จอห์นรับกล่องมาและทำหน้างงเล็กน้อย ของที่มีมูลค่ามากมายขนาดนี้ไม่น่าจะถูกบรรจุอยู่ในกล่องธรรมดาๆแบบนี้ กล่องนี้เป็นกล่องโลหะที่มีชั้นกระจกใสเพียงชั้นเดียว
จอห์นสังเกตมันอยู่นาน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนก่อน
“นี่….ฉันจำไม่ได้แล้วว่าจะเปิดมัยได้อย่างไร หรือจะทุบมันเลย ดีไหม?”
หวังหยุนแยกมันกลับคืนมาทันที “ทำแบบนั้นไม่ได้ ทับทิมนะไม่ใช่เพชร มันเปราะบางมาก ถ้าหากไม่ทันนะวังและไปทำมันแต่กเข้าจะทำอย่างไง และอีกอย่างกล่องสวยๆแบบนี้ทุบแตกไปก็เสียดายแย่ ตอนที่นายไปซื้อมาเขาไม่ได้สอนวิธีเปิดอย่างนั้นเหรอ?”
“ฉันจะลองดู”
จอห์นหยิบกล่องกลับมาอีกครั้ง เขาเริ่มใช้แรงในการเปิดมัน ตอนนี้ใบหน้าของเขาแดงก่ำ
ฉินจุนพูดออกมาอย่างเหนื่อยใจ “มันไม่ได้เปิดอย่างนั้น”
เจียงนานาพูดขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “นายรู้ได้ไง?นายไม่ได้เป็นคนซื้อมา แล้วจะมาพูดได้ไง อย่างน้อยจอห์นก็ซื้อของขวัญมาให้ป้าหวัง แล้วนายไม่เห็นจะซื้อของขวัญมาสักชิ้นเลย?”
จู้หลินหลินรีบพูดออกไปทันทีว่า “พวกเขาไม่ได้เจอกันครั้งแรกสักหน่อย ไม่เห็นจำเป็นจะต้องซื้อของขวัญอะไรมาให้เลย….”
หวังหยุนหันมาและพูดว่า “ทำไมมันจะไม่จำเป็น ฉันคิดว่ามันจำเป็นมาก การให้ของขวัญก็เหมือนกับการแสดงน้ำใจอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเอาอะไรมามันก็ยังดีกว่ามามือเปล่าไหม? ของขวัญชิ้นนี้เป็นของที่จอห์นเป็นคนซื้อเอามาให้ ถ้าหากเขาทำมันพังมันก็เป็นเรื่องของเขา”
ฉินจุนพูดออกมาว่า “เขาเป็นคนซื้อมา? คุณมั่นใจเหรอ?”
จอห์นยังคงใช้แรงเพื่อเปิดกล่องๆนั้นแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สุดท้ายเขาก็ต้องล้มเลิก พักผ่อนเล็กน้อย หันมามองที่ฉินจุนและพูดออกมาว่า
“ฉันซื้อแล้วจะทำไม ได้ยินมาว่านายเองก็กำลังจะจีบน้องจู้อยู่เหมือนกันใช่ไหม? ตอนแรกก็คิดว่านายจะเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว แต่ตอนนี้ดูแล้วนายมันก็ไม่เห็นมีอะไรอะ”
ฉินจุนเหลือบมองจอห์นอย่างเฉยเมยด้วยใบหน้าดูถูกเหยียดหยาม
“คู่ต่อสู้? นายเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่เคยคิดจะแข่งกับนายตั้งแต่แรกแล้ว เนื่องจากนายไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ”
ถ้าพูดถึงเรื่องที่ฉินจุนจะไปเป็นคู่แข่งกับใคร ยังไงก็ไม่มีทางที่คนอื่นจะเอาชนะเขาได้
และยิ่งเป็นคนอย่างจอห์น มันไม่เหมาะสมกับเขาจริงๆ
หวังหยุนหยิบกล่องนั้นมาอีกครั้ง ดูไปพร้อมกับพูดออกมาว่า
“แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คู่แข่งของนาย ของที่มีมูลค่ามากมายขนาดนี้ฉันเองก็เพิ่งจะได้รับเป็นครั้งแรก เหลือแต่จะเปิดมันออกมาอย่างไง เราลองไปหาในเน็ตกันดูไหม?”
เจียงนานาเองก็โน้มตัวไปมองเพื่อช่วยเหลือ
“กล่องนี้มันต้องเปิดอย่างไงกันแน่?”
“ไปหาไขควงมา!”
“เอาไขควงมาก็ไม่มีประโยชน์ ด้านบนกล่องมันไม่มี”
“ดูสิตรงนี้มีรอยตะเข็บ แต่มันเล็กมากเลย เอามีดปอกผลไม้เล็กๆมางัดมันก็คงจะออกแล้ว”
“พวกนายระวังหน่อยนะ อย่าทำทับทิมของฉันแตกหละ!”
“……”
เมื่อเห็นคนเหล่านี้ใช้แรงในการเปิดกล่อง ฉินจุนก็ไม่รู้จะพูดอะไร เดินออกไปด้านหน้าและหยิบกล่องนั้นมา
สีหน้าของหวังหยุนเปลี่ยนไปทันที “จะทำอะไร นี่มันไม่ใช่ของของนาย นายจะเอามันไปได้ยังไง! นายอย่าทำของของฉันพังนะ!”
เจียงนานาก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที “นายจะทำอะไรของนาย อย่าไปทำให้ทับทิมข้างในมีรอยเชียวนะ มีรอยแค่นิดเดียวราคาก็ตกไปหลายแล้ว นายมีปัญญาชดใช้ไหม!”
เมื่อทั้งสองคนพูดจบ ฉินจุนก็พลิกกล่องที่อยู่ในมือ กดนิ้วหัวแม่มือลงในกลไกด้านล่าง เพื่อเปิดโดยระบบจดจำรอยนิ้วมือ
แกร๊ก
กล่องถูกเปิดออก
หลังจากที่กล่องถูกเปิดออก ทุกคนก็ตกตะลึง สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
การเปิดกล่องต้องเปิดด้วยลายนิ้วมือ นั่นก็แสดงว่าทับทิมที่อยู่ด้านในเป็นของฉินจุน!
เมื่อกี้จอห์นยังพูดออกมาอย่างไร้ยางอายว่ากล่องใบนี้เป็นของเขา เขาเป็นคนซื้อมันมาจริงๆ แต่ตอนนี้หน้าของเขาก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เมื่อเปิดกล่องออกมาแล้ว ฉินจุนก็หยิบทับทิมที่อยู่ด้านในออกมา และเดินไปหาจู้หลินหลิน และส่วมสร้อยทับทิมให้กับเธออย่างนุ่มนวล
ทับทิมห้อยอยู่ที่หน้าอกของจู้หลินหลิน สีหน้าของจู้หลินหลินเต็มไปด้วยความตกใจ
“พี่เสี่ยวจุน นี่ให้ฉันเหรอ?”
ฉินจุนพยักหน้า “อืม แต่ฉันไม่ได้เป็นคนซื้อมันมาหรอกนะ คนอื่นเป็นคนให้ฉันมา เธอไม่ต้องสนใจหรอก”
จู้หลินหลินยิ้มออกมาด้วยความดีใจ “ขอแค่เป็นของที่พี่เสี่ยวจุนให้ฉัน ฉันก็ชอบทุกอย่าง แต่นอนฉันไม่คิดอะไรอยู่แล้ว”
เมื่อเจียงนานาได้ยินแบบนั้นก็รียถามออกมาทันทีว่า “คนอื่นให้มา? ใครเป็นคนให้?”
ตอนแรกเธอเองก็ตกใจ เธอเคยได้ยินเรื่องของคนแซ่ฉินมาเป็นอย่างดี เขาจะมีปัญญาไปซื้อของที่แพงขนาดนี้ได้อย่างไร?
ฉินจุนพูดออกมาว่า “ฉันรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาล คนไข้เป็นคนให้ฉันมา”
แน่นอนว่านี่เป็นคำอธิบายที่พูดให้จู้หลินหลินฟัง
เจียงนานาก็เข้าใจขึ้นมาทันที เธอเบะปากและพูดออกมาว่า
“คิดไม่ถึงเลยว่าเป็นหมอจะได้ของอะไรแบบนี้ด้วย ตอนแรกก็คิดว่านายจะซื้อมาด้วยตัวของนายเองเสียอีก”
ในสายตาของเจียงนานา จอห์นนั้นดีกว่าฉินจุนเป็นร้อยเท่าพันเท่า ฉินจุนไม่เหมาะสมกับจู้หลินหลินเลยแม้แต่น้อย
ชีวิตของหมอเป็นชีวิตที่มีเงินทองพอใช้พอกิน ไม่ได้มีเงินทองมากมายขนาดนั้น
แต่ทางด้านของบ้านมีธุรกิจอย่างจอห์น ถ้าหากเขามีโอกาสดีๆ ความเป็นไปได้ที่เขาจะประสบความสำเร็จและรวยขึ้นเป็นมหาเศรษฐีมันก็ไม่ยาก
สีหน้าของหวังหยุนเปลี่ยนไป เธอคิดไม่ถึง่วาทับทิมอันนี้จะเป็นของฉินจุน เจ้าหนุ่มคนนี้โชคดีจริงๆ แค่รักษาคนไข้ที่บ้านมีฐานะนิดหน่อยเขาก็ให้ของพวกนี้มา
แต่ว่าชีวิตมันก็จะพึ่งพาแต่โชคอย่างเดียวไม่ได้ เพราะว่ามันไม่มั่นคง มันจึงไม่มีประโยชน์อะไร
“เอาหละหลินหลิน วันนี้ลูกยังมีลูกค้าที่ต้องไปพบอีกไม่ใช่เหรอ รีบไปสิ อย่ามัวมาเสียเวลาอยู่เลย” หวังหยุนพูดออกมาด้วยความโกรธ
เจียงนานาเองก็พูดออกมาว่า “ใช่แล้ว วันนี้ฉันได้ช่วยเธอติดต่อกับลูกค้ารายใหญ่เอาไว้ เขาบอกว่าเขาสามารถตรวจสอบการไหลเวียนของเงินทุนได้ เนื่องจากเขาอยู่ในวงการนี้มานาน”
จู้หลินหลินพยักหน้าและพูดออกมาว่า “ดี งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ ให้คนอื่นรอมันไม่ดี”
ฉินจุนผงะไปครู่หนึ่ง “เธอต้องการเงินทุน?”
จู้หลินหลินพยักหน้า “ล่าสุดตลาดต่างประเทศประสบปัญหา ช่วงนี้เลยจำเป็นต้องใช่เงินทุนหมุนเวียน”
“ศุลกากรยึดสินค้าต่างประเทศชุดหนึ่ง หากสินค้าชุดนี้ขายไม่ได้ เงินทุนของบริษัทเราก็จะไม่เหลือ บริษัทขาดเงินจำนวนมากในคราวเดียว ซึ่งเป็นเรื่องยุ่งยากมาก”
“ขาดเงินเท่าไหร่?”
เมื่อเห็นฉินจุนถามออกมาด้วยความเป็นห่วง เจียงนานาก็กลอกตาและหันมาถามว่า
“นายถามแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร นายจะเอาเงินมาให้? อย่ามาทำตัวโอ้อวดเลยดีกว่า!”
จู้หลินหลินพูดออกมาว่า “พี่เสี่ยวจุน ไปด้วยกันกับฉันเถอะ!”
กว่าฉินจุนจะมาสักครั้งมันไม่ใช่เรื่อง่าย จะให้เขากลับไปเร็วแบบนี้ไม่ได้
“ได้”
พูดจบทั้งสามคนก็เริ่มออกเดินทาง
จอห์นที่ยืนอยู่ในห้องรู้สึกอึดอัดจนจะตายอยู่แล้ว เรื่องของทับทิมเมื่อสักครู่ทำให้สีหน้าของเขาขาวซีด เขาจึงรีบใช้โอกาสนี้ในการบอกลา
ในระหว่างการเดินทาง เจียงนานาพูดออกมาว่า
“หลินหลิน เธอจะพาเขามาด้วยทำไม วันนี้เราต้องไปคุยกับประธานหยวนนะ พาเขาไปด้วยมันจะไม่สะดวก!”