจะอายุมากขนาดนี้แล้ว และฉินจุนเพิ่งจะอายุแค่ยี่สิบกว่า เธอเองก็รู้ดีว่าคนเขาเป็นหมอไม่มีทางทำไปเพื่อเอาเปรียบเธอหรือเพราะอะไรก็ตาม แต่ผู้หญิงก็คือผู้หญิง มีความรักนวลสงวนตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะปฏิเสธได้
ท่านอาจารย์หมอเหยียนเอ่ย
“ดูสิ คนไข้เริ่มต่อต้านแล้ว โรคนี้ไม่มีทางรักษา เว้นแต่จะมีผู้ช่วยหญิงที่มีทักษะทางการแพทย์ค่อนข้างดี”
พอท่านอาจารย์หมอเหยียนพูดจบ ฉินจุนก็เริ่มฝังเข็มสูงขึ้น และฝังที่หน้าอกของคนไข้ บริเวณด้านนอกของหน้าอกใกล้กับรักแร้
ทันใดนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามก็ตะลึงทันที
ฝังเข็มทะลุเสื้อผ้า ?!แม้ว่าจะมีเสื้อผ้าเพียงชั้นบาง ๆ แต่ก็ยากมากที่จะฝังเข็มผ่านเสื้อผ้า อย่างแรงเป็นเพราะเราจะไม่รู้จุดฝังเข็มที่ถูกต้อง แม้ต่อให้เรารู้เรื่องโครงสร้างร่างกายดีมาก ๆ แต่ก็จำเป็นต้องเห็นผิวหนังถึงจะสามารถยืนยันจุดฝังเข็มได้ถูกต้อง
อีกอย่างคือเสื้อผ้าลื่นมากและแรงที่ต้องเจาะเสื้อผ้าแตกต่างจากการเจาะผิวหนัง
หากควบคุมไม่ดีพอ เข็มจะเบี่ยงเบนได้ง่ายและจะยากต่อการควบคุมแรง
การฝังเข็มแต่ละจุด แรงที่ใช้นั้นไม่เท่ากัน ผลที่ได้ก็จะไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการฝังเข็มผ่านเสื้อผ้าจึงมีแต่ในตำราเท่านั้น โดยปกติไม่มีใครกล้าลองทำ
แต่มันก็ไม่ใช่ว่ายากมาก เพียงแต่ว่ามีน้อยคนมากที่จะสามารถทำมันได้ง่าย ๆ