หลังจากพูดจบ โต้วหมิงหยางก็ดีดนิ้วสองครั้งเป็นการเรียกพนักงานเข้ามา จากนั้นเขาก็หยิบทิปออกมาพันหยวนแล้วยื่นให้ไป
“ช่วยจัดชุดชงเครื่องดื่มสำหรับบาร์เทนเดอร์มาให้ฉันหน่อย ฉันจะชงเครื่องดื่มให้สาวสวยที่โต๊ะของเรา ”
พนักงานรับเงินไปและรีบไปจัดเตรียมให้ด้วยสีหน้ายื้มแย้มทันที
ไม่นานรถเข็นคันเล็กก็ถูกเข็นเข้ามา ด้านบนเป็นชุดชงเครื่องดื่ม แล้วโต้วหมิงหยางก็สั่งเหล้ามาเพิ่มอีกสองสามขวด และเริ่มแสดงลีลาการชงเครื่องดื่มทันที
เขานำไวน์เจ็ดชนิดออกมา ซึ่งสองในเจ็ดชนิดมีรสชาติเบามากจนเกือบจะคล้ายกับเครื่องดื่มธรรมดา และอีกสองชนิดก็ฉุนมาก มีปริมาณแอลกอฮอล์สูง ส่วนชนิดอื่นๆก็มีรสชาติที่แปลกๆต่างกันไป คล้ายๆกับรสมินต์
ไวน์แต่ละชนิดปริมาณ 1 ออนซ์ถูกเทลงในแก้วค็อกเทลและเริ่มเขย่าอย่างแรง
การเคลื่อนไหวของโต้วหมิงหยางมีความเป็นมืออาชีพมาก เหมือนว่าเขาได้ผ่านการฝึกฝนและเรียนรู้มาดี เขาทำได้ดีกว่าพวกมือใหม่เหล่านั้นมาก เพราะเวลาที่ใช้ในการเขย่าจะต้องพอดี โดยใช้เวลาสามนาทีห้ามขาดห้ามเกิน
หลังจากทำเสร็จแล้ว ให้ตัดน้ำแข็งก้อน และนำมะนาวมาถูบนปากแก้วเป็นวงกลมจากนั้นใส่ใบมินต์ลงไป
หลังจากนั้นเปิดแก้วผสม เทเครื่องดื่มหลากสีสันลงในแก้วสามเหลี่ยม
เมื่อเหล้าถูกเทลงในแก้ว ก็จะแสดงให้เห็นชั้นของสีเรียงกันสลับกับก้อนน้ำแข็ง
สีแดง ขาว น้ำเงิน และเขียวเรียงกันเป็นชั้นมีสีสันเหมือนสายรุ้ง
โต้วหมิงหยางยกแก้วขึ้นและวางลงตรงหน้าของเฉินหยวน โดยทำท่าเป็นสุภาพบุรุษและกล่าวว่า
“เฉินหยวน สายรุ้งเจ็ดสีแก้วนี้เตรียมให้เพื่อคุณโดยเฉพาะ หวังว่าคุณจะชอบนะ ”
ท่าทางของโต้วหมิงหยางดูเหมือนสุภาพบุรุษและมันดึงดูดใจผู้หญิงมาก ๆ เพื่อนร่วมชั้นหญิงหลายๆคนต่างก็ตื่นเต้นกันมาก
โดยเฉพาะคอกเทลแก้วนั้น มันสวยมากๆ มีสีสันหลากหลายเรียงเป็นชั้นๆเหมือนสายรุ้ง
เฉินหยวนชะงัก เมื่อมองดูไวน์แก้วนี้แล้วมันช่างยั่วยวนใจจริง ๆ และพอดีว่าเธอยังไม่ได้ดื่มเลยสักแก้ว เมื่อคิดได้อย่างนั้น เธอจึงหยิบแก้วมาไว้ที่ริมฝีปาก
เมื่อเหล้าคำแรกไหลลงคอ
ชั้นบนสุดเป็นวิสกี้ธรรมดาที่รสชาติแรงและมีความฉุนมาก เฉินหยวนจึงต้องฝืนดื่มมันลงไป
ชั้นที่สองเป็นเตกีล่า รสไวน์อ่อนมากและกลิ่นหอม แต่เนื่องจากเหล้าชั้นแรกฉุนมาก จึงไม่รู้สึกถึงกลิ่นของเตกีล่าเลย
ชั้นที่สามเป็นไวน์ครีมมิ้นต์
ไวน์มิ้นต์นี้มีรสชาติที่แปลกมาก ไวน์ชนิดนี้ไม่ค่อยมีคนดื่มมากนัก ส่วนใหญ่จะนำมาผสมเพื่อให้ได้สีที่สวยงามมากกว่า
และการที่โต้วหมิงหยางจะทำแก้วนี้ให้เป็นสีรุ้งเจ็ดสีได้ สีหลักคือสีน้ำเงินและเขียว ดังนั้นไวน์มิ้นต์นี้จึงกินพื้นที่ค่อนข้างมาก
ปกติแล้วแก้วเห้าใบเล็กๆแค่นี้ สามารถดื่มให้หมดได้ในรวดเดียว แต่ผลสรุปยิ่งดื่มก็ยิ่งทำให้ต้องขมวดคิ้ว
เมื่อเธอดื่มมาถึงชั้นของไวน์มิ้นต์ เธอก็หยุดและวางแก้วไว้ข้างๆ ในแก้วยังมีไวน์เหลืออยู่ครึ่งแก้ว
ทุกคนก็สงสัยจนถามออกมา
“เฉินหยวน เป็นไง รสชาติดีมากเลยใช่ไหม ? ”
“ใช่ๆ เธอก็ดูเคลิ้มๆอยู่นะ ”
“ฉันก็อยากลองบ้างสักแก้ว ! ”
“……”
เฉินหยวนหัวเราะอย่างอึดอัด “ฮะๆ ก็พอได้นะ “เพราะอยู่ต่อหน้าโต้วหมิงหยาง เธอจึงพูดแบบขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน
เหล่าสาวๆต่างพากันตื่นเต้น “นายน้อยโต้ว ทำให้พวกเราบ้างสักแก้วเป็นไง ? ”
“ใช่ๆ นายจะลำเอียงไม่ได้ะ ฉันก็หยากลองชิมบ้าง ”
“หลักๆก็คืออยากถ่ายรูปโพสลงไทม์ไลน์ เหอะๆ ! ”
“……”
เมื่อถูกสาวๆทั้งหลายอ้อนวอน โต้วหมิงหยางก็ได้ใจขึ้นมา เขายิ้มแล้วตอบ
“เอาหล่ะ งั้นฉันจะทำให้ทุกคนคนละแก้วก็แล้วกัน ”
หลังจากพูดจบ โต้วหมิงหยางก็ทำท่าแบบเดิม ให้ทุกคนคนละแก้ว
หลังจากผู้หญิงทุกคนถ่ายรูปเสร็จ ก็ไม่รอช้ารีบหยิบแก้วขึ้นมาดื่ม
แต่ทว่าทันทีที่ดื่มเข้าไป สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที
แหวะ……
มีผู้หญิงคนหนึ่งอาเจียนออกมา
นี่มันอะไรกัน……
เมื่อครู่ที่เฉินหยวนดื่มเธอจิบไปสองสามจิบแล้ววางลงก็คิดว่าเหลือไว้ดื่มอีก พวกเขาจึงกระดกกันสองสามอึก เพราะคงจะคาดหวังกับคอกเทลแก้วนี้สูงมาก แต่พวกเขาก็ต้องผิดหวังจนต้องพ่นมันออกมา
สีหน้าของโต้วหมิงหยางเข้มครึม และเริ่มเก็บอาการไว้ไม่อยู่
หญิงสาวสองสามคนวางแก้วลงพร้อมกับยิ้ม และพูดว่า
“ไม่เลวๆ รสชาติดี แต่มันแรงไปหน่อยอาจจะไม่เหมาะกับฉันเท่าไหร่ ”
“อืม แอลกอฮอล์แรงเกินไป ! ”
“แต่ว่าคอกเทลแก้วนี้มันสวยมากจริงๆ ! ”
“……”
เติ้งเจียเองก็ทำท่าเหมือนดื่มลงไปและฝืนตอบ
“เหล้านี่ไม่เลวเลยนะ นายน้อยโต้วตั้งใจมากจริงๆ จริงสิพี่ฉิน พี่คอแข็งขนาดนี้น่าจะชงเหล้าเป็นบ้างใช่ไหม ลองชงให้เฉินหยวนสักแก้วสิ ! ”
แน่นอนว่าเติ้งเจียไม่ได้มีเจตนาดี
การชงเหล้านั้นจะต้องผ่านการเรียนรู้ ไม่เหมือนกับการดื่มเหล้าที่จะดื่มยังไงก็ได้
แม้ว่าเหล้าของโต้วหมิงหยางจะรสชาติไม่ดี แต่พวกเหล้าที่มีสีสันสวยงามจะอร่อยสักแค่ไหนกันเชียวหละ ค็อกเทลก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น อยากได้แบบที่ทั้งสวยทั้งอร่อยนี่กำลังมโนอยู่หรือเปล่า ?
โต้วหมิงหยางเองยังทำเป็นสายรุ้งเจ็ดสีได้ อย่างฉินจุนนอกจากจะดื่มเหล้าเป็นแล้วอะไรก็คงทำไม่เป็นหรอก
เฉินหยวนยิ้ม “ฉินจุนชงเหล้าไม่เป็นหรอก ฉันดื่มเบียร์กับพวกเธอดีกว่า ”
ทันใดนั้นฉินจุนก็ตอบว่า “เรื่องชงเหล้า ผมก็เป็นอยู่บ้างนิดหน่อย ”
หลังจากพูดจบ ทุกคนก็แสดงท่าทีสนุกสนาน ฉินจุนกับโต้วหมิงหยางเป็นคู่ปรับกันแล้วหละ ตั้งแต่พวกเขาพวกเขาได้พบกันก็แข่งกันตลอดเลย
แม้ว่าโต้วหมิงหยางจะต้องขายขี้หน้าอยู่ตลอด แต่ว่าต่อหน้าของเฉินหยวน เขายังคงอวดความสามารถพิเศษของตัวเองไม่หยุด
หลังจากฉินจุนพูดจบ ทุกคนต่างก็สงสัยกันมาก เพราะว่าผู้ชายคนนี้มีเรื่องให้เซอร์ไพรส์ตลอด และครั้งนี้หรือว่าเขาจะชงเหล้าเป็นกันนะ ? เก่งรอบด้านเกินไปหรือเปล่า ?
“เฉินหยวนเธอถ่อมตัวอีกหรือเปล่า ดูเหมือนแฟนเธอจะทำเป็นไปซะทุกอย่างเลยนะ ? ”
“ใช่ๆ เธอนี่กั๊กเก่งเหลือเกินนะ เธอจะไม่รู้จักแฟนตัวเองเลยหรือยังไง ? ”
“เฉินหยวน ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าแฟนตัวเองเป็นคนยังไงหรอกใช่ไหม ? ”
“……”
เฉินหยวนสีหน้าเปลี่ยน เธอรีบตอบ “ไม่ใช่อย่างนั้นะ ฉันก็แค่ถ่อมตัวเฉยๆ งั้นคุณชงมาแก้วนึงสิ ”
เฉินหยวนทำสีหน้าแปลกๆและรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีเพราะกลัวว่าจะถูกเปิดโปง
ฉินจุนเลือกไวน์สามชนิดออกมา ได้แก่เตกีล่า เกลนฟิดดิช และสปาร์คกลิ้งไวน์ผลไม้
เขาใส่เตกีล่าสามออนซ์และสปาร์คกลิ้งไวน์ครึ่งออนซ์ลงในแก้วผสม และเริ่มเขย่าอย่างแรง
ความเร็วของมือของฉินจุนนั้นค่อนข้างเร็ว จุดเด่นของบาร์เทนเดอร์อยู่ที่การเขย่าและการผสมไวน์ เพราะไวน์บางชนิดจะไม่ผสมเข้าด้วยกันจากการผสมแบบวิธีปกติ หลังจากผ่านไปสามนาทีจนกระทั่งถึงสิบนาทีก็ยังคงเขย่าอย่างแรง ไวน์บางตัวมีโครงสร้างที่สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นจึงต้องผสมให้เข้ากันเพื่อให้ได้รสชาติที่พิเศษ
มือของฉินจุนเคลื่อนที่เร็วมากจนทุกคนตาลาย หลังจากเขย่าไป 3-5 นาที เขาก็หยิบแก้วออกมาและเติมน้ำแข็งก้อน เปิดแก้วผสมแล้วเทลงไปช้าๆ