ไป่หยาถอนหายใจเอ่ย
“ฉันเป็นพนักงานดูแลโกดังใช่ไหมล่ะ ต้องคอยดูแลโกดัง แต่วันนี้ฉันบังเอิญไปเห็นว่าผู้จัดการกำลังขโมยของ……”
“บริษัทของเราผลิตเครื่องสำอาง ผู้จัดการแอบขโมยเครื่องสำอางไปไม่น้อยเลย หลังจากนั้นเธอไม่มีใบเสร็จ พอฉันจับได้ เธอก็บอกฉันว่าอย่าเอาไปบอกใคร”
“เครื่องสำอางเหล่านั้นที่เธอขโมยไปอย่างน้อย ๆ ก็มีมูลค่ากว่าห้าหมื่นเชียวนะ เธอบอกว่าจะแบ่งให้ฉันครึ่งหนึ่ง แต่ฉันไม่เห็นด้วย จากนั้นเธอก็ยอมวางเครื่องสำอางแล้วเดินไป”
ทุกคนต่างพยักหน้า สีหน้าแสดงความชื่นชม
“เสี่ยวหยาทำถูกต้อง ในเมื่อเราเป็นคนดูแลโกดัง ก็ควรจะตรวจสอบคนพวกนี้ ห้ามไม่ให้ใครมาขโมยของของบริษัทไปได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะคนในบริษัทแบบนี้ยิ่งไม่ควรเข้าไปกันใหญ่”
ไป่หยาถอนหายใจอีกครั้งแล้วเอ่ย “เห้อ แต่ว่าเมื่อตอนบ่าย จู่ ๆ ท่านผู้บริหารของบริษัทมาตรวจดูโกดัง พบว่าในโกดังมีสินค้าหายไปจำนวนมาก ซึ่งไม่ตรงกับลิสต์รายการสินค้าเลย พอไปเช็กกล้องวงจรปิดก็ไม่พบอะไร มีเพื่อนร่วมงานหลายคนรายงานฉัน บอกว่าฉันเป็นคนขโมย ฉันก็เลยโดนไล่ออก……”
ผู้ใหญ่บ้านและคนอื่น ๆ ได้ยินแบบนั้นสีหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยความโมโหทันที
“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้ ก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าพวกเธอต่างหากที่เป็นคนขโมย ทำไมถึงใส่ร้ายเราแบบนี้?”
ไป่หยาถอนหายใจ “หนูเองก็หมดหนทาง พวกเขามีทั้งอำนาจและอิทธิพล พอหนูไปหาเรื่องพวกเขา พวกเขาก็เลยใส่ความหนู”
ทุกคนต่างพากันทอดถอนใจ เดี๋ยวนี้ความที่ไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพลนี่อยู่ยากจริง ๆ ขนาดว่าตั้งใจทำงานของตัวเองดี ๆ ในบริษัทยังถูกคนอื่นใส่ร้ายอีก เมืองใหญ่นี่อยู่ยากจริง ๆ
ฉินจุนรู้สึกว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม
แต่ว่าการทำงานก็เป็นแบบนี้แหละ หลาย ๆ ครั้งที่เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเราไม่ได้ทำผิด แต่เป็นเพราะทำให้หัวหน้าไม่พอใจ ต่อให้เราทำดีมากแค่ไหนก็คงจะมีจุดจบที่ไม่ดีนัก
“เธอทำงานที่บริษัทไหน?”
ฉินจุนเอ่ยถามไปเฉย ๆ เผื่อไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีคนรู้จัก อาจจะช่วยพูดให้ได้
สาวน้อยเอ่ย “เครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินค่ะ”
ฉินจุนชะงัก “เครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวิน?เครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินของหลิ่วชิงชิงน่ะเหรอ?”
ไป่หยาพยักหน้า “ใช่ค่ะ พี่เขยก็รู้จักเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินเหรอ?อ่อใช่จริง เจ้านายของพวกเราตอนนี้เป็นถึงเศรษฐีระดับประเทศแล้ว ชื่อเสียงโด่งดังใคร ๆ ก็รู้จัก”
ตั้งแต่หลิ่วชิงชิงหายดี รวมถึงได้รับสูตรยารักษารอยแผลที่ฉินจุนให้เธอแล้ว เธอก็กลายเป็นมหาเศรษฐีระดับประเทศทันที เป็นอันดับหนึ่งของประเทศเลยทีเดียว และตอนนี้ก็กำลังเข้าใกล้เป็นอันดับหนึ่งของโลกแล้ว ตอนนี้เธอก้าวเข้าสู่มหาเศรษฐี 5 อันดับของโลกแล้ว ฐานะของเธอสูงส่งมาก ๆ
และเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินก็ยกระดับขึ้นสูงไปด้วย บริษัทมีการขยายตัว มีหลาย ๆ บริษัทที่กำลังจ้างงาน เพราะฉะนั้นสาวน้อยอย่างไป่หยาถึงได้มีโอกาสเป็นผู้ดูแลโกดัง
ฉินจุนเอ่ย “ฉันรู้จักเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินจริง เอาอย่างนี้เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะช่วยพูดให้”
ทันใดนั้นสีหน้าของไป่หยาก็ดีใจขึ้นมาทันที “จริงเหรอคะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะพี่เขย!”
ชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็เผยสีหน้าดีใจ “เสี่ยวจุนนี่เก่งจริง ๆ เลยนะ รู้จักคนไปทั่วเลย ขนาดเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินยังรู้จักเลย เราต้องมองเขาใหม่จริง ๆ ”
“หึหึ ก็ฉันบอกแล้วไงว่าบ้านของตาหวังน่ะได้ลูกเขยดี ใคร ๆ ก็อิจฉา”
พ่อของหวังตงเสวี่ยก็ยิ้มจนปากจะฉีกถึงใบหู วันนี้ฉินจุนทำให้เขาได้หน้ามาก ๆ
เพียงแต่ว่าหวังตงเสวี่ยรู้เป็นกังวลใจ เธอจริงแอบเอ่ยกับเขา “พี่ฉิน เรื่องนี้มันจะลำบากคนอื่นมากไปหรือเปล่า ถ้าไปรบกวนเขามากไปก็ไม่ต้องก็ได้นะ……”
ฉินจุนยิ้ม “ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อย”
เช้าวันต่อมา ฉินจุนพาไป่หยามาถึงหน้าประตูของบริษัทเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวิน
ตอนนี้หลิ่วชิงชิงกลายเป็นมหาเศรษฐีของประเทศไปแล้ว เครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินก็กลายเป็นธุรกิจแนวหน้าของมณฑลฮั่นตง จะว่าเป็นระดับประเทศก็ได้ ได้มาทำงานที่บริษัทนี้ถือว่าเก่งมาก ๆ แล้ว
แม้แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยของที่นี่ยังมีฐานะสูงเลย เงินเดือนของพวกเขาสูงกว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยทั่ว ๆ ไป
พอฉินจุนกับไป่หยาเดินลงมาจากรถแท็กซี่ พอทั้งสองคนเดินมาที่หน้าประตู ก็มีรปภ.รีบออกมาขวางทั้งสองคน
“มาทำอะไร ที่นี่คือเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวิน ถ้าไม่ได้ทำการนัดห้ามเข้า”
การได้เป็นรปภ.ของที่นี่ ก็ทำให้พวกรู้สึกเหนือกว่าคนอื่นมาก
เวลาเห็นพวกคนใหญ่คนโตเดินเข้า ๆ ออก ๆ พวกเขาก็รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นคนระดับสูงเช่นเดียวกัน
พอเห็นว่าฉินจุนกับไป่หยานั่งรถแท็กซี่มา จึงปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเย็นชา
ไป่หยาหยิบบัตรพนักงานออกมาโชว์แล้วเอ่ย “เมื่อวานฉันเพิ่งทำเรื่องลาออกไป วันนี้ฉันมีเรื่องต้องเข้ามาคุยหน่อย”
รปภ.ไม่แม้แต่จะมองบัตรพนักงานของไป่หยาเลยด้วยซ้ำ “ลาออก?โดนไล่ออกมากว่ามั้ง?”
ได้ทำงานที่เครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวิน ใครจะอยากลาออก?
มีคนมากมายที่ต่างแย่งชิงที่จะเข้ามาทำงานในนี้ คนภายในบริษัทไม่มีใครที่จะอยากออก ถ้าจะมีการลาออกก็คงจะเป็นการโดนไล่ออกมากกว่า
ไป่หยาก้มหน้าก้มตาอย่างอับอาย
“ฉันโดนไล่ออกจริง ๆ แต่ว่าวันนี้ฉันมีเรื่องจะมาคุยกับผู้จัดการ!”
รปภ.ส่งเสียงหัวเราะเยาะ “โดนไล่ออกแล้วยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอ?รีบกลับไปซะ ไม่ได้นัดก็ไม่ต้อนรับ”
ฉินจุนขมวดคิ้ว ไอ้รปภ.พูดจาไม่เข้าหูเอาเสียเลย แถมมารยาทยังแย่มาก ๆ ทำเขารู้สึกไม่ค่อยพอใจ
“ไม่มีนัดไม่ต้อนรับงั้นเหรอ?แล้วพวกลูกค้าที่มาหาพวกนายเป็นครั้งแรกล่ะ?นายไปเรียกผู้จัดการลงมาดีกว่า”
พอได้ยินฉินจุนพูดแบบนั้นรปภ.ก็หัวเราะออกมา “เรียกผู้จัดการลงมา?นายอายุเท่าไหร่กันเชียว ไปเล่นตรงนู้นไป อย่ามาทำลายภาพลักษณ์บริษัทของเรา”
รปภ.แสดงสีหน้าอย่างรำคาญ เขาจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่แล้วยืนตัวตรง เอ่ยทักทายหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังเดินมา
“ผู้จัดการซุน!”
รปภ.แสดงความเคารพอย่างนอบน้อมเพื่อต้อนรับหญิงวัยกลางคนที่กำลังเดินเข้ามา
ผู้จัดการซุนพยักหน้าเบา ๆ พอเห็นไป่หยาก็เผยรอยยิ้มเย็นชาออกมาทันที
“ไป่หยา?เธอมาที่นี่อีกทำไมล่ะ?บริษัทก็ไล่เธอออกไปแล้ว อย่ามาดื้อด้านอยู่ตรงนี้เลย เธอออกไปแล้ว ตอนนี้อยากจะเข้าไปก็เข้าไปไม่ได้หรอกนะ”
ไป่หยาร้อนใจขึ้นมาทันที เธอรีบเอ่ย
“ผู้จัดการซุน คุณก็รู้ว่าฉันไม่เคยขโมยของ ทำไมต้องใส่ร้ายฉันด้วย?”
ผู้จัดการซุนยิ้มเย็นชา “ถ้าไม่เคยขโมยของทำไมของถึงหายไปล่ะ?หึหึ”
“ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นเพราะคุณ……” ไป่หยากำลังจะเอ่ยออกไปว่า ของที่หายไปเหล่านั้น ก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นเพราะผู้จัดการซุนเป็นคนขโมย เธอแอบขโมยของจากโกดังไปทุกเดือน สินค้าที่หายไปในแต่ละเดือนตกเดือนละสามถึงห้าหมื่น
ผู้จัดการซุนเบิกตากว้างรีบตะโกนออกมา
“หุบปาก!หล่อนพูดไร้สาระอะไรออกมา!”
ผู้จัดการซุนรีบเอ่ยขัดเพื่อไม่ให้ยัยเด็กนี่พูดอะไรมั่ว ๆ ออกมา ถ้าหากว่ารปภ.ได้ยินเข้าเธอต้องหาวิธีจัดการอีก
ผู้จัดการซุนตะโกนออกมาก่อนจะเดินก้าวเข้าไปจะฟาดฝ่ามือใส่
เพียะ!
แต่ทว่าฝ่ามือนั้นไม่ได้ฟาดลงบนใบหน้าของไป่หยา แต่ถูกมือของฉินจุนจับเอาไว้
“เป็นผู้จัดการแล้วจะตบใครก็ได้งั้นเหรอ?ท่านประธานของพวกเธออบรมกันมายังไง?”
ผู้จัดการซุนถูกฉินจุนจับฝ่ามือเอาไว้จนขยับเขยื้อนไม่ได้ เธอพยายามออกแรงแต่ก็ไม่สามารถหลุดออกได้ เธอก็โมโหขึ้นมาทันที
“แกปล่อยฉันนะ แกเป็นไอ้กระจอกมาจากไหนหะ ไอ้หน้าโง่ ปล่อยฉัน!”
ฉินจุนขมวดคิ้วก่อนจะฟาดฝ่ามือออกไปทันที
เกิดเสียงเพียะดังลั่น ใบหน้าของผู้จัดการซุนเกิดเป็นรอยนิ้วมือแดงขึ้นมาทันที
ฉินจุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็น
“ปากปีจอ ขาดการอบรมสั่งสอนจริง ๆ ”
ไป่หยาถอนหายใจเอ่ย
“ฉันเป็นพนักงานดูแลโกดังใช่ไหมล่ะ ต้องคอยดูแลโกดัง แต่วันนี้ฉันบังเอิญไปเห็นว่าผู้จัดการกำลังขโมยของ……”
“บริษัทของเราผลิตเครื่องสำอาง ผู้จัดการแอบขโมยเครื่องสำอางไปไม่น้อยเลย หลังจากนั้นเธอไม่มีใบเสร็จ พอฉันจับได้ เธอก็บอกฉันว่าอย่าเอาไปบอกใคร”
“เครื่องสำอางเหล่านั้นที่เธอขโมยไปอย่างน้อย ๆ ก็มีมูลค่ากว่าห้าหมื่นเชียวนะ เธอบอกว่าจะแบ่งให้ฉันครึ่งหนึ่ง แต่ฉันไม่เห็นด้วย จากนั้นเธอก็ยอมวางเครื่องสำอางแล้วเดินไป”
ทุกคนต่างพยักหน้า สีหน้าแสดงความชื่นชม
“เสี่ยวหยาทำถูกต้อง ในเมื่อเราเป็นคนดูแลโกดัง ก็ควรจะตรวจสอบคนพวกนี้ ห้ามไม่ให้ใครมาขโมยของของบริษัทไปได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะคนในบริษัทแบบนี้ยิ่งไม่ควรเข้าไปกันใหญ่”
ไป่หยาถอนหายใจอีกครั้งแล้วเอ่ย “เห้อ แต่ว่าเมื่อตอนบ่าย จู่ ๆ ท่านผู้บริหารของบริษัทมาตรวจดูโกดัง พบว่าในโกดังมีสินค้าหายไปจำนวนมาก ซึ่งไม่ตรงกับลิสต์รายการสินค้าเลย พอไปเช็กกล้องวงจรปิดก็ไม่พบอะไร มีเพื่อนร่วมงานหลายคนรายงานฉัน บอกว่าฉันเป็นคนขโมย ฉันก็เลยโดนไล่ออก……”
ผู้ใหญ่บ้านและคนอื่น ๆ ได้ยินแบบนั้นสีหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยความโมโหทันที
“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้ ก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าพวกเธอต่างหากที่เป็นคนขโมย ทำไมถึงใส่ร้ายเราแบบนี้?”
ไป่หยาถอนหายใจ “หนูเองก็หมดหนทาง พวกเขามีทั้งอำนาจและอิทธิพล พอหนูไปหาเรื่องพวกเขา พวกเขาก็เลยใส่ความหนู”
ทุกคนต่างพากันทอดถอนใจ เดี๋ยวนี้ความที่ไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพลนี่อยู่ยากจริง ๆ ขนาดว่าตั้งใจทำงานของตัวเองดี ๆ ในบริษัทยังถูกคนอื่นใส่ร้ายอีก เมืองใหญ่นี่อยู่ยากจริง ๆ
ฉินจุนรู้สึกว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม
แต่ว่าการทำงานก็เป็นแบบนี้แหละ หลาย ๆ ครั้งที่เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเราไม่ได้ทำผิด แต่เป็นเพราะทำให้หัวหน้าไม่พอใจ ต่อให้เราทำดีมากแค่ไหนก็คงจะมีจุดจบที่ไม่ดีนัก
“เธอทำงานที่บริษัทไหน?”
ฉินจุนเอ่ยถามไปเฉย ๆ เผื่อไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีคนรู้จัก อาจจะช่วยพูดให้ได้
สาวน้อยเอ่ย “เครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินค่ะ”
ฉินจุนชะงัก “เครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวิน?เครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินของหลิ่วชิงชิงน่ะเหรอ?”
ไป่หยาพยักหน้า “ใช่ค่ะ พี่เขยก็รู้จักเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินเหรอ?อ่อใช่จริง เจ้านายของพวกเราตอนนี้เป็นถึงเศรษฐีระดับประเทศแล้ว ชื่อเสียงโด่งดังใคร ๆ ก็รู้จัก”
ตั้งแต่หลิ่วชิงชิงหายดี รวมถึงได้รับสูตรยารักษารอยแผลที่ฉินจุนให้เธอแล้ว เธอก็กลายเป็นมหาเศรษฐีระดับประเทศทันที เป็นอันดับหนึ่งของประเทศเลยทีเดียว และตอนนี้ก็กำลังเข้าใกล้เป็นอันดับหนึ่งของโลกแล้ว ตอนนี้เธอก้าวเข้าสู่มหาเศรษฐี 5 อันดับของโลกแล้ว ฐานะของเธอสูงส่งมาก ๆ
และเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินก็ยกระดับขึ้นสูงไปด้วย บริษัทมีการขยายตัว มีหลาย ๆ บริษัทที่กำลังจ้างงาน เพราะฉะนั้นสาวน้อยอย่างไป่หยาถึงได้มีโอกาสเป็นผู้ดูแลโกดัง
ฉินจุนเอ่ย “ฉันรู้จักเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินจริง เอาอย่างนี้เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะช่วยพูดให้”
ทันใดนั้นสีหน้าของไป่หยาก็ดีใจขึ้นมาทันที “จริงเหรอคะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะพี่เขย!”
ชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็เผยสีหน้าดีใจ “เสี่ยวจุนนี่เก่งจริง ๆ เลยนะ รู้จักคนไปทั่วเลย ขนาดเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินยังรู้จักเลย เราต้องมองเขาใหม่จริง ๆ ”
“หึหึ ก็ฉันบอกแล้วไงว่าบ้านของตาหวังน่ะได้ลูกเขยดี ใคร ๆ ก็อิจฉา”
พ่อของหวังตงเสวี่ยก็ยิ้มจนปากจะฉีกถึงใบหู วันนี้ฉินจุนทำให้เขาได้หน้ามาก ๆ
เพียงแต่ว่าหวังตงเสวี่ยรู้เป็นกังวลใจ เธอจริงแอบเอ่ยกับเขา “พี่ฉิน เรื่องนี้มันจะลำบากคนอื่นมากไปหรือเปล่า ถ้าไปรบกวนเขามากไปก็ไม่ต้องก็ได้นะ……”
ฉินจุนยิ้ม “ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อย”
เช้าวันต่อมา ฉินจุนพาไป่หยามาถึงหน้าประตูของบริษัทเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวิน
ตอนนี้หลิ่วชิงชิงกลายเป็นมหาเศรษฐีของประเทศไปแล้ว เครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินก็กลายเป็นธุรกิจแนวหน้าของมณฑลฮั่นตง จะว่าเป็นระดับประเทศก็ได้ ได้มาทำงานที่บริษัทนี้ถือว่าเก่งมาก ๆ แล้ว
แม้แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยของที่นี่ยังมีฐานะสูงเลย เงินเดือนของพวกเขาสูงกว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยทั่ว ๆ ไป
พอฉินจุนกับไป่หยาเดินลงมาจากรถแท็กซี่ พอทั้งสองคนเดินมาที่หน้าประตู ก็มีรปภ.รีบออกมาขวางทั้งสองคน
“มาทำอะไร ที่นี่คือเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวิน ถ้าไม่ได้ทำการนัดห้ามเข้า”
การได้เป็นรปภ.ของที่นี่ ก็ทำให้พวกรู้สึกเหนือกว่าคนอื่นมาก
เวลาเห็นพวกคนใหญ่คนโตเดินเข้า ๆ ออก ๆ พวกเขาก็รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นคนระดับสูงเช่นเดียวกัน
พอเห็นว่าฉินจุนกับไป่หยานั่งรถแท็กซี่มา จึงปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเย็นชา
ไป่หยาหยิบบัตรพนักงานออกมาโชว์แล้วเอ่ย “เมื่อวานฉันเพิ่งทำเรื่องลาออกไป วันนี้ฉันมีเรื่องต้องเข้ามาคุยหน่อย”
รปภ.ไม่แม้แต่จะมองบัตรพนักงานของไป่หยาเลยด้วยซ้ำ “ลาออก?โดนไล่ออกมากว่ามั้ง?”
ได้ทำงานที่เครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวิน ใครจะอยากลาออก?
มีคนมากมายที่ต่างแย่งชิงที่จะเข้ามาทำงานในนี้ คนภายในบริษัทไม่มีใครที่จะอยากออก ถ้าจะมีการลาออกก็คงจะเป็นการโดนไล่ออกมากกว่า
ไป่หยาก้มหน้าก้มตาอย่างอับอาย
“ฉันโดนไล่ออกจริง ๆ แต่ว่าวันนี้ฉันมีเรื่องจะมาคุยกับผู้จัดการ!”
รปภ.ส่งเสียงหัวเราะเยาะ “โดนไล่ออกแล้วยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอ?รีบกลับไปซะ ไม่ได้นัดก็ไม่ต้อนรับ”
ฉินจุนขมวดคิ้ว ไอ้รปภ.พูดจาไม่เข้าหูเอาเสียเลย แถมมารยาทยังแย่มาก ๆ ทำเขารู้สึกไม่ค่อยพอใจ
“ไม่มีนัดไม่ต้อนรับงั้นเหรอ?แล้วพวกลูกค้าที่มาหาพวกนายเป็นครั้งแรกล่ะ?นายไปเรียกผู้จัดการลงมาดีกว่า”
พอได้ยินฉินจุนพูดแบบนั้นรปภ.ก็หัวเราะออกมา “เรียกผู้จัดการลงมา?นายอายุเท่าไหร่กันเชียว ไปเล่นตรงนู้นไป อย่ามาทำลายภาพลักษณ์บริษัทของเรา”
รปภ.แสดงสีหน้าอย่างรำคาญ เขาจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่แล้วยืนตัวตรง เอ่ยทักทายหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังเดินมา
“ผู้จัดการซุน!”
รปภ.แสดงความเคารพอย่างนอบน้อมเพื่อต้อนรับหญิงวัยกลางคนที่กำลังเดินเข้ามา
ผู้จัดการซุนพยักหน้าเบา ๆ พอเห็นไป่หยาก็เผยรอยยิ้มเย็นชาออกมาทันที
“ไป่หยา?เธอมาที่นี่อีกทำไมล่ะ?บริษัทก็ไล่เธอออกไปแล้ว อย่ามาดื้อด้านอยู่ตรงนี้เลย เธอออกไปแล้ว ตอนนี้อยากจะเข้าไปก็เข้าไปไม่ได้หรอกนะ”
ไป่หยาร้อนใจขึ้นมาทันที เธอรีบเอ่ย
“ผู้จัดการซุน คุณก็รู้ว่าฉันไม่เคยขโมยของ ทำไมต้องใส่ร้ายฉันด้วย?”
ผู้จัดการซุนยิ้มเย็นชา “ถ้าไม่เคยขโมยของทำไมของถึงหายไปล่ะ?หึหึ”
“ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นเพราะคุณ……” ไป่หยากำลังจะเอ่ยออกไปว่า ของที่หายไปเหล่านั้น ก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นเพราะผู้จัดการซุนเป็นคนขโมย เธอแอบขโมยของจากโกดังไปทุกเดือน สินค้าที่หายไปในแต่ละเดือนตกเดือนละสามถึงห้าหมื่น
ผู้จัดการซุนเบิกตากว้างรีบตะโกนออกมา
“หุบปาก!หล่อนพูดไร้สาระอะไรออกมา!”
ผู้จัดการซุนรีบเอ่ยขัดเพื่อไม่ให้ยัยเด็กนี่พูดอะไรมั่ว ๆ ออกมา ถ้าหากว่ารปภ.ได้ยินเข้าเธอต้องหาวิธีจัดการอีก
ผู้จัดการซุนตะโกนออกมาก่อนจะเดินก้าวเข้าไปจะฟาดฝ่ามือใส่
เพียะ!
แต่ทว่าฝ่ามือนั้นไม่ได้ฟาดลงบนใบหน้าของไป่หยา แต่ถูกมือของฉินจุนจับเอาไว้
“เป็นผู้จัดการแล้วจะตบใครก็ได้งั้นเหรอ?ท่านประธานของพวกเธออบรมกันมายังไง?”
ผู้จัดการซุนถูกฉินจุนจับฝ่ามือเอาไว้จนขยับเขยื้อนไม่ได้ เธอพยายามออกแรงแต่ก็ไม่สามารถหลุดออกได้ เธอก็โมโหขึ้นมาทันที
“แกปล่อยฉันนะ แกเป็นไอ้กระจอกมาจากไหนหะ ไอ้หน้าโง่ ปล่อยฉัน!”
ฉินจุนขมวดคิ้วก่อนจะฟาดฝ่ามือออกไปทันที
เกิดเสียงเพียะดังลั่น ใบหน้าของผู้จัดการซุนเกิดเป็นรอยนิ้วมือแดงขึ้นมาทันที
ฉินจุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็น
“ปากปีจอ ขาดการอบรมสั่งสอนจริง ๆ ”