พอผู้จัดการซุนโดนตบหน้าเข้า สีหน้าของเธอก็ย่ำแย่อย่างสุด ๆ
“แกกล้าดียังไง!แกกล้าตบฉันเหรอ รปภ.มัวอึ้งอะไรอยู่!”
รปภ.เองก็เพิ่งได้สติ เขารีบคว้ากระบองออกมา ตั้งใจจะลงมือกับฉินจุน
แต่ว่าท่าทางที่ฉินจุนตบผู้จัดการซุนเมื่อกี้นี้ดูมีรังสีแห่งความน่ากลัวออกมา แถมเขายังร่างกายสูงใหญ่ ทำให้รปภ.ยืนลังเลไม่กล้าทำอะไร
ผู้จัดการซุนหัวเสียอย่างสุด ๆ “ไร้ประโยชน์!ไร้ประโยชน์จริง ๆ !”
พอด่าเสร็จ ผู้จัดการซุนก็รีบเดินเข้าไปในตึกใหญ่ทันที
ฉินจุนมองรปภ.ก่อนจะเอ่ยออกมานิ่ง ๆ
“เรียกใครก็ได้ลงมารับฉัน”
รปภ.ส่งเสียงไม่พอใจ “เรียกคนลงมารับนาย?นายคิดว่านายเป็นใคร?ให้ฉันเรียกท่านประธานลงมารับนายเลยไหมล่ะ?”
ฉินจุนเอ่ย “ก็ได้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” รปภ.หัวเราะออกมาทันที “นายนี่มันตลกจริง ๆ ฉันไม่เคยเห็นใครตอแหลเท่านายมาก่อน คิดจะให้ท่านประธานลงมารับ นายใหญ่โตขนาดนั้นเลยเหรอ?”
พอเห็นว่า รปภ.ไม่เรียกคนมา ฉินจุนก็หยิบโทรศัพท์ออกมา กดโทรออกเบอร์ของหลิ่วชิงชิง
หลิ่วชิงชิงกำลังประชุมอยู่ในบริษัท โทรศัพท์ส่วนตัวของเธอดังขึ้น โดยหลักการแล้วไม่ควรจะรับสาย แต่พอเห็นว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา หลิ่วชิงชิงก็ชะงัก และรีบกดรับโทรศัพท์ทันที
เธอเอ่ยเสียเบา “ฮัลโหลค่ะ?”
เหล่าผู้ถือหุ้นต่างมึนงง ปกติแล้วหลิ่วชิงชิงเป็นคนเข้มงวดมาก ๆ ในเวลาประชุมไม่มีใครได้รับอนุญาตให้รับโทรศัพท์
แม้แต่ตัวเธอเองก็ด้วย แต่ว่าวันนี้หลิ่วชิงชิงกลับนอกกฎ ไม่รู้ว่าบุคคลสำคัญท่านใดโทรเข้ามา
ฉินจุนเอ่ย “ผมอยู่ที่ชั้นล่างของบริษัทคุณ ตอนนี้ขึ้นไปไม่ได้ คุณลงมารับได้ไหม?”
“ได้ค่ะ”
พูดจบหลิ่วชิงชิงก็กดวางสายแล้วเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว พอเดินไปได้สองก้าวเธอก็นึกขึ้นได้ว่ากำลังประชุมกันอยู่ เธอจึงเอ่ยกับรองประธาน
“พวกคุณคุยกันไปก่อน ฉันออกไปข้างนอกสักครู่”
พูดจบหลิ่วชิงชิงก็เปิดประตูเดินออกไปทันที
ทุกคนต่างพากันตะลึง ไม่เคยเห็นท่าทางรีบร้อนกังวลใจแบบนี้ของหลิ่วชิงชิงมาก่อนเลย ขนาดตอนที่เจอกับเหล่านักธุรกิจที่มีชื่อเสียงระดับโลก หรือผู้นำต่าง ๆ ก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
หรือว่าที่ด้านล่างจะ ‘สามีท่านประธาน’ ในอนาคต?
รปภ.เห็นว่าฉินจุนทำท่าทางโทรศัพท์หาใคร เขาก็หัวเราะเยาะออกมาทันที
“นายนี่มันแสดงละครเก่งจริงๆ เลยนะ นายจะบอกเมื่อกี้แกโทรศัพท์ไปหาท่านประธาน?”
ฉินจุนยิ้มเย็นชา “ทำไม นายไม่เชื่อหรือไง?”
“หึหึ ถ้าหากท่านประธานของพวกฉันลงมารับนายจริง ฉันจะยอมคุกเข่าคำนับเลย!
พอรปภ.พูดจบ ที่โถงล่างก็มีเสียงส้นรองเท้าต๊อกแต๊ก ๆ ๆ ดังออกมา เสียงส้นรองเท้าส้นสูงที่ดังออกมาฟังดูก็รู้ว่าคนด้านในต้องรีบร้อนมาก ๆ
ไม่กี่วินาทีต่อมา หญิงสาวรูปงามคนหนึ่งก็ปรากฏตัวที่หน้าประตู พอเห็นว่าฉินจุนอยู่ที่หน้าประตูจริง ๆ หลิ่วชิงชิงก็เผยรอยยิ้มที่หาดูยาก
“คุณมาได้ยังไงคะ?”
รปภ.ตะลึงตาค้างทันที
“ทะ……ท่านประธานหลิ่วสวัสดีครับ!”
ฉินจุนยิ้มบาง ๆ จากนั้นก็หันไปมองรปภ.
“คนนี้ใช่ท่านประธานของนายไหม?ทำไมยังไม่คุกเข่าอีกล่ะ?”
หลิ่วชิงชิงได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกแปลก ๆ จึงขมวดคิ้วมุ่นแล้วเอ่ยถาม
“ทำไม นายทำร้ายคุณฉินเหรอ?”
รปภ.ตกใจกลัวจนขาอ่อนแรงไปหมด เขาลงไปคุกที่พื้นทันที
“ผะ ผม ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมผิดไปแล้ว ท่านประธานหลิ่วครับผมผิดไปแล้ว”
หลิ่วชิงชิงขมวดคิ้วมุ่น”คนอย่างนายไม่สมควรได้เป็นรปภ.ของที่นี่ ไปรับเงินเดือนแล้วไสหัวไปซะ”
รปภ.หน้าซีดทันทีภายในใจก็รู้สึกเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป
ฉินจุนไม่สนใจอะไรหมอนั่น เขาชี้ไปที่ไป่หยาที่อยู่ข้าง ๆ
“นี่เป็นน้องสาวของเพื่อนผม เดิมทีเธอทำงานอยู่ที่นี่ แต่ว่าถูกไล่ออก ผมก็เลยมาหาคุณใช้เส้นสายเสียหน่อย”
หลิ่วชิงชิงขมวดคิ้ว “ถูกไล่ออก?เพราะสาเหตุอะไรกัน?”
ไป่หยาก้มหน้าก้มตาพอเห็นหน้าท่านประธานหลิ่วแล้วเธอค่อนข้างกลัว
“พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันขโมยของค่ะ ฉันเป็นพนักงานดูแลโกดังดูแลสินค้าพวกนั้นค่ะ ฉันจะไปขโมยของที่ตัวเองเป็นคนดูแลทำไม ?”
หลิ่วชิงชิงขมวดคิ้วเข้าหากัน เธอเองก็ค่อนข้างละเอียดอ่อนกับเรื่องการขโมยของแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นพนักงานในบริษัทเป็นคนขโมยเสียเอง
หลิ่วชิงชิงเอ่ยถาม “เธอบอกฉันมาสิ ใครเป็นคนขโมย?”
ไป่หยากัดริมฝีปาก “ฉัน ฉันไม่มีหลักฐานค่ะ”
ฉินจุนตบบ่าของเธอเอ่ย “ไม่เป็นไรหรอก เธอแค่บอกมาก็พอ”
ไป่หยากลั้นใจเอ่ยออกมา “ผู้จัดการซุน……เป็นคนทำค่ะ แต่ว่าฉันไม่มีหลักฐาน ไม่รู้ว่าทำไมกล้องวงจรปิดถึงได้เสียหมดเลย”
หน้าของหลิ่วชิงชิงนิ่งขรึมทันที “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว เธอตามฉันมา”
หลิ่วชิงชิงเดินอย่างโมโหพาไป่หยาและฉินจุนเดินเข้าไปในตึก มาที่ห้องกล้องวงจรปิด
คนที่อยู่ภายในห้องกล้องวงจรปิดคือเจ้าหน้าที่จางซึ่งเป็นหัวหน้าทีมพนักงานรักษาความปลอดภัยของที่นี่ เงินเดือนของเขาไม่ใช่น้อยเลยเดือน ๆ หนึ่งได้แปดพันกว่าหยวน
ถ้าเป็นข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยจากบริษัทไหนก็ไม่มีทางได้เงินเดือนสูงขนาดนี้ เผลอ ๆ สูงกว่าพนักงานบางคนด้วยซ้ำ
“นายจาง ฉันต้องการดูกล้องวงจรปิดของโกดังเมื่อวานตอนบ่ายโมง”
นายจางชะงักไปครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่คิดว่าท่านประธานใหญ่จะมาเชือดเองกับมือ แถมมาเรียกชื่อขอดูกล้องวงจรปิดเมื่อวาน
นายจางทำเป็นตรวจเช็กดูอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงลำบากใจ
“ท่านประธานหลิ่วครับ พอดีว่าเมื่อวานตอนบ่ายโมงมีการซ่อมกล้องวงจรปิด ช่วงเวลานั้นจึงไม่ได้มีการบันทึกภาพเอาไว้ครับ ท่านจะดูช่วงเวลาอื่นแทนไหมครับ?”
หลิ่วชิงชิงเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา
“ไปรับเงินเดือนที่ฝ่ายบัญชีซะ”
นายจางชะงักยังไม่ทันตั้งตัวว่ามันเกิดเรื่องอะไร “ท่านประธานหลิ่ว นี่ท่าน……ท่านจะไล่ผมออกเหรอครับ?”
นายจางเพิ่งได้สติ รีบลุกขึ้นยืนอย่างลุกลี้ลุกลนหน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
กว่าเขาจะได้เงินเดือนสูงขนาดนี้เขาลงทุนลงแรงไปมากมาย ตำแหน่งหัวหน้ารปภ.ดี ๆ แบบนี้ ถ้าตกงานไปเขาต้องได้ไม่คุ้มเสียแน่ ๆ
หลิ่วชิงชิงเอ่ย “ไล่นายออกมีปัญหาอะไรเหรอ?”
พอได้เห็นแววตาเฉียบขาดของท่านประธานหลิ่ว นายจางก็ตื่นตระหนกรีบเอ่ย “ท่านประธานหลิ่วผมผิดไปแล้วครับ ผมจะหาภาพจากกล้องวงจรปิดให้ท่านดูเดี๋ยวนี้เลยครับ ขอผมหาสักครู่นะครับ!”
ต้องให้ท่านประธานหลิ่วเด็ดขาดแบบนี้เท่านั้นถึงจะทำให้นายจางยอมรับ
กล้องวงจรปิดเสียใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นนายก็เก็บข้าวเก็บของออกไปซะ!
เพราะถึงแม้ว่านายจางจะได้รับผลประโยชน์จากผู้จัดการซุน แต่ว่าก็ไม่มีทางที่เขาจะยอมรับผลประโยชน์พวกนั้นเพื่อเสียงานนี้ไป
ไม่นานนายจางก็รีบแก้ไขกล้องวงจรปิดได้อย่างรวดเร็ว เขาหาวิดีโอช่วงเวลานั้นที่ถูกลบทิ้งเจอแล้ว
ภายในกล้องวงจรปิดเป็นภาพผู้จัดการซุนฉวยโอกาสช่วงเวลากะเข้างานของไป่หยา แอบหยิบกล่องเครื่องสำอางจำนวนหนึ่งใส่ท้ายรถของเธอ จากนั้นก็ออกไปทันที
พอนายจางเห็นฉากนี้เข้าก็อับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี
สีหน้าของหลิ่วชิงชิงนิ่งจนน่ากลัว เธอเปิดไมค์ประกาศที่อยู่บนโต๊ะจากนั้นก็กรอกเสียงผ่านไมโครโฟน
“ทุก ๆ ท่านโปรดทราบ ฉันคือหลิ่วชิงชิง ขอเชิญผู้จัดการทุกคนมาประชุมที่ห้องวงจรปิด”
พอเสียงประกาศดังไปทั่วสำนักงาน ทุกคนก็ต่างชะงัก ไปประชุมที่ห้องวงจรปิดทำไมกัน?