เย่หวันเอ๋อขมวดคิ้ว ไม่ได้สนใจพวกเขา และเดินตรงไปที่สถานีโทรทัศน์
เพราะยังไงแล้วเป้าหมายคือสถานีโทรทัศน์ ดังนั้นไม่ว่าจะไปยังไงพวกเธอก็ต้องไปทางเดียวกัน ระหว่างทางก็อาจจะต้องได้คุยกันบ้าง แต่เย่หวันเอ๋อก็เมินพวกเขา เพราะสองคนนั้นหาเรื่องใส่ตัวเองชัดๆ
“หลิ่วอวี้ดูคนข้างๆ เย่หวันเอ๋อสิ นั่นใช่แฟนของเธอหรือเปล่า?” ทั้งสองกระซิบกัน
“อืม ดูท่าทางแฟนเธอคงจะจนน่าดูเลยเนอะ ไม่มีรถขับด้วยซ้ำ”
“ฉันก็คิดอย่างนั้น ดูจากฐานะของเย่หวันเอ๋อ ดูจะยากมากเลยนะที่ต้องแสร้งทำเป็นสูงส่งเหมือนเดิมน่ะ นี่คือเวรกรรมของเธอแล้วละ”
ขณะที่ทั้งสองคนเดินไปก็ซุบซิบกันไป และไม่นานก็เดินมาถึงประตูสถานีโทรทัศน์
ตอนนี้มีแถวยาวอยู่ที่หน้าประตู เนื่องจากมีการถ่ายทอดสด ดังนั้นการตรวจสอบความปลอดภัยจึงเข้มงวดมาก เข้มงวดกว่าการตรวจความปลอดภัยบนเครื่องบินเสียอีก โดยพื้นฐานแล้วจะไม่สามารถนำสิ่งของใดๆ ติดตัวเข้าไปได้
เมื่อมาถึงหน้าประตู และเห็นเย่หวันเอ๋อและฉินจุนยังคงเดินเอ้อระเหยอยู่ ฉือเหม่ยจึงพูดขึ้น
“เย่หวันเอ๋อ เธอคงไม่ได้อยากเข้าไปจริงๆ ใช่ไหม? นี่เป็นการถ่ายทอดสดของช่องCCTVนะ ไม่มีตั๋วเถื่อนหรอก”
ในสายตาของเธอ มันเป็นไปไม่ได้ที่เย่หวันเอ๋อจะได้ตั๋วมา แค่คลินิกเล็กๆ จะได้รับคำเชิญเช่นนี้ได้อย่างไร?
ผู้ที่จะได้รับคำเชิญได้นั้นโดยปกติแล้วจะต้องเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าระดับผู้อำนวยการโรงพยาบาลใหญ่ๆ เท่านั้น ถ้าพวกเขาทั้งสองได้ตั๋วมาก็คงได้มาเพราะเส้นสาย เพราะตั๋วทั้งสองใบนี้ก็เป็นตั๋วที่หายากมาก
ในการเรียนรู้ของผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีน การได้มาฟังสดๆ ที่นี่นั้นถือว่าเป็นโอกาสในการเรียนรู้ที่ดีมากอย่างแน่นอน และยังเป็นโอกาสที่จะช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้ตัวเองด้วย
เมื่อกลับไปที่หน่วยงานของตัวเองแล้ว แล้วพูดว่าได้ไปเข้าร่วมการประชุมแพทย์แผนจีนมาก็จะรู้สึกว่าตัวเองดูมีเกียรติมากขึ้นเป็นเท่าตัว
เย่หวันเอ๋อขมวดคิ้ว และหยิบตั๋วของตัวเองออกมา “ฉันมีตั๋ว”
เมื่อเห็นว่าเย่หวันเอ๋อมีตั๋วสีดำ ทั้งสองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ
“ทำไมตั๋วของเราถึงไม่เหมือนกัน?”
ฉือเหม่ยหยิบตั๋วของเธอออกมา และเหลือบมองอย่างรวดเร็ว พวกเธอทั้งสองคนมีตั๋วสีแดง แต่เย่หวันเอ๋อเป็นสีดำ มีความแตกต่างกันชัดเจนมาก
แน่นอนว่าตั๋วของพวกเขาต้องไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ตั๋วที่ฉินจุนได้มาคือตั๋วสำหรับพนักงาน ในขณะที่ของฉือเหม่ยเป็นตั๋วสำหรับผู้ชม
ฉือเหม่ยขมวดคิ้ว “เย่หวันเอ๋อเธอคงไม่ได้วางแผนที่จะใช้ตั๋วปลอมเข้าไปข้างในใช่ไหม?”
เสียงของฉือเหม่ยดังมากจนดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากทันที
ทุกคนต่างก็มองมาทำให้เย่หวันเอ๋อกลายเป็นจุดสนใจ
เย่หวันเอ๋อขมวดคิ้ว “ฉือเหม่ยเธออย่ามาพูดเหลวไหล! นี่เป็นตั๋วของจริง!”
ฉือเหม่ยแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา “เย่หวันเอ๋อ เธอไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่ได้เรียนรู้เรื่องต่างๆ ในสังคม แต่กลับเรียนรู้ที่จะโกงเนี่ยนะ เธอก็ดูสิตั๋วของเธอเหมือนกับตั๋วของพวกเราไหม? ถ้าเธอไม่ใช่ตั๋วปลอมแล้วมันคืออะไร?”
หลิ่วอวี้แค่นหัวเราะ “คนอย่างเธอน่ะไม่ควรจะมาปะปนกับหมออย่างพวกเราหรอก รปภ.! รปภ.โยนพวกมันออกไปเลย!”
ทั้งสองคนตะโกนเสียงดังเพื่อเรียกทีมรปภ.
การรักษาความปลอดภัยของCCTVนั้นเข้มงวดมาก และยิ่งวันนี้มีการถ่ายทอดสดด้วยแล้ว แม้แต่ตำรวจที่ติดอาวุธก็ต้องออกมาคุ้มกัน
รปภ.หลายคนรีบวิ่งเข้ามา ขมวดคิ้วถาม
“เกิดอะไรขึ้นครับ?”
ฉือเหม่ยชี้ไปที่เย่หวันเอ๋อและพูด
“เธอ! เธอเอาตั๋วปลอมมา พวกคุณรีบตรวจดูเลย!”
รปภ.ขมวดคิ้วและเดินไปหาเย่หวันเอ๋อ
“คุณผู้หญิงครับ รบกวนแสดงตั๋วของคุณด้วยครับ”
ใบหน้าของเย่หวันเอ๋อซีดเผือด เธอยื่นตั๋วไปให้พวกเขาดู
รปภ.มองดู และหยิบอุปกรณ์ออกมาสแกน จากนั้นก็มีเสียงดังปี๊บ และเขาก็พูดขึ้น
“คุณผู้หญิงครับ ตั๋วของคุณเป็นตั๋วสำหรับเจ้าหน้าที่ เชิญใช้ทางเดินพิเศษทางนั้นนะครับ”
คำพูดของรปภ.ก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงทันที
เย่หวันเอ๋อเหลือบมองไปที่ตั๋ว และดูเหมือนว่าด้านบนมีเขียนว่าสำหรับเจ้าหน้าที่อยู่บนนั้นจริงๆ
ใช่แล้ว พี่เสี่ยวจุนเป็นอาจารย์หมอนี่นา แน่นอนว่าตั๋วที่เขาได้มาจึงเป็นตั๋วของพนักงาน
ฉือเหม่ยและหลิ่วอวี้ต่างก็อึ้งไปครู่หนึ่ง และทั้งคู่ก็ขมวดคิ้ว
“เป็นไปได้ยังไง! พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว เธอเป็นพนักงานได้ยังไง!?”
“นั่นสิ เธอไม่มีแม้แต่ใบรับรองของพยาบาลด้วยซ้ำ พวกคุณตรวจสอบดีๆสิ ดูสิว่าเธอแอบปลอมแปลงตั๋วเข้ามาหรือเปล่า!”
รปภ.พูดด้วยใบหน้านิ่งๆ “ตั๋วพนักงานไม่ระบุชื่อครับ”
หลังจากพูดจบ เขาก็พาเย่หวันเอ๋อและฉินจุนเดินไปทางเข้าพิเศษเพื่อเข้าไปในสตูดิโอ
ใบหน้าทั้งคู่บูดเบี้ยว พวกเธอไม่คิดว่าเย่หวันเอ๋อจะโชคดีขนาดนี้ ผู้หญิงคนนี้อาจจะเก็บตั๋วได้หรือซื้อตั๋วต่อมาจากคนอื่น
ตั๋วของพนักงานจะไม่มีการระบุชื่อ ดังนั้นใครที่เก็บได้ก็จะสามารถเข้าไปได้
จริงๆ แล้ว เพราะคนที่สามารถออกตั๋วพนักงานได้นั้นโดยปกติแล้วจะต้องเป็นคนใหญ่คนโต ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์หมอที่มีชื่อเสียง ผู้เชี่ยวชาญ หรือกรรมการและผู้กำกับที่มีชื่อเสียง ดังนั้นคนที่ออกตั๋วนั้นมาก็เป็นคนที่เชื่อถือได้อยู่แล้ว
ส่วนผู้ชมคนอื่นๆ จำเป็นต้องมีการตรวจสอบชื่อเพื่อป้องกันการขายตั๋วเพื่อเอากำไร
ฉือเหม่ยและหลิ่วอวี้สองคนยืนเข้าแถวด้วยความโมโห เมื่อเห็นเย่หวันเอ๋อและฉินจุนเข้าไปอย่างง่ายดายพวกเธอก็รู้สึกหมั่นไส้
หลังจากยืนต่อคิวกว่าครึ่งชั่วโมงเต็มพวกเขาก็ผ่านจุดตรวจความปลอดภัยเข้าไปด้านใน และไปนั่งตามหมายเลขที่นั่งผู้ชมของตัวเอง
ทั้งสองคนซื้อตั๋วต่อมาจากคนอื่นอีกทีหนึ่ง เพราะเส้นสายล้วนๆถึงได้ตั๋วสองใบนี้มา ดังนั้นตำแหน่งที่นั่งจึงไม่ค่อยดีนัก
พวกเธอนั่งอยู่ที่แถวสุดท้ายและก็ยังเป็นมุมอับด้วย มองเวทีก็ไม่ค่อยชัด และคนที่อยู่ข้างหน้าก็สูงบดบังการมองเห็นของพวกเธอ
ทั้งสองโยกซ้ายซ้ายทีขวาที พยายามหามุมหลายมุมก็ยังคงมองไม่ชัดอยู่ดี และทันใดนั้นพวกเธอก็เห็นเย่หวันเอ๋อนั่งอยู่ที่แถวแรก!
ทั้งสองคนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
“ทำไมนังนั่นถึงได้นั่งแถวแรก?”
ฉือเหม่ยกัดฟันและพูดว่า “อย่าลืมสิว่าหล่อนไปเอาตั๋วพนักงานมาจากไหนเข้ามาก็ไม่รู้!”
หลิ่วอวี้แค่นหัวเราะ “นังนี่ช่างโชคดีจริงๆ เธอนั่งใกล้ขนาดนั้นแล้วจะมีประโยชน์อะไร ฟังรู้เรื่องเหรอ?”
ฉือเหม่ยพูด “หรือเราจะไปแลกที่นั่งกับหล่อนดี?”
หลิ่วอวี้พยักหน้า “โอเค ไป!”
ทั้งสองลุกขึ้นเดินไปด้านหน้า และพูดกับเย่หวันเอ๋อ
“หวันเอ๋อ เธอนั่งตรงนี้ก็ฟังไม่เข้าใจหรอก อย่าทำให้คนอื่นเขาเสียโอกาสเลย แลกที่นั่งกับฉันเถอะ”
เย่หวันเอ๋อขมวดคิ้ว “มีสิทธิ์อะไร ใครบอกว่าฉันฟังไม่เข้าใจ?”
ฉือเหม่ยแค่นหัวเราะ “เธอไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ เป็นแค่ลูกศิษย์คลินิกเล็กๆ เธอจะไปเข้าใจอะไรล่ะ เธอนั่งข้างหลังก็ได้ยินชัดเจนเหมือนกัน ถ้านั่งข้างหน้าแล้วมีคนจับได้ว่าเธอซื้อบัตรมาไม่แน่เธออาจจะถูกไล่ออกไปก็ได้นะ!”
เย่หวันเอ๋อพูดไม่ออก สองคนนี้จะคิดเองเออเองเก่งเกินไปแล้ว
“พวกเธออย่าฝันลมๆแล้งๆเลย ฉันไม่เปลี่ยนที่กับพวกเธอหรอก และอีกอย่าง ฉันมีแค่ที่นั่งเดียวแต่พวกเธอมีสองคน”
ฉือเหม่ยพูด “แฟนของเธอที่อยู่หน้าประตูเมื่อกี้ล่ะ พวกเธอมีสองคนไม่ใช่เหรอ พวกเรามาแลกที่นั่งกันเถอะ”
พวกเธอคิดว่าฉินจุนก็เป็นตั๋วพนักงานที่นั่งอยู่แถวแรกเหมือนกัน ดังนั้นพวกเธอต้องการแลกที่นั่งทั้งสองคน แต่ที่พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ ฉินจุนไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้แต่กลับนั่งอยู่บนเวทีแทน
เย่หวันเอ๋อขมวดคิ้ว “ไม่แลก”
ฉือเหม่ยขมวดคิ้วและพูดขู่
“เย่หวันเอ๋อ ตรงนี้ล้วนแต่เป็นเป็นเพื่อนร่วมอาชีพของเรานะ เธออย่าคิดหาเรื่องยุ่งยากให้ตัวเองดีกว่านะ รีบไปอยู่ที่ของตัวเองซะ!”