คนพวกนั้นรีบหาเหตุผลเพื่อหนีออกไปทันที ไม่อย่างนั้นถ้าหากฉินจุนโมโหพวกเขาขึ้นมาก็จบเห่แน่
พอคนพวกนี้วิ่งหนีไป ฉินจุนก็ไม่ได้รั้งอะไรไว้
แต่สีหน้าของพานถิงถิงตอนนี้ย่ำแย่อย่างสุด ๆ
บททดสอบเล็ก ๆ เหล่านี้ทำไมเธอไม่กล้าสู้หน้าอีกต่อไปแล้ว ภาพลักษณ์ของเกาจื่อเหวินนั้นได้ถูกทำลายอย่างหมดสิ้น
เกาจื่อเหวินในขณะนี้นั้นขายหน้าอย่างไม่รู้จะเอาไปแทรกไว้ที่ไหน เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ ผู้ชายคนไหนก็ต้องออกโรงปกป้อง แต่เขากลับวิ่งไปหลบอยู่หลังผู้หญิง แถมยังดันพานถิงถิงให้ออกไปรับหน้า
เกรงว่าครั้งนี้ถ้าจะให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมคงไม่ง่ายขนาดนั้น
เกาจื่อเหวินกัดฟันกรอด ก่อนจะลากตัวพานถิงถิงไปที่ห้องน้ำ
พานถิงถิงดีดดิ้นสุดชีวิต “ทำอะไรน่ะ นายปล่อยฉันนะ นายไม่รู้จักฉันไม่ใช่หรือไง จะมาลากฉันทำไม!”
ทุกคนต่างรู้ดีว่า เกาจื่อเหวินต้องใช้คำหวานหลอกพานถิงถิงอีกแล้ว
แต่ว่าก็ไม่ได้มีใครเข้าไปยุ่ง เพราะรู้ดีว่าอีกคนรู้ว่าเขาหลอกก็ยังเต็มใจให้เขาหลอกอยู่ดี เกาจื่อเหวินเป็นคนแบบไหนตอนนี้ทุกคนรู้เช่นเห็นชาติหมดแล้ว
มีดีแค่รูปลักษณ์ภายนอกกับมีเงิน วัน ๆ เอาแต่หม้อสาว เจ้าชู้ไปทั่ว ไม่มีความรับผิดชอบ พูดได้เลยว่านอกจากหน้าตาดีกับมีเงินแล้วเขาก็ไม่มีดีอะไรแล้ว
แต่ว่าในสังคมทุกวันนี้ แค่มีเงินกับรวยทำอะไรก็ถือว่าถูกไม่ใช่หรือไง?
จะมีผู้หญิงที่ไหนทนต่อความเย้ายวนแบบนี้ได้?
ถึงแม้ว่าเกาจื่อเหวินจะไม่มีความรับผิดชอบ ขี้ขลาด แถมยังเจ้าชู้ แต่เพียงแค่ใช้เงินแก้ปัญหากับง้อประเดี๋ยวเดียว คาดว่าพานถิงถิงก็คงยอมให้อภัยเขาแล้วล่ะ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เป็นไปอย่างที่คิดไว้ เกาจื่อเหวินเดินโอบพานถิงถิงกลับเข้ามา
ทั้งสองคนพูดคุยหัวเราะกันคิกคัก เห็นได้ชัดว่าคืนดีกันแล้ว
เฉินเค่อเอ๋อร์ขมวดคิ้ว ภาพตรงหน้ามันล้มล้างมุมมองความคิดของเธอไปเลย เธอเอ่ย
“พานถิงถิง เธอกล้ากลับไปคืนดีกับไอ้หมอนี่ที่เมื่อกี้เพิ่งจะยกเธอให้คนอื่นเนี่ยนะ!”
ถ้าเกิดเป็นคนอื่นพูด พานถิงถิงอาจจะยังพอรับฟัง แต่ว่านี่เฉินเค่อเอ๋อร์เป็นคนพูด เธอจึงไม่ยอมฟังอย่างเด็ดขาด
“เธอหมายความว่าอะไร!เธออิจฉาฉันใช่ไหม?อิจฉาที่ฉันมีแฟนรวย?เธอทนเห็นคนอื่นได้ดีไม่ได้ใช่ไหม?”
“แฟนฉันขี้ขลาดแล้วยังไง ฉันชอบที่เขารวย เธออิจฉาไหมล่ะ?”
“แล้วดูแฟนเธอสิ นอกจากขี้โม้ก็ไม่เห็นมีอะไรดีเลย นายบอกว่าจะซื้อปราสาทไม่ใช่เหรอ?นายก็พาพวกฉันเลยดูเลยสิ!”
เฉินเค่อเอ๋อร์หมดคำจะพูด “เธอนี่มันไม่มีเหตุผลเลยจริง ๆ !”
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเธอหวังดีต่อหล่อน แต่หล่อนกลับทำท่าทางเหมือนเฉินเค่อเอ๋อร์เป็นศัตรู
เพื่อนคนอื่น ๆ เองก็แปลกใจ “นั่นสิ เวลาก็ผ่านมาพอประมาณแล้ว พวกเราไปดูปราสาทซีแอทเทิลกันหน่อยไหม?ฮ่าฮ่าฮ่า……”
“เห้อพวกเธอพอได้แล้ว ยอม ๆ หยวน ๆ กันไปเถอะ ปราสาทซีแอทเทิลอะไรกัน อีกสักแป๊บพวกเราก็ไปเดินเล่นที่นั่น ถ่ายรูปฉลองเทศกาลนิดหน่อยก็พอ”
“อืม ก็จริง ยังไงก็เพื่อนกันทั้งนั้น ไม่เห็นต้องยึดติดอะไรเลย ปล่อย ๆ ไปเถอะ”
เมื่อสักครู่ที่ฉินจุนออกโรงจัดการพวกอันธพาลพวกนั้น ทำให้พวกเพื่อน ๆ ต่างรู้สึกซาบซึ้งใจ อีกอย่างก่อนหน้านี้ฉินจุนเองก็ช่วยรักษาอาการป่วยให้ ทำให้ตอนนี้ความสัมพันธ์ค่อนข้างดี
เพราะฉะนั้นทุกคนก็ไม่มีใครต้อนให้จนมุม ต่างก็ไว้หน้าฉินจุน หยวน ๆ ให้
แต่ทว่าจู่ ๆ ฉินจุนกลับลุกขึ้นยืนแล้วก็เอ่ยขึ้น
“ปราสาทซีแอทเทิลใช่ไหม น่าจะได้เวลาแล้วล่ะ ถ้าอย่างนั้นทุกคนไปกันเถอะ”
ทุกคนต่างชะงักพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน
“นายนี่มันยังไงกัน ทุกคนอุตส่าห์หยวน ๆ ให้ไม่คิดใส่ใจอะไร นายกลับไม่ยอมจบ จะต้องให้ทุกคนเห็นนายหน้าแตกใช่ไหม?ฉันจะบอกนายให้ที่ปราสาทซีแอทเทิลมีการจัดการที่เข้มงวดมาก นายอย่าคิดที่จะเข้าไป!”
“นั่นน่ะสิ ถ้าจะแอบเข้าไปนายก็เข้าไปคนเดียวเลยนะ พวกเราไม่เข้าไปให้ขายขี้หน้าหรอกนะ!”
ทุกคนต่างมั่นใจไปแล้วว่าฉินจุนไม่มีทางซื้อปราสาทซีแอทเทิลนั่นได้แน่นอน เพราะฉะนั้นจึงพูดอย่างไม่กลัวอะไร เพราะอุตส่าห์หยวนให้แล้วหมอนี่ยังไม่ยอมจบ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เกรงใจแล้ว
แต่ละคนต่างพูดจาอย่างประชดประชัน มองดูท่าทางไม่สนใจอะไรของฉินจุนอย่างรังเกียจ
เฉินเค่อเอ๋อร์เองก็ออกอาการกังวลใจ จึงเอ่ยเบา ๆ กับฉินจุน
“พี่เขย พอได้แล้วแหละพวกเราไม่ต้องแสดงแล้ว ฉันว่ามันไม่จำเป็นหรอก”
ตอนนี้ถ้าเทียบเรื่องแฟนกันแล้ว พานถิงถิงไม่มีอะไรเหนือกว่าแล้ว และไม่มีอะไรให้อวดแล้ว
แฟนของหล่อนนอกจากหน้าตาดีกับมีเงินแล้ว ก็ไม่มีดีอะไรเลย ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะยังดูดี แต่ก็ไม่มีใครอิจฉาเขาแล้ว
ใครจะไปอิจฉาไอ้กระจอกที่ทั้งไม่มีความรับผิดชอบแล้วยังเจ้าชู้อีก?
ฉินจุนยิ้มบาง ๆ “ฉันไม่ได้แสดง แต่ว่าตอนนี้ทำขั้นตอนทุกอย่างเสร็จสิ้นหมดแล้ว ที่ด้านในก็ตกแต่งเรียบร้อยแล้ว อะไรที่ฉันพูดไปไม่เคยคืนคำ”
ให้แล้วให้เลย การมอบของขวัญของฉินจุนไม่ได้ทำเพื่อเปรียบเทียบกับใคร ก็แค่ให้เฉย ๆ ก็เหมือนเพื่อนกันให้ผลไม้กันง่าย ๆ แบบนั้นเลย
ทุกคนต่างทำท่าทางเอืมระอาสุด ๆ มองดูฉินจุนเหมือนกับมองตัวตลก
จะโม้ก็ไม่จำเป็นต้องโม้ขนาดนี้มั้ง ไม่จบไม่สิ้นสักที ตอนนี้ไม่มีใครสนใจสิ่งที่เขาเคยโม้ไว้แล้ว แต่ตัวเองก็ยังไม่ยอมจบ
นี่มันไม่เท่ากับการยื่นหน้าไปให้คนอื่นตบหรือยังไง?
เฉินเค่อเอ๋อร์ขมวดคิ้วเธอเองก็หมดคำจะพูด ไม่คิดเลยว่าพี่เขยจะหัวแข็งขนาดนี้ อีกเดี๋ยวถ้าขายหน้าขึ้นมาจะทำยังไง?
ก็ในเมื่อคนต้นเรื่องไม่แคร์อะไร คนอื่น ๆ ก็ยิ่งไม่สนใจอะไร ก็คิดซะว่าไปดูอะไรสนุก ๆ
เกาจื่อเหวินกับพานถิงถิงนั้นรีบเดินมาหน้าสุดเลย
“ฉันจะดู ฉันจะดูสิว่านายจะเอาลูกไม้อะไรมาหลอกพวกเรา!”
“เหอะเหอะ ไอ้หมอนี่ก็คงติดสินบนรปภ.หรือไม่ก็พนักงานที่นั่นเอาไว้ เพื่อให้พวกเราเข้าไปได้ แล้วก็บอกว่าเป็นของบ้านมัน พวกเราก็จับผิดมันไม่ได้แล้ว”
เกาจื่อเหวินพูดแบบนี้คนอื่น ๆ ก็เข้าใจทันที
ดูเหมือนว่าลูกไม้แบบนี้ ทุกคนคงรู้จักมันดี ก็คอยดูแค่ว่าฉินจุนจะเล่นละครยังไง
ทุกคนทุ่งหน้ามาที่ปราสาทซีแอทเทิลพร้อมกับแววตาเยาะเย้ยและสีหน้าอยากสนุก
นี่มันศูนย์กลางสวนสนุกที่ใหญ่มาก ๆ ทางเดินเข้าไปในปราสาทมีทางเดียวและมีคนเฝ้าอยู่
ฉินจุนและคนอื่น ๆ เดินเข้าไปถึงหน้าประตู ก็ถูกรปภ.ขวางเอาไว้
“สวัสดีครับ ตรงนี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล คนนอกห้ามเข้าครับ”
พอเห็นฉากนี้เข้า ทุกคนก็ต่างหัวเราะเยาะทันที
“นี่นายฉิน ทำไมนายไม่ติดสินบนรปภ.ไว้หน่อยล่ะ?จะแสดงละครทั้งทีก็ไม่รอบคอบเลย?นายนี่มันมือสมัครเล่นจริงเลยว่าไหม?”
“ไม่อยากเสียเงินแม้แต่จะจ้างรปภ.ฮ่าฮ่าฮ่า จะแสดงทั้งที่ต้องเอาให้รอบคอบสิ พวกเรายังอยากเข้าไปถ่ายรูปนายทำแบบนี้ทำให้พวกเราอายมากนะ?”
“นั่นน่ะสิ เฉินเค่อเอ๋อร์ พวกเธอสองคนไม่ได้กำลังแกล้งพวกเราอยู่ใช่ไหม?”
เหล่าเพื่อน ๆ คนอื่นต่างยืนกอดแขนมองดูอย่างสนุกที่ด้านข้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความสนุก
เฉินเค่อเอ๋อร์ขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วเอ่ยเบา ๆ “พี่เขย เราไปกันดีกว่าไหม”
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าความคิดของฉินจุนคืออะไร แต่ไม่ว่าจะยังไง มันต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ ๆ ตราบใดที่มันเป็นเรื่องโกหก สุดท้ายก็ต้องถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน
แทนที่จะรอให้คนอื่นจับได้แล้วมาไล่ทีหลัง สู้ไปตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า
ฉินจุนขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “วางใจเถอะเดี๋ยวฉันเรียกให้คนออกมารับ”
พูดจบฉินจุนก็เลื่อนเบอร์โทรศัพท์กดโทรออก
“ผมมาถึงแล้ว ส่งคนมารับผมที”