ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 38 ตึกเหล่าหวัง

เสียงของหวังเจียวเจียวดังมาก สีหน้าท่าทางเองก็เวอร์มาก ราวกับจงใจดึงดูดสายตาของคนอื่น

สีหน้าท่าทางของเสี่ยวหลิวกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่ทั้งสองฝ่ายนี้ล้วนเป็นแขก เขาเองก็รู้สึกไม่ดีที่จะมีปัญหากับใคร ดังนั้นจึงพูดพร้อมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า

“ใช่ครับคุณพี่สาว คุณผู้หญิงคนนี้เองก็มองหาห้องการค้า”

หวังเจียวเจียวจ้องตาเขม็ง

“หมายความว่ายังไง คุณไปเรียกเธอว่าคุณผู้หญิง เรียกฉันว่าคุณพี่สาว? หมายความว่าฉันดูแก่กว่าเธอ?”

เสี่ยวหลิวตกใจ “ไม่ๆๆ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น พวกเราไม่ใช่ว่ารู้จักกันมาก่อนแล้วเหรอ ผมก็เรียกให้สนิทกันหน่อยไง”

“เฮอะ ฉันจะบอกให้นะ มีบางคน อยากได้หน้าจะตายอยู่แล้ว คุณเปลืองเวลาไปครึ่งวัน ไม่แน่ว่าจะกำลังสิ้นเปลืองเวลาอยู่”

ในสายตาของหวังเจียวเจียว เย่หวันเอ๋อนั้นไม่มีทางซื้อห้องการค้าได้

ห้องการค้าแห่งหนึ่ง โดยทั่วไปก็สามล้านห้าล้านแล้ว อาคารดีๆก็ยิ่งราคาสิบยี่สิบล้าน อาศัยคนฐานะจนๆอย่างพวกเขา จะซื้อตึกที่แพงอย่างนี้ได้ยังไง?

แต่เพียงแค่ได้เห็นเธอแล้ว ก็อยากจงใจเปรียบเทียบขึ้นมา

สวีเฟิงเองก็พูดกลั้วหัวเราะอยู่ด้านข้าง “จริงด้วย ในห้องการค้าเองก็ไม่มีราคาพิเศษอะไร ดีเลวยังไงผมเองก็นับว่าเป็นคนในของบริษัท ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ผมเองก็ได้ส่วนลดแค่สิบสองเปอร์เซ็นต์เท่านั้น”

หวังเจียวเจียวควงสวีเฟิง พูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า

“ไม่ผิด และที่สามีของฉันซื้อก็คือ‘ตึกเหล่าหวัง’ ตำแหน่งที่ดีที่สุดในห้องการค้าทั้งหมด ทิวทัศน์เองก็ดี ฉันแนะนำว่าพวกคุณเองก็อย่าเสียเวลาอีกเลย เข้าไปที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นต่ำดูก็พอแล้ว เสียเวลาของทุกคน”

เดิมทีฉินจุนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา แต่พอได้ฟัง‘ตึกเหล่าหวัง’ ก็เกิดความสนใจขึ้นมา

“ตึกเหล่าหวังคือตึกไหน?”

เสี่ยวหลิวรีบแนะนำ ชี้ไปที่บนแบบจำลองอาคาร

“‘ตึกเหล่าหวัง’ที่เป็นห้องการค้าก็คือตึกนี้ พื้นที่หนึ่งพันกว่าๆ ทิวทัศน์เหล่าปรมาจารย์บอกกันว่า ที่นี่เป็นทำเลทอง สถานที่ทำเงิน แต่ตึกนี้ถูกประธานสวีคนนี้จองไว้ล่วงหน้าแล้ว”

ฉินจุนมองทีหนึ่ง อาคารนี้ใช้ได้จริงๆ ตำแหน่งดีมาก แต่น่าเสียดายที่ถูกคนจองไปแล้ว เขาเองก็ไม่อยากเลวมากเกินไปนัก

“คุณเลือกตึกที่คล้ายๆกับตึกนี้ให้ผมสักที่แล้วกัน”

เสี่ยวหลิวชะงัก “ได้ๆๆ ผมจะเลือกให้คุณ!”

พวกหวังเจียวเจียวทั้งสองคนได้ฟังแล้ว พลันขมวดคิ้ว

“ฉันว่า พวกคุณเองก็เสแสร้งเก่งเกินไปแล้วหรือเปล่า เย่หวันเอ๋อ เราเป็นเพื่อนเก่ากัน คุณจำเป็นต้องทำอย่างนี้เหรอ?”

“เสี่ยวหลิวเอ้ย คุณก็อย่ายุ่งยากอีกเลย ไม่ต้องให้พวกเขาดูหรอก พวกเขาก็แค่อยากแข่งกับฉัน”

“อีกเดี๋ยวกลัวว่าคุณแนะนำจนสุดความสามารถจนจบแล้ว พวกเขาก็คงจะไม่ซื้อ เสียเวลาของคุณไปเปล่าๆ”

สวีเฟิงเองก็หัวเราะอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง “แม้ว่าจะไม่ใช่ตึกเหล่าหวัง ห้องการค้าที่คล้ายๆกัน ราคาเองก็หลักล้าน ทางที่ดีที่สุดพวกคุณก็เป็นนกน้อยทำรังแต่พอตัวดีกว่า เพื่อไม่ให้อีกเดี๋ยวหาข้อเสียไม่ได้แล้ว ตนเองจะลำบาก!”

ฉินจุนขมวดคิ้ว เหล่มองพวกเขาอย่างเย็นชาทีหนึ่ง

“พูดไร้สาระเยอะจริง”

เสี่ยวหลิวถูกขนาบอยู่ตรงกลาง อึดอัดเล็กน้อย

แต่ไม่ว่าจะยังไง แม้ว่าพวกฉินจุนจะทำเพียงแค่มองๆดู เสี่ยวหลิวที่เป็นที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เองก็ต้องแนะนำให้ดี

รีบหยิบแบบแปลนแผ่นหนึ่งขึ้นมา เริ่มแนะนำให้กับฉินจุน

“คุณผู้ชายฉิน ห้องการค้าตึกนี้ทั้งหมดบนล่างมีสองชั้น พื้นที่ทำเลทอง สว่างปลอดโปร่ง หน้าประตูคือถนนคนเดิน ด้านข้างมีห้างสรรพสินค้าใหญ่ ที่จอดรถสะดวกการเดินทางเองก็ราบรื่น ไม่ว่าคุณจะเปิดร้านอาหารหรือลงทุน ล้วนเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวมาก”

“ถ้าจ่ายเต็มจำนวน พวกเราสามารถแถมการตกแต่ง…”

เสี่ยวหลิวแนะนำไปพลาง หวังเจียวเจียวหัวเราะไปพลาง

“ยังจ่ายเต็มจำนวนอีก เสี่ยวหลิวคุณก็อย่าหยอกพวกเขาเลย ถึงแม้ว่าห้องนี้จะกู้เงินพวกเขาเองก็ซื้อไม่ไหวหรอก แม้ว่าจะกู้เงิน อย่างน้อยก็ต้องจ่ายไปก่อนสามล้านนะ”

“แล้วก็ กู้เจ็ดล้าน ไม่ใช่ว่าใครก็ได้ที่ธนาคารจะให้กู้นะ นอกจากจะเหมือนกับสามีของฉันที่มีทรัพย์สินมีบริษัทอย่างนี้ถึงจะสามารถกู้ได้ ใช่ไหมที่รัก?”

ใบหน้าของสวีเฟิงมีรอยยิ้มสนุก

“เจียวเจียว พูดอย่างนี้ก็ไม่ได้นะ ไม่แน่ว่าคนเขาอาจจะแต่งเป็นหมูหลอกกินเสือก็ได้นะ? แม้จะแต่งตัวธรรมดา แต่ในตัวมีเงินมาก ควักเงินจ่ายเต็มจำนวนในทีเดียว พวกเราก็ไม่ใช่ว่าถูกตบหน้าเหรอ? ฮ่าๆๆ…”

ในน้ำเสียงของสวีเฟิงที่พูดเรียบๆนั้นเต็มไปด้ยความเสียดสี เห็นชัดเจนว่ากำลังรอดูเรื่องตลกของพวกฉินจุนอยู่

จากการเดาของเขา อีกเดี๋ยวหลังจากเสี่ยวหลิวแนะนำเรียบร้อย พวกฉินจุนจะต้องบอกข้อเสียต่างๆนานาออกมา บอกว่านี่ก็ไม่ดีนั่นก็ไม่ดี หลังจากนั้นก็ไปดูที่อื่นอีก หนีเตลิดไป

เห็นชัดๆว่าซื้อไม่ไหว แต่เพราะอยู่ต่อหน้าเพื่อนเก่า จะต้องไม่ให้เสียหน้า แข็งใจดูหน่อยแล้วค่อยจากไป

แต่ห้องการค้าอาคารเหล่านี้ แทบจะไม่มีอะไรที่ติได้เลย นอกจากราคาแพงแล้ว โดยพื้นฐานก็ไม่มีข้อบกพร่องอะไร สวีเฟิงอยากเห็นนักว่าฉินจุนคนนี้จะสามารถพูดเล่ห์กลอะไรออกมาได้

หลังจากการแนะนำแล้ว ฉินจุนก็พยักหน้าอย่างพอใจ

“เทียบกับตึกเหล่าหวังนั้นเมื่อกี้แล้ว ก็แย่กว่าเล็กน้อย”

สวีเฟิงหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ ยังคิดว่าคุณจะสามารถหาเหตุผลอะไรออกมาได้ สุดท้ายก็เลยเทียบกับตึกเหล่าหวังของผม? ทำไมคุณไม่บอกว่าแย่กว่ากู้กงนิดหน่อยล่ะ? คุณนี่ตลกจริงๆเลยฮ่าๆๆ…”

ฉินจุนเมินแมลงวันสองตัวนี้ ควักบัตรออกมา

“ช่างเถอะ นี่ก็ไม่เลว รูดบัตรเถอะ”

อึก!

ฉินจุนควักบัตรเช่นนี้ พลันเงียบลงในฉับพลัน

คนไม่กี่คนนี้จ้องมองบัตรธนาคารของเขา รู้สึกมีความแปลกประหลาดเล็กน้อย

รูดบัตรแล้ว? จ่ายเงินจริงๆ?

เสี่ยวหลิวเองก็ตะลึงไป คิดไม่ถึงว่าคุณผู้ชายฉินคนนี้จะรวดเร็วเช่นนี้ รีบยื่นสองมือไปรับบัตร

“ครับ ผมจะไปเอาสัญญาให้คุณก่อน”

เห็นเสี่ยวหลิวเริ่มวุ่นวายกับสัญญา สวีเฟิงขมวดคิ้ว

“เสี่ยวหลิว ทางที่ดีคุณก็รูดบัตรก่อนดีกว่า เพื่อที่ว่าไม่ให้เงินในบัตรไม่พอ แล้วคุณทำสัญญาไปเปล่าๆ”

สวีเฟิงไม่เชื่ออยู่บ้าง ยาจกสองคนนี้ สามารถเอาเงินกว่าสิบล้านจ่ายเต็มจำนวนเพื่อซื้อห้องการค้าแห่งหนึ่ง?

ใบหน้าเสี่ยวหลิวกระอักกระอ่วน ปรากฏสีหน้าท่าทางลำบากใจขณะมองดูฉินจุน

แม้ว่าจะมีอาชีพเลี้ยงชีวิต แต่เขาเองก็ไม่อยากยุ่งทำสัญญาไปเปล่าๆจริงๆ ถ้าหากว่าอีกเดี๋ยวรูดบัตรไม่ได้จริงๆ เขาก็เสียเวลาทำไปเปล่าๆแล้ว

ฉินจุนยิ้มเรียบๆ และก็ไม่ได้ลำบากอะไร “งั้นคุณก็รูดบัตรก่อนเถอะ”

“ได้เลยครับ”

เสี่ยวหลิวเอาบัตรธนาคาร รีบไปรูดบัตรที่เครื่องตรงเคาน์เตอร์ตรงนั้น

พวกสวีเฟิงและหวังเจียวเจียวสองคนยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความสนุก

เสแสร้ง ดูสิว่าพวกคุณจะเสแสร้งไปได้ถึงตอนไหน เขาไม่เชื่อ ว่าในบัตรของฉินจุนจะรูดได้สิบล้านจริงๆ!

อย่างรวดเร็ว เสี่ยวหลิวก็เอาบัตรวิ่งโร่เข้ามา

“พี่ มีปัญหานิดหน่อย”

หวังเจียวเจียวได้ฟังแล้วก็ยินดีแล้ว “ฮ่า! ฉันบอกแล้วว่าพวกเขากำลังเสแสร้ง ในบัตรเห็นอยู่ว่าเงินไม่พอ แต่ก็ยังแกล้งจะจ่ายเงินก้อนใหญ่!”

“ฉันว่านะหวันเอ๋อจ๋า พวกเราเป็นเพื่อนเก่ากัน คุณจำเป็นต้องทำอย่างนี้เหรอ? เห็นอยู่ว่ายากจน หรือว่ายอมรับในจุดนี้มันยากมากเหรอ? คุณนี่ก็ฟุ้งเฟ้อเกินไปแล้ว!”

เสี่ยวหลิวเอาบัตรมา กระอักกระอ่วนเล็กน้อย

“ไม่ใช่ เงินในบัตรน่ะพอ แต่… มีปัญหาหนึ่ง”

“พี่ครับ ขอถามหน่อยว่าคุณคือหลงอี้ฮุยไหม?”

ฉินจุนส่ายหน้า “ไม่ใช่”

เสี่ยวหลิวพูดว่า “คืออย่างนี้ เจ้าของบัตรใบนี้คือหลงอี้ฮุย ถ้าจ่ายเงินเยอะขนาดนี้ในครั้งเดียว จำเป็นต้องให้เจ้าของเซ็นชื่อถึงจะทำได้”

หวังเจียวเจียวพลันจ้องเขม็ง ชี้ที่บัตรแล้วพูดว่า

“นี่คือบัตรที่พวกเขาขโมยมา!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset