หลังจากนั่งลง เซี่ยหัวเฉียงก็เหลือบมองไปที่ฉินจุน และขมวดคิ้ว
“คนนี้คือบอดี้การ์ด เลขา หรือคนขับรถ? ทำไมถึงมานั่งที่โต๊ะด้วยล่ะ?”
เมื่อเซี่ยหัวเฉียงพูดออกมา ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกเหนือกว่า และดูถูกคนอื่น
หวังหยุนหัวเราะเยาะ และกล่าวว่า “นี่เป็นคนที่มาตามจีบลูกสาวฉันน่ะค่ะ”
หวังหยุนก็ไม่ได้แนะนำฉินจุนดีๆ เช่นกัน เพราะไม่มีอะไรจะแนะนำ เป็นคุณชายที่ตกต่ำ ซึ่งไม่มีอะไรเลยนอกจากบ้าน จะแนะนำอะไรได้อีก?
เซี่ยหัวเฉียงหัวเราะเยาะ “คนที่ตามจีบหลินหลิน? ถามหน่อยคุณเป็นหมาวัดเหรอ? ฮ่าๆๆ… ”
เซี่ยหัวเฉียงหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ “เป็นใครถึงกล้ามาตามจีบสาวสวยอย่างนี้ฮะ ดูท่าทางเหมือนว่าคุณเพิ่งจะจบมหาวิทยาลัยนะ ตอนนี้คุณทำงานอะไรล่ะ? คงไม่ได้เกาะผู้หญิงกินใช่ไหม?”
เมื่อเซี่ยหัวเฉียงอ้าปากพูดก็เอาแต่ถากถางคนอื่น จู้หลินหลินขมวดคิ้วและไม่เริ่มไม่พอใจ
“พี่เสี่ยวจุนเป็นหมอ เป็นหมออัจฉริยะ!”
จู้หลินหลินจงใจเน้นย้ำถึงสถานะของฉินจุน เพื่อยกระดับเขาขึ้น ไม่ให้เซี่ยหัวเฉียงพูดเสียดสีเขาอีก
“หมอ? เหอะๆ”
แต่สถานะแพทย์นี้ก็ไม่ได้ทำให้เซี่ยหัวเฉียงคิดว่าดูสูงส่งขึ้นมาเลย
“ตอนนี้หมอกับพนักงานเสิร์ฟมีอะไรแตกต่างกันล่ะ ก็เป็นงานบริการเหมือนกัน เป็นอาชีพที่พอเลี้ยงดูครอบครัวได้ แต่ไม่ว่าจะพัฒนาแค่ไหนก็เป็นแค่คนธรรมดา”
“คนธรรมดาก็ควรหาคนธรรมดามาเป็นแฟน คุณเคยได้ยินเรื่องฐานะทางสังคมของสองคนต้องเท่าเทียมกันไหม? คุณเป็นแค่หมอคนหนึ่ง แต่มาตามจีบหลินหลิน ดูเหมือนจะไม่เจียมตัวไปหน่อยไหม?”
เซี่ยหัวเฉียงพูดไปไม่เท่าไหร่ อาหารก็มาเสริฟพอดี
หวังหยุนรีบรินไวน์ให้เซี่ยหัวเฉียงอย่างประจบสอพลอ
“คุณชายเซี่ยพูดก็ถูกนะคะ ก็ต้องมีฐานะที่เท่าเทียมกันสิ ตระกูลจู้ของเราก็ดูเหมาะกับตระกูลเซี่ยของคุณอยู่นะคะ”
เพราะต้องการแต่งงานกับจู้หลินหลิน เซี่ยหัวเฉัยงจึงสุภาพมาก
“คุณน้าหวังนั่งลงเถอะครับ เดี๋ยวผมรินไวน์ให้”
ขณะที่พูด เซี่ยหัวเฉียงก็พับแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นนาฬิกาหน้าปัดสีเขียว แวววาวมาก ดึงดูดสายตาของทุกคน
“นาฬิกาของคุณชายเซี่ยสวยมากเลยค่ะ ฉันไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ มันคือนาฬิกาอะไรเหรอคะ?”
เซี่ยหัวเฉียงยิ้ม “นี่น่ะเหรอ โรเล็กซ์ยักษ์เขียวน่ะ รุ่นลิมิเต็ด ราคาไม่เท่าไหร่หรอก แค่ไม่กี่แสน”
โรเล็กซ์ยักษ์เขียว รุ่นที่ธรรมดาที่สุดอยู่ที่ประมาณเจ็ดหรือแปดหมื่น แต่ที่เซี่ยหัวเฉียงใส่อยู่เป็นสายทองคำบริสุทธิ์ รุ่นลิมิเต็ด ราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 500,000 หยวน ถือว่าเป็นเรือนที่หรูหรามาก
“ว้าว!” หวังหยุนจงใจแสดงท่าทางที่เกินจริง “นาฬิกาครึ่งล้าน มันเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยจริงๆ แต่ฉันคิดว่าผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่แล้วก็ควรมีนาฬิกาแพงๆ สักเรือนนะคะ ก็ไม่ใช่วัยยี่สิบกว่าที่ยังใส่นาฬิกายี่ห้อทั่วไปอยู่ใช่ไหมล่ะคะ?”
เมื่อหวังหยุนพูดจบ เธอก็หันไปมองอย่างฉินจุน
เซี่ยหัวเฉียงก็มองตามไปเช่นกัน และเขาก็เห็นนาฬิกาบนข้อมือของฉินจุน
เป็นนาฬิกาโลหะเหมือนกัน จะว่าไปก็ดูเหมือนของเซี่ยหัวเฉียงมาก
“พี่ฉินคนนี้ก็เป็นแฟนตัวยงของโรเล็กซ์ เหรือครับ? เรือนนี้ของคุณเป็นรุ่นอะไรครับ?”
ฉินจุนมองลงมาที่ข้อมือ และส่ายหัว “ไม่รู้สิ”
เมื่อก่อนตอนลงจากภูเขามารักษาผู้ป่วย คนไข้ได้ให้นาฬิกาเรือนนี้กับฉินจุนไว้เพื่อดูเวลา เขาคิดว่ามันสะดวกมาก เขาไม่ได้สนใจว่ามันเป็นรุ่นอะไร
สำหรับฉินจุนแล้ว นาฬิกาใช้เพื่อดูเวลาเท่านั้น ไม่ได้เอามาใส่อวดใคร
ฉินจุนพลิกข้อมือมาให้เซี่ยหัวเฉียงเห็นหน้าปัดของเขาได้ชัดๆ
รูปทรงมันคือโรเล็กซ์จริงๆ แต่หน้าปัดของเขาไม่ใช่สีเขียว แต่เป็นสีน้ำเงิน
เซี่ยหัวเฉียงยิ้ม “ฉันว่านะพี่ฉิน ถ้าคุณซื้อไม่ไหวก็บอกว่าซื้อไม่ไหวสิ คุณซื้อโรเล็กซ์เลียนแบบนี้มาได้ยังไง? ไม่ขายหน้าเหรอ?”
หวังหยุนจึงรีบเสริม “ของเลียนแบบเหรอ? คุณชายเซี่ยมีความรู้จังเลยนะคะ ฉันดูก็คิดว่ามันใกล้เคียงกันเลยนะเนี่ย?”
เซี่ยหัวเฉียงพูด “คุณน้าหวังครับ คุณดูบนข้อมือของผม มันคือรุ่นยักษ์เขียว”
“ที่ชื่อนี้เพราะมันมีหน้าปัดสีเขียว นอกจากยักษ์เขียวแล้ว ซีรีส์นี้ก็มียังมีหน้าปัดสีดำด้วย ”
“นอกจากสองรุ่นนี้ ก็ไม่มีสีอื่นแล้ว แต่บนข้อมือของพี่ฉินเป็นสีน้ำเงิน นี่มันปลอมเกินไป มันไม่ใช่ของเลียนแบบด้วยซ้ำ เป็นของปลอม”
“ผมเห็นของเลียนแบบมาเยอะ จนรู้จักตัวหน้าสีเขียวที่เลียนแบบเหมือนมาก แต่นี่เป็นสีน้ำเงินซึ่งผมก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเลย เดาว่าน่าจะซื้อมาจากแหล่งขายของปลอมหรือแผงขายของในตลาดกลางคืนใช่ไหม? ฮ่าๆๆ… ”
เมื่อพูดถึงนาฬิกาเรือนนี้ เซี่ยหัวเฉียงก็พูดอย่างไม่รู้จบ ราวกับว่าเขาจับผิดฉินจุนได้ เขาต้องการขยี้จุดนี้ทำให้ฉินจุนรู้สึกถึงช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน
ให้มันรู้ไปเลยว่าใครเป็นหมาวัด และใครเป็นเจ้าชาย!
จู้หลินหลินขมวดคิ้วและรู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ
นาฬิกาที่เธอใส่อยู่เป็นของที่ฉินจุนให้ และเคยมีคนตรวจสอบแล้วว่าเป็น Patek Philippe ของแท้ราคากว่าหนึ่งล้านหยวน
และทับทิมนี้ฉินจุนก็เป็นคนซื้อให้ ซึ่งมันแพงมาก
ฉินจุนสามารถซื้อของมีค่าขนาดนี้ได้อย่างง่ายดาย เขาจะใส่ของเลียนแบบ หรือของตลาดนัดได้ยังไง?
“นาฬิกาพี่เสี่ยวจุนเรือนนี้น่าจะเป็นจริงนะ…”
เซี่ยหัวเฉียงหัวเราะทันที “ฮ่าๆๆ…หลินหลิน คุณหมายถึงนาฬิกาสีน้ำเงินนี้เป็นของจริงงั้นเหรอ? ฉันเป็นคนชื่นชอบโรเล็กซ์มาก ฉันจะไม่รู้จักนาฬิกาเหล่านี้เหรอ ฮ่าๆ!”
เซี่ยหัวเฉียงไม่ปล่อยโอกาสที่จะพูดเสียดสีฉินจุนไปแน่ ต่อหน้าจู้หลินหลินการพูดให้ฉินจุนเสียหน้าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการยกระดับตัวเองแล้ว
ฉินจุนเหลือบมองดูนาฬิกาของเขา และเขาก็ไม่ได้สนใจเลย เขาไม่สนว่ามันจะเป็นจริงหรือของปลอม
มีแค่คนอย่างเซี่ยหัวเฉียงเท่านั้นที่จะรู้สึกเหนือกว่าถ้านาฬิกาเป็นของแท้ สำหรับฉินจุนแล้ว แม้จะใส่นาฬิกาหลายสิบล้านมันก็เป็นเพียงเครื่องมือสำดูเวลาเท่านั้น
แต่นาฬิกาเรือนนี้ถ้าพูดตามหลักแล้วมันไม่น่าจะเป็นของปลอม เย่ซวนหยวนไปรักษาผู้ป่วย ผู้ป่วยต่างก็เป็นคนรวย เป็นมหาเศรษฐี หรือผู้มีอิทธิพลทั้งนั้น
ของที่ได้มาจากคนเหล่านั้นจะเป็นของปลอมได้อย่างไร?
เมื่อบรรยากาศเริ่มมาคุ ทันใดนั้นก็มีคนเคาะประตู
“สวัสดีครับ”
“เชิญเข้ามา”
“คุณชายเซี่ยครับ ผมเป็นเจ้าของร้านร้านนี้ครับ ผมแซ่ฟาง ผมได้ยินมาว่าคุณชายเซี่ยให้เกียรติมาที่นี่ ผมเลยมามอบไวน์ให้หนึ่งขวดครับ”
เซี่ยหัวเฉียงยิ้มทันที แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักเถ้าแก่ฟางคนนี้ แต่เถ้าแก่รู้จักเขา
ไวน์หนึ่งขวดไม่ใช่เงินมากมายอะไร แต่ท่าทางอย่างนี้ทำให้เขาดูมีหน้ามีตาขึ้น
“ขอบคุณครับเถ้าแก่ฟาง”
ทันทีที่เซี่ยหัวเฉียงยกมือขึ้น เถ้าแก่ฟางก็เห็นโรเล็กซ์ บนข้อมือของเขา และดวงตาของเขาก็เป็นประกายทันที
“โอ้ ยักษ์เขียว รุ่นลิมิเต็ด คุณชายเซี่ยมีรสนิยมจริงๆ นะครับ”
เซี่ยหัวเฉียงยิ้มบางๆ “เถ้าแก่ฟางก็ชอบนาฬิกาเหรอครับ?”
เถ้าแก่ฟางพูด “แหะๆ ก็พอรู้จักบ้างครับ ปกติผมชอบสะสมนาฬิกาน่ะครับ และช่วยคนอื่นวินิจฉัยของแท้ของปลอมด้วยครับ เป็นแค่งานอดิเรกเท่านั้นครับ”
เมื่อเซี่ยหัวเฉียงได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นทันที
“โอ้ เถ้าแก่ฟางวินิจฉัยนาฬิกาได้ด้วยเหรอครับ? งั้นก็บังเอิญมาก เพื่อนผมมี ‘นาฬิกาที่มีชื่อเสียง’ อยู่เรือนหนึ่ง ผมอยากคุณช่วยดูให้หน่อยครับ”
เซี่ยหัวเฉียงจงใจเน้นคำว่า “นาฬิกาที่มีชื่อเสียง” ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และท่าทางยั่วเย้า