หลินเยวี่ยเหยาชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วแสร้งทำทีเป็นเข้าใจ และกะพริบตากับฉินฮ่าว
“ฉันรู้แล้ว ใช่ เขาไม่ใช่ปรมาจารย์ฉิน ปรมาจารย์ฉินที่พวกคุณกำลังตามหา…… อยู่ที่หนานเฉิง ! ”
ทักษะการแสดงของหลินเยวี่ยเหยานั้นยอดเยี่ยมจริงๆ เธอพูดซะโอเวอร์ขนาดนั้น ใครก็ดูออกว่าเธอกำลังแสดงอยู่
เสอเกอเริ่มสงสัยขึ้นมาทันที หรือว่าสองคนนี้สมรู้ร่วมคิดกัน ? แล้วฉินฮ่าวคนนี้ ก็คือปรมาจารย์ฉินตัวจริง ? แต่จงใจแกล้งทำเป็นว่าตัวปลอม ?
เสอเกอก้มหัวลงและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ปรมาจารย์ฉินก็เป็นเพียงหมอคนหนึ่ง ที่ตอนนี้เขามีชื่อเสียง เป็นเรื่องปกติที่จะไปหาผู้หญิงเสพความสุข
เมื่อเขาถูกเสอเกอจับ ก็เริ่มเล่นหูเล่นตา ถ่วงเวลา และแสดงคร
เสอเกอหยิบกริชขึ้นมา และทันใดนั้นก็แทงฉินฮ่าวอย่างแรง
ใบหน้าของหลินเยวี่ยเหยาเปลี่ยนไปอย่างมาก เธอรีบไปประคองตัวฉินฮ่าวไว้และผลักเขาออกไป
“ปรมาจารย์ฉิน ระวัง ! ”
มีดของเสอเกอยังไม่แทงลงไป แต่หยุดกลางอากาศ แต่การแสดงของหลินเยวี่ยเหยาได้หักหลังตัวเธอเองแล้ว เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังปกป้องฉินฮ่าวและฉินฮ่าวคนนี้ก็คือปรมาจารย์ฉิน !
ฉินฮ่าวตกตะลึง และตอนนี้เขาดึงสติกลับมาอีกครั้ง เขารู้ว่าเสอเกอกำลังลองเชิงอยู่ เขาจึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
“หลินเยวี่ยเหยา ! ฉันขอย้ำว่าฉันไม่ใช่ปรมาจารย์ฉิน ! เธอบ้าหรือเปล่าเนี่ย ! ”
หลินเยวี่ยเหยาหันมาชำเลืองมองฉินจุนอย่างเย็นชา
แน่นอนว่าเธอรู้ว่าฉินฮ่าวไม่ใช่ปรมาจารย์ฉิน และเธอรู้ตั้งแต่เธอมาถึงที่นี่แล้ว
ขาขวาของฉินฮ่าวมีมีดปักอยู่และเลือดก็ไหลไม่หยุด ต่อให้เป็นหมอที่มีความรู้น้อยที่สุดก็ยังรู้วิธีหยุดเลือดเลย
ถ้าเป็นปรมาจารย์ฉิน เขาคงจะแตะจุดฝังเข็มเพื่อหยุดเลือดได้ไปแล้ว
แต่ฉินฮ่าวผู้นี้ทำอะไรไม่เป็นเลย เขานั่งปล่อยให้เลือดไหลอยู่อย่างนั้น พฤติกรรมเช่นนี้บวกกับสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้า พอย้อนกลับไปคิดแล้วไม่มีสิ่งไหนเป็นประโยชน์เลย เขาพูดแต่เรื่องไร้สาระทั้งนั้น
ดังนั้นคนคนนี้เป็นตัวปลอมแน่นอน หลินเยวี่ยเหยาคิดไปคิดมา ชอบสวมรอยเป็นคนอื่นนักใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็ให้คุณเป็นแพะรับบาปแทนปรมาจารย์ฉินก็แล้วกัน
หลินเยวี่ยเหยาถอนหายใจ “ปรมาจารย์ฉิน อย่าเล่นแบบนี้สิคะ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าต้องตายฉันก็พร้อมจะตายไปกับคุณ ! ”
ฉินฮ่าวร้อนรน เขามองไปยังเสอเกอและพูดอย่างลนลาน
“เสอเกอ อย่าไปฟังเธอ ผู้หญิงคนนี้เป็นบ้า ผมไม่ใช่ปรมาจารย์ฉิน ผมเป็นแค่สัตวแพทย์คนหนึ่ง ถ้าไม่เชื่อก็ตรวจสอบได้ ผมมีใบรับรองสัตวแพทย์ ! ”
เสอเกอมีสีหน้าที่เย็นชา เขากล่าวอย่างเย็นชาพร้อมกับกำหมัดแน่น
“สัตวแพทย์เหรอ ? พวกแกรวมหัวกันหลอกฉันใช่ไหม ต่อให้ฆ่าผิดคนฉันก็จะไม่ปล่อยไปแน่ จะว่าไปคนอย่างแกตายไปก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ไปเป็นผีเฝ้าพี่เขยฉันเถอะ ! ”
หลังจากพูดจบ เสอเกอก็ถือมีดมุ่งตรงไปแทงที่หัวใจของฉินฮ่าว และชีวิตของฉินฮ่าวก็จบลงตรงนั้น
หลังจากที่ฉินห่าวเสียชีวิต เสอเกอก็ยืนขึ้นและชี้มีดในมือไปที่หลินเยวี่ยเหยา กล่าวว่า
“ให้ความร่วมมือดีจะกว่าและเอาโทรศัพท์ของเธอมาด้วย ”
ฉินฮ่าวผู้นี้น่าจะเป็นตัวปลอม หลินเยวี่ยเหยาขณะนี้มีท่าทีที่มั่นใจไม่เกรงกลัว ราวกับว่าเธอรู้ว่าใครสักคนจะมาช่วยอย่างนั้นแหละ
หลังจากที่ส่งโทรศัพท์ให้ หลินเยวี่ยเหยาก็กดปุ่มบนนาฬิกาสองสามครั้ง มันก็คือนาฬิกาที่ฉินจุนมอบให้เธอไว้เมื่อเธอตกอยู่ในอันตราย นาฬิกาจะถูกใช้เพื่อแสดงหาที่ตั้งปัจจุบันของเธอ
คราวนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
แต่ทว่าขณะที่หลินเยวี่ยเหยากดนาฬิกา ก็ถูกเสอเกอรู้เข้า
สรุปแล้วเขาเป็นใครกันแน่ เสอเกอค่อนข้างแตกต่างจากอันธพาลทั่วๆไป
“อะไรน่ะ เอามาให้ฉันดู ! ”
เสอเกอคว้านาฬิกาในข้อมือของหลินเยวี่ยเหยามาดู เขาตรวจสอบมันอย่างระมัดระวัง และทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ไม่สิ น่าจะจีพีเอสติดอยู่ในนาฬิกาเรือนนี้ รีบไปดีกว่า ”
หลังจากพูดจบเสอเกอก็โยนนาฬิกาของหลินเยวี่ยเหยาทิ้งไว้บนศพของฉินฮ่าว และลูกน้องหลายคนก็วิ่งออกไปจับหลินเยวี่ยเหยาที่กำลังคิดหนี
……
หลังจากที่ฉินจุนได้รับสัญญาณ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที หลินเยวี่ยเหยา!
ก่อนที่ฉินฮ่าวจะถูกพาตัวไป มันเป็นแผนของฉินจุน คนพรรนั้นที่อยากจะสวมรอยเป็นเขาเพื่อหลอกลวงสาวๆ ตายไปยังมีประโยชน์เสียมากกว่า
แต่ฉินจุนคิดไม่ถึงว่าหลินเยวี่ยเหยาเองจะถูกหลอกเช่นกัน !
ผู้หญิงคนนี้ไร้เดียงสาเกินไป !
ฉินจุนรีบโทรหาต้วนเป่าตงและเพ่ยเหลียงทันที และบอกให้พวกเขาล่วงหน้าไปที่สถานีหนานจ้านก่อน
ฉินจุนเร็วมากๆ เขาวิ่งอย่างบ้าคลั่ง และมันเร็วกว่ารถยนต์เสียอีก
เขาใช้เวลาแค่ 10 นาทีในการไปถึงสถานีหนานจ้าน ภายใต้ตำแหน่งที่กำหนดไว้ เขาพบร่างของฉินฮ่าวแต่ไม่พบหลินเยวี่ยเหยา
ฉินจุนลุกขึ้นยืนอย่างเคร่งขรึม และเขาก็โทรเรียกหวังจินไห่ทันที
“ศิษย์พี่ อยากได้อะไร ? ”
ฉินจุนกล่าวว่า “หาตำแหน่งไอ้คนที่ชื่อว่าเสอเกอเดี๋ยวนี้ ฉันให้เวลาห้านาที ”
“รับทราบ ! ”
ฉินจุนไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม เขาเชื่อว่าด้วยอำนาจและสถานะของหวังจินไห่คงจะสามารถค้นหาตำแหน่งของเสอเกอได้ไม่ยาก
ในเมืองหลวงของมณฑล เสอเกอเองก็ยังมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ปกติแล้วผู้ทรงอิทธิพลมักจะได้รับการติดตามจากกองทัพอยู่แล้ว
รอไม่นานจริงๆ สามนาทีต่อมา หวังจินไห่โทรกลับมา
“ศิษย์พี่ เสอเกอมันอยู่ที่รถไฟที่ถูกทิ้งร้าง รถไฟขบวนนี้ถูกพวกมันเหมาไว้ เป็นเส้นทางร้างและผ่านสถานีเป่ยจ้านออกไปทางนอกเมือง ”
ฉินจุนขมวดคิ้ว ทางเหนือของเมืองก็เป็นเขตแดนของอีกจังหวัดหนึ่ง เมื่อเขาเข้าไปในเขตแดนของจังหวัดอื่น ฉินจุนจะลำบากมาก
“สถานการณ์ที่สถานีเป่ยจ้านเป็นอย่างไรบ้าง ? ”
หวังจินไห่ตอบว่า “รายงานครับศิษย์พี่ สถานีประจำจังหวัดหนานจ้านเป็นสถานีรถไฟเก่า ตอนนี้สถานีซีจ้านเป็นสถานีรถไฟความเร็วสูง สถานีเป่ยจ้านนี้ถูกยกเลิกไป และมีเหลือแค่รถไฟโดยสารเก่าเพียงแค่สองคัน ไม่มีคนขึ้นเท่าไหร่ ”
“งั้นก็ดี ไปที่สถานีเป่ยจ้าน ”
หลังจากพูดจบฉินจุนก็วางสายและขึ้นรถพร้อมจะไปที่สถานีเป่ยจ้านเพื่อสกัดกั้นรถไฟ
ในเมื่อกล้าที่จะหนี ฉินจุนก็จะให้เขาได้รู้ถึงผลที่จะตามมาจากการทำเช่นนั้น
เมื่อฉินจุนขึ้นรถ ทุกคนก็เดินไปที่สถานีหนานจ้าน
ซุนเจี้ยนหมิน, เมิ่งเหวินกัง, ต้วนเป่าตง, เพ่ยเหลียง, เหลยหง และหวังจินไห่
คนเหล่านี้ใกล้ชิดกับฉินจุนมากและผู้ทรงอิทธิพลทั้งหมดต่างก็พากันรีบไปที่สถานีหนานจ้านเมืองหลวงของจังหวัด
ถนนสองสายในเมืองหลวงถูกปิด และบังคับใช้เคอร์ฟิว ราวกับว่ามีเหตุการณ์สำคัญบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น
ภายในรถ ผู้ช่วยของเมิ่งเหวินกังกล่าว
“ท่านประธานเมิ่ง นี่คือศิษย์พี่ที่คุณพูดถึงเหรอคะ ? ฉันไม่คิดว่ามีอะไรพิเศษเลย ? ”
ในมุมมองของเมิ่งเหวินกังและซุนเจี้ยนหมิน ฉินจุนนั้นเป็นศิษย์ที่ติดตามอาจารย์มาเป็นเวลาสิบปี และเขาได้รับการถ่ายทอดวิชาที่แท้จริงมาจากอาจารย์อย่างแน่นอน
แต่ในสายตาของคนอื่นๆ เขาเป็นแค่ชายหนุ่มธรรมดา
ในวันนี้ เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องใหญ่เช่นนี้ แม้ว่าฉินจุนจะไม่แสดงออกทางสีหน้าและท่าทาง พูดได้ว่าเขามีคุณสมบัติทางการควบคุมจิตใจได้ดีและไม่มีการแสดงอาการใดๆออกมา
แต่ความสามารถในการสั่งการคนจำนวนมากและสั่งให้ผู้ทรงอิทธิพลหลายคนตามเขามาที่นี่ แต่ก็ยังคงอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างซุนเจี้ยนหมินและหวังจินไห่ เธอไม่เห็นว่าฉินจุนเองมีทักษะพิเศษอะไร
พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมฉินจุนจึงเป็นที่เคารพนับถือของผู้ยิ่งใหญ่มากมาย
ก็แค่หมอคนหนึ่ง คนพวกนี้ไม่ใชว่าโดนหลอกกันใช่ไหม ?