พอทุกคนเดินมาถึงห้องวงจรปิด ก็เห็นไป่หยายืนอยู่ภายในห้อง
ผู้จัดการซุนก็รีบเดินนำหน้ามาเลย
“ใครปล่อยให้พวกแกเข้ามา!นายจางนี่มันเกิดอะไรขึ้น สองคนนี้เข้ามาได้ยังไง?”
เมื่อครู่ที่ฉินจุนตบหน้าเธอ เธอยังไม่ได้จัดการเลย คิดไม่ถึงเลยว่ามาตอนนี้พวกมันจะบุกเข้ามาถึงในนี้!
ผู้จัดการซุนโมโหอย่างมาก ตอนนี้มีคนมากมาย พวกมันสองคนกล้าเข้ามาทำตัวป่าเถื่อนกับเธองั้นเหรอ?
หลิ่วชิงชิงหันกลับมา มองไปยังผู้จัดการซุนอย่างเย็นชาแล้วเอ่ย
“ฉันเป็นคนปล่อยให้พวกเขาเข้ามาเอง”
ผู้จัดการซุนที่กำลังทำตัวกร่างวางอำนาจก็เงียบไปทันที เธอแสร้งทำเป็นยิ้มออก “แฮะ ๆ ท่านประธานหลิ่วเป็นคนให้พวกเขาเข้ามาเหรอคะ ท่านประธานคะ ท่านไม่รู้อะไร ยัยไป่หยาคนนี้ดิฉันจับได้ว่าหล่อนขโมยของของบริษัท ดิฉันก็เลยไล่หล่อนออก แต่สุดท้ายหล่อนไม่ยอมแถมยังกลับมาก่อความวุ่นวาย ฉันก็เลยไม่ยอมให้หล่อนเข้ามาค่ะ”
หลิ่วชิงชิงได้ยินแบบนั้น ก็เผยรอยยิ้มอย่างสมเพชบนใบหน้า ยัยนี่นี่นอกจากจะไม่ยอมรับผิดแล้วยังใส่ความคนอื่นอีกนะ ไม่พูดว่าเป็นความผิดของตัวเอง แถมยังโยนขี้ให้คนอื่น
“งั้นเหรอ?หล่อนขโมยอะไรไปล่ะ?”
ผู้จัดการซุนรีบกล่าวอย่างกระตือรือร้น “หล่อนขโมยสินค้าของเราไปค่ะ เป็นสินค้าที่อยู่ในโกดัง อย่างน้อย ๆ ต้องขโมยไปมูลค่ากว่าห้าหกหมื่นได้ค่ะ”
หลิ่วชิงชิงเอ่ย “มีหลักฐานไหม มีภาพจากกล้องวงจรปิดหรือเปล่า?”
“ไม่มีค่ะ กล้องวงจรปิดถ่ายไม่ติดค่ะ แต่หล่อนเป็นคนดูแลโกดังสินค้า หล่อนต้องรู้มุมของกล้องวงจรปิดเป็นอย่างดีแน่นอนค่ะ ถ้าคิดอยากจะขโมยสินค้าจากตรงไหนก็ไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้วค่ะ”
เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ต่างจ้องมองไปทางไป่หยาด้วยสายตาตำหนิ ไม่คิดเลยว่าคนดูแลโกดังจะเป็นคนขโมยของเสียเอง นี่มันดูแลเองแล้วก็ยักยอกเองชัด ๆ
“เด็กนี่อายุยังน้อยอยู่เลย ทำไมทำแบบนี้?”
“นั่นน่ะสิ มีงานมีการให้ทำไม่ทำ ดันไปขโมยของ ท่านประธานหลิ่วดูแลเธอไม่ดีหรือยังไงกัน?”
“ไม่ลองไปถามที่อื่นดูล่ะ มีที่ไหนให้เงินเดือนสูงเท่าที่เครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวิน คนเรานี่มันไม่รู้จักพอจริง ๆ เลยนะ เงินเดือนก็สูงขนาดนี้ยังจะขโมยของ เธอรู้สึกผิดต่อท่านประธานหลิ่วบ้างไหม?”
“……”
เดิมทีไป่หยาก็ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรอยู่แล้ว พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็เลยโดนรุมโจมตีเข้าไปใหญ่
น้ำตาของไป่หยาหยดลงมาติ๋ง ๆ ไม่หยุด “ไม่ใช่ฉันนะคะ ไม่ใช่ฉันทำ”
ไป่หยาอายุยังน้อยแล้วก็ซื่อมาก ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอเหตุการณ์แบบนี้
ที่บริษัทเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินพนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เมื่อไหร่ที่พวกเธอเริ่มด่าคน ความสามารถในการโจมตีคนอื่นถือว่าสุด ๆ ไปเลย
“พอแล้ว!”
หลิ่วชิงชิงตะโกนออกไป ทุกคนก็สงบปากทันที
ผู้จัดการซุนทำท่าทางโหดเหี้ยม เหมือนเป็นหัวหน้ากองทัพ
หลิ่วชิงชิงเอ่ยถาม “ผู้จัดการซุน ในเมื่อคุณรู้ว่าเธอขโมยของไป ทำไมคุณไม่แจ้งตำรวจ?”
ของมูลค่าหลายหมื่นหยวนถือว่าเป็นคดีอาญาได้แล้ว ตามหลักการแล้วควรแจ้งตำรวจจับเธอ
ผู้จัดการซุนหลบสายตา เธอยังคงแถ
“แฮะ ๆ ก็ฉันเห็นคนในบริษัทเดียวกันทั้งนั้น อีกอย่างเธอก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันมาก่อน ฉันสงสารเธอก็เลยให้โอกาสไม่แจ้งความ”
แน่นอนว่าผู้จัดการซุนไม่กล้าแจ้งความแน่นอน ถ้าหากแจ้งความขึ้นมา เมื่อตำรวจเข้ามาตรวจสอบก็ต้องค้นเจอความจริงแน่นอน ถ้าถึงเวลานั้นคนที่ต้องตกงานก็ต้องเป็นเธอไม่ใช่หรือไงล่ะ?
เรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ มันก็แค่ความเสียหายแค่ไม่กี่หมื่นเท่านั้น สำหรับเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินที่เป็นธุรกิจอันดับหนึ่งของประเทศแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วมาก ขอแค่ผู้บริหารไม่รู้ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร
หลิ่วชิงชิงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมาแล้วเอ่ย
“ผู้จัดการซุน เมื่อกี้ฉันให้นายจางซ่อมกล้องวงจรปิดแล้ว เรามาดูพร้อม ๆ กันดีกว่า”
สีหน้าของผู้จัดการซุนเปลี่ยนไปทัน ซ่อมเสร็จแล้วงั้นเหรอ?
เธอมักชอบมอบของให้นายจางเป็นประจำ บางทีก็ให้เงินนิดหน่อย ทั้งสองติดสินบนกัน เพื่อให้ทุกครั้งเวลาที่ซ่อมแซมกล้องวงจรปิดเธอก็จะได้ไปขโมยของ
มาตอนนี้กล้องวงจรปิดดันซ่อมเสร็จแล้ว?
นายจางหลบสายตาไม่กล้ามองหน้าผู้จัดการซุน เพื่อปกป้องอาชีพทำมาหากินของตัวเอง เขาจำเป็นต้องขายคนอื่น
ภายในสายตาของทุกคน ผู้จัดการซุนก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นในภาพจากกล้องวงจรปิดอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ เธอลอบหยิบสินค้าไปไว้ที่รถของตัวเองจากนั้นก็ขับออกไป
การขโมยของของเธอนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ดูก็รู้ว่าทำแบบนี้เป็นประจำ
สีหน้าของผู้จัดการซุนซีดเผือดทันที เธอไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกเปิดโปง
“ท่านประธานหลิ่วคะ ฉันผิดไปแล้ว!นี่เป็นครั้งแรกของฉันเลยค่ะ เป็นครั้งแรกที่ฉันทำเรื่องแบบนี้ ท่านประธานคะ ฉันขอร้องล่ะนะคะ!”
หลิ่วชิงชิงหัวเราะอย่างสมเพช “ครั้งแรก?เธอคิดว่าฉันจะเชื่อไหม?เธอไม่ต้องมาบอกฉันแล้ว ไปรอบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วกัน”
พูดจบ นายจางก็เรียกรปภ.สองสามคนมาจับตัวผู้จัดการซุนทันที
ผู้จัดการซุนดีดดิ้นอย่างสุดชีวิต “นายจาง!นายเองก็ได้ผลประโยชน์จากฉันไปไม่น้อย ทำไมนายขายฉันแบบนี้?!”
นายจางทำเป็นเมินเฉย และรีบเรียกคนมาลากตัวเธอออกไป
สีหน้าของหลิ่วชิงชิงนิ่งจนน่ากลัว สายตาของเธอกวาดตามองผู้จัดการทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา
“ถึงแม้ว่าตอนนี้เครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินจะเป็นธุรกิจใหญ่โตแล้ว แต่ว่าเขื่อนใหญ่ก็สามารถพังทลายได้เพราะมด อาจมีแมลงเน่าตัวใดตัวหนึ่งที่ทำลายบริษัทของเรา ถ้าหากว่าฉันจับได้ว่ามีคนแบบนี้เมื่อไหร่ ฉันจะจัดการขั้นเด็ดขาด หวังว่าพวกคุณจะจำไว้เป็นบทเรียน”
หญิงสาวเหล่านั้นต่างก้มหน้าก้มตา ไม่มีใครกล้าส่งเสียงอะไรออกมา
บริษัทใหญ่ขนาดนี้ พวกเขาได้มาเป็นผู้จัดการแบบนี้มือไม้ย่อมไม่สะอาด มีทั้งขโมยของบ้าน แอบติดสินบนรับของใต้โต๊ะบ้าง ถึงแม้ว่าหลิ่วชิงชิงจะไม่มีเวลามาสนใจตรงนี้ แต่ว่าถ้าหากเธอตรวจสอบขึ้นมา ท่านต้องล้างบางแน่ ๆ
ไม่มีใครอยากจะให้ตัวเองโดนเชือด เพราะฉะนั้นต่อไปจึงไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้อีกแล้ว
“ไป่หยา เธอมาทำงานแทนตำแหน่งผู้จัดการซุนก่อนชั่วคราว ถึงแม้ว่าความสามารถของเธอจะไม่ถึง แต่ว่าฉันชอบคนนิสัยแบบเธอ ฉันเชื่อว่าเธอจะสามารถทำงานนี้ได้สำเร็จ”
ไป่หยาชะงักก่อนจะตื่นเต้นดีใจออกมา
“หา!ขอบพระคุณค่ะท่านประธานหลิ่ว……”
ไป่หยาจากที่เป็นแค่พนักงานดูแลโกดัง ภายในพริบตาเดียวก็ได้กลายเป็นผู้จัดการแผนก ราวกับได้ก้าวขึ้นสวรรค์
ทันใดนั้นเหล่าคนที่ก่อนหน้านี้ด่าทอต่อว่าไป่หยาก็สีหน้าย่ำแย่ลงทันที
ใครจะคาดคิดว่ายัยเด็กบ้านนอกคนนี้จะได้เลื่อนขั้นกลายเป็นผู้จัดการแผนก ต่อไปเธอก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
ไป่หยาได้เข้ารับตำแหน่ง ส่วนคนอื่น ๆ ก็กลับไปประจำตำแหน่งของตัวเอง หลังจากนั้นหลิ่วชิงชิงก็พาฉินจุนมาที่ห้องทำงานของเธอ พอปิดประตู เธอก็เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะท่านปรมาจารย์ฉิน?”
ฉินจุนยิ้มบาง ๆ “ท่านประธานหลิ่ว สีหน้าคุณเปลี่ยนไปไวมากเลยนะ?”
เมื่อสักครู่หลิ่วชิงชิงยังวางมาดสั่งสอนลูกน้อง มาตอนนี้กลับลายเป็นยิ้มแย้มแจ่มใส เปลี่ยนท่าทางอย่างรวดเร็วมาก
หลิ่วชิงชิงยิ้ม “ฉันไม่มีทางเลือกนี่คะ ฉันเป็นเจ้านายของพวกเธอ ถ้าหากไม่เข้มงวดหน่อย พวกเธอจะกลัวฉันไหมล่ะ?”
ฉินจุนเดินเข้าไปหาดึงมือของหลิ่วชิงชิงมาวัดชีพจรอย่างไม่เกรงใจ
พอทั้งสองแตะเนื้อต้องตัวกัน ร่างกายของหลิ่วชิงชิงก็สั่นสะท้าน แต่ไม่นานก็กลับมาสงบนิ่งเหมือนเดิม
ฉินจุนวัดชีพจรอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า
“ร่างกายฟื้นคืนสู่สภาพไม่เลวเลยนะ ช่วงนี้ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตรงไหนใช่ไหมครับ?”
หลิ่วชิงชิงจ้องไปที่ฉินจุนแล้วเอ่ย
“ช่วงนี้ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตรงไหนค่ะ แต่ว่า……ช่วงนี้ฉันขาดแฟนค่ะ”