ซุนถงพูดเฮอะเสียงเย็นคำหนึ่ง “ไม่ผิด เป็นผู้จัดการร้านน่ะเจ๋งมาก แม่คุณเป็นพนักงานเงินเดือนเดือนหนึ่งแค่สองสามพันหยวน ผมเป็นผู้จัดการร้านเดือนหนึ่งได้หมื่นกว่าหยวน สิ้นปียังมีโบนัส แน่นอนว่าผมเจ๋งมาก”
พูดไปแล้ว ซุนถงมองฉินจุนที่แต่งตัวธรรมดามากทีหนึ่ง พูดเฮอะเสียงเย็นคำหนึ่ง
“หวันเอ๋อ ไม่ใช่ว่าผมตำหนิคุณนะ แต่คุณหาคนอะไรแบบนี้น่ะ? ขี่รถพลังงานไฟฟ้า? เดือนหนึ่งเขาหาเงินได้เท่าไหร่? สองพัน หรือว่าสามพัน?”
“เขาต้องขยันกี่ปีถึงจะมีรายได้เท่าผมแบบนี้? คุณดูความเป็นจริงหน่อย ถ้าคุณคิดดีแล้ว อยู่กับผม รถราคาแสนหยวนคุณก็เลือกได้ตามสบายเลย ผมจะให้คุณคันหนึ่ง ต่อไปคุณก็ไม่ต้องขี่รถพลังงานไฟฟ้ามาทำงานแล้ว”
สีหน้าเย่หวันเอ๋อเย็นชาขึ้น “คนแซ่ซุน คุณอย่าคิดเพ้อเจ้อเลย ฉันจะแต่งกับใครก็ไม่มีทางแต่งกับคุณ!”
ซุนถงพูดเฮอะเสียงเย็นคำหนึ่ง “งั้นก็ไม่มีใครสนใจพวกคุณแล้ว ต่อไปเงินเดือนของแม่คุณก็อย่าหวังว่าจะได้เลย!”
หวังเหมยกำหมัดแน่น โกรธจนสั่นไปทั้งตัว
“ไม่ให้ก็ไม่ให้! ไม่เห็นจะสำคัญอะไรฉันไม่ทำแล้ว หวันเอ๋อ เสี่ยวจุน พวกเราไป!”
หวังเหมยยืนขึ้น ดึงเย่หวันเอ๋อและฉินจุนต้องการจะจากไป
ฉินจุนกลับยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ
“ไม่ใช่ความผิดของคุณ ทำไมคุณต้องไป?”
บนใบหน้าของฉินจุนประดับรอยยิ้มเย็นชา เบนหัวมองดูซุนถง พูดว่า
“คนที่ควรไป ควรเป็นเขา”
ซุนถงหัวเราะเย็นชา “ผมควรไป? คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? บอกให้นะ เจ้าของร้านแห่งนี้เป็นลุงเขยของผม คุณคิดว่าคุณพูดแล้วจะเป็นตามนั้น?”
ฉินจุนมองเย่หวันเอ๋อทีหนึ่ง ถามว่า
“นี่คือกิจการของตระกูลเมิ่งกรุ๊ปใช่ไหม?”
ตอนที่เดินเข้าประตูมา มองป้ายที่ประตูทีหนึ่ง ราวกับมีโลโก้ของตระกูลเมิ่งกรุ๊ปอยู่ ฉินจุนคงไม่ได้มองผิด
เย่หวันเอ๋อพยักหน้า “นี่คือร้านอาหารในเครือแฟรนไชส์ เป็นกิจการของตระกูลเมิ่งกรุ๊ปจริงๆ แต่ว่าเจ้าของร้านร่วมทุนด้วยในนั้น”
ฉินจุนพยักหน้า “ดี งั้นผมไปโทรศัพท์หน่อย”
เห็นฉินจุนหยิบโทรศัพท์ออกมาจริงๆ ซุนถงหัวเราะอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง
“ไม่ต้องแสร้งแล้ว เสแสร้งทำตัวไปอย่างนั้น คุณคิดจริงๆหรือว่าคุณโทรศัพท์ไปครั้งเดียวก็สามารถทำให้ผมตกงานได้? ถ้สคุณมีความสามารถนี้จริงๆ คุณเองก็คงไม่ขี่รถพลังงานไฟฟ้าหรอก!”
สำหรับท่าทางของฉินจุน ซุนถงไม่เอามาใส่ใจแม้แต่น้อย ร้านนี้เป็นของลุงเขยของเขา กิจการของครอบครัวตนเอง ยังสามารถถูกคนอื่นสร้างผลกระทบได้หรือ? ตีให้ตายซุนถงก็ไม่เชื่อ
“ศิษย์พี่ ผมคือเมิ่งเหวินกัง!”
“ร้านอาหารเหอซุ่น เป็นกิจการของพวกคุณใช่ไหม?” ฉินจุนพูดตรงประเด็น
“ไม่ผิด ศิษย์พี่เจอปัญหาอะไรเหรอ?”
“อืม เรียกคนดูแลเข้ามาหน่อยเถอะ ที่ลานประชาชนตรงนี้”
“ได้ คุณวางใจ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว!”
วางโทรศัพท์ เวลาไม่ถึงสิบนาที รถออดี้A8คันหนึ่งแล่นฉิวเข้ามา หยุดอยู่หน้าประตูร้านอาหาร
ผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่สวมแว่นตาดำ หวีผมเรียบแปล้ไปทางด้านหลัง เดินอาดๆเข้ามา ก็ไม่รู้ว่าเมิ่งเหวินกังให้คำสั่งอะไรกับเขา หน้าผากถึงเต็มไปด้วยเหงื่อ
“รบกวนถาม คนไหนคือคุณผู้ชายฉิน?”
“ผมเอง”
ชายวัยกลางคนรีบขึ้นหน้ามา ก้มตัวลง เคารพนอบน้อม
“สวัสดีครับคุณผู้ชายฉิน ผมเป็นผู้จัดการของตระกูลเมิ่งกรุ๊ป ผมแซ่คัง คุณเรียกผมว่าเสี่ยวคังก็ได้”
ผู้จัดการคังแนะนำตนเองกับฉินจุนครู่หนึ่ง หลังจากนั้น หันหน้ามา หน้าเปลี่ยนในฉับพลัน มองดูซุนถง พูดอย่างเย็นชา
“คุณนี่เองที่หลับหูหลับตา มีปัญหากับคุณผู้ชายฉิน?”
ซุนถงสีหน้างุนงง
“คุณเป็นใครน่ะ? คุณใหญ่มากเหรอ? กล้าชี้นิ้วสั่งผมในร้านของครอบครัวผม?”
ผู้จัดการคังพูดเฮอะเสียงเย็นคำหนึ่ง “ร้านของครอบครัวคุณ? เฝิงเหล่าซานมีหุ้นแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น กลายเป็นร้านของครอบครัวคุณตอนไหน?”
ร้านอาหารของตระกูลเมิ่งกรุ๊ปครอบคลุมไปทั้งเมือง มีขนาดใหญ่มาก
และเพื่อที่จะควบคุมได้ง่ายๆ ร้านของกิจการอาหารเครื่องดื่มทั้งหมด พวกเขาล้วนควบคุมอำนาจหุ้นเอาไว้
แม้ว่าจะเป็นร้านในเครือ แต่อำนาจหุ้นก็อยู่ในมือของตระกูลเมิ่งกรุ๊ป
ดังนั้น เฝิงเหล่าซานเจ้าของร้านนี้ แม้ว่าจะมีอำนาจในการตัดสิน แต่ในความเป็นจริงแล้วก็มีหุ้นเพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น นับไม่ได้ว่าเป็นเจ้าของร้านจริงๆ
ซุนถงขมวดคิ้ว “ออกอุบายกับผมให้น้อยๆหน่อย คุณคือใคร? แล้วยังมีชี้นิ้วสั่งในร้านของครอบครัวพวกเราอีก พูดจาใหญ่โตไม่กลัวทำให้คนเบื้องสูงไม่พอใจ! ดี ผมจะโทรหาลุงเขยของผมเดี๋ยวนี้ ให้พวกคุณไม่กี่คนแสดงละครกันที่นี่!”
ซุนถงหยิบโทรศัพท์ออกมา กดเบอร์โทรของเฝิงเหล่าซาน
“ฮัลโหล ลุงเขย! ในร้านมีคนมาวุ่นวาย ทั้งยังบอกว่าจะทำให้ผมตกงาน!”
เฝิงเหล่าซานกำลังดื่มเหล้า ได้ฟังคำนี้ พลันหัวเราะเย็นชาขึ้น
“ทำให้คุณตกงาน? คุณทำงานอยู่ในร้านของผม ผมไม่เอ่ยปาก ใครกล้าไล่คุณออก? ได้ ผมจะไปดูเดี๋ยวนี้!”
ผ่านไปไม่กี่นาที เฝิงเหล่าซานผลักประตูเปิดอย่างเมาๆโซซัดโซเซ
“ใครกัน ไอ้ตัวไหนกล้ามาทำเรื่องวุ่นวายในร้านของผม?!”
เฝิงเหล่าซานเดินเข้ามาอย่างโหวกเหวกเสียงดัง ท่าทางหยิ่งยโสมั่นใจในตัวเอง ยังไงก็เป็นถิ่นของเขา
สีหน้าของผู้จัดการคังมืดครึ้มอย่างที่สุด หันหน้ามามอง จับจ้องเฝิงเหล่าซานอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เฝิงเหล่าซาน คุณกล้าไม่เบานะ!”
เห็นผู้จัดการคัง วิญญาณของเฝิงเหล่าซานก็ตกใจบินปลิวหายไปแล้ว
“ผู้จัดการคัง! ผู้จัดการคังคุณมาได้ยังไง?!”
พลันสร่างเมา ท่าทางหยิ่งยโสมั่นใจในตัวเองของเฝิงเหล่าซานเมื่อกี้ก็หายไปไม่เห็นแล้ว เปลี่ยนไปเป็นท่าทางเกรงใจ เคารพนอบน้อม
ผู้จัดการคังเป็นผู้จัดการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มของตระกูลเมิ่งกรุ๊ป ดูแลพวกเขาทางนี้โดยเฉพาะ ประโยคเดียวของเขาก็สามารถตัดสินความเป็นความตายของร้านอาหารนี้ได้
สีหน้าของผู้จัดการคังมืดครึ้มอย่างที่สุด เรื่องที่ประธานเมิ่งสั่งมา แน่นอนว่าเขาคิดจะทำให้สวยงามที่สุด ผลลัพธ์น่ะเหรอ เฝิงเหล่าซานคนนี้จะต้องหลั่งน้ำตา!
“เฝิงเหล่าซาน เงื่อนไขการบริการของอาหารและเครื่องของกรุ๊ปเขียนไว้ยังไง? ปฏิบัติต่อแขกยังไง ปฏิบัติต่อพนักงานยังไง จำเป็นต้องให้ผมสอนคุณไหม?!”
เหงื่อเย็นๆของเฝิงเหล่าซานไหลลงมาทั้งตัว
“ผู้จัดการคังระงับความโกรธไว้ก่อน ผมดื่มเหล้าอยู่ด้านนอก ผมไม่รู้อะไรเลยนะ!”
ผู้จัดการคังพูดเฮอะเสียงเย็นคำหนึ่ง “คุณผู้ชายฉินคนนี้ เป็นแขกวีไอพีของประธานเมิ่ง มาถึงร้านอาหารของพวกคุณ กลับถูกเฉยเมยเช่นนี้? ผู้จัดการร้านของพวกคุณอวดเบ่งมาก อาศัยอำนาจของคุณ วางอำนาจเสียจริงๆ!”
เฝิงเหล่าซานตกใจจนแทบคุกเข่าลงไป “ผู้จัดการคัง นี่ไม่ใช่ความหมายของผมนะ ผมไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ!”
มองดูท่าทางงุงงงของซุนถง เฝิงเหล่าซานก็โกรธอย่างที่สุด ขึ้นหน้าไปจนปากใหญ่ๆอยู่ตรงหน้าของซุนถง
“ใครทำให้คุณกล้าขนาดนี้! รีบขอโทษคุณผู้ชายฉิน!”
สุดท้ายเฝิงเหล่าซานก็ยังคงเป็นคนที่ทำธุรกิจ แม้ว่าจะดื่มเหล้า แต่ปฏิกิริยาก็เร็วมาก
สถานการณ์เบื้องหน้าสายตาชัดเจนมาก แน่นอนว่าจะต้องเป็นซุนถงที่หาเรื่องคุณผู้ชายแซ่ฉิน ทั้งยังไม่ได้หาเรื่องเล็กๆ ไม่เช่นนั้นผู้จัดการคังก็คงไม่ได้มาด้วยตนเอง!
ซุนถงโง่งมไปแล้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า คนแซ่ฉินนั้น มีเส้นสายอย่างนี้จริงๆ!
ซุนถงก้มหน้าลง สีหน้าเองก็น่าเกลียดอย่างที่สุด แต่คำขอโทษยังไงก็ไม่สามารถพูดออกมาได้
ผู้จัดการคังพูดเฮอะเสียงเย็นคำหนึ่ง “เฝิงเหล่าซาน เพราะคุณทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเสื่อมเสีย จากสัญญา หุ้นของคุณถูกบังคับขายคืนด้วยราคาเดิม ตั้งแต่วันนี้ไป ร้านอาหารเหอซุ่นแห่งนี้ ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับคุณอีก”