ตอนนี้หลิ่วชิงชิงไม่ใช่แค่แฟนปลอม ๆ ของฉินจุนแต่เธอเป็นแฟนตัวจริงเสียงจริงแล้ว
เวลาแฟนสาวตรวจเช็กขึ้นมา ถือเป็นปัญหาใหญ่ของเหล่าชายหนุ่ม
หลิ่วชิงชิงค่อนข้างละเอียดอ่อนกับพวกเรื่องเครื่องสำอาง เพราะฉะนั้นเธอจึงเดินเข้ามาสูดดม ก็ได้กลิ่นน้ำหอมไม่คุ้นเคยจากตัวของฉินจุน
“โดดเด่น มีรสนิยมสูง ผู้หญิงที่ใช้น้ำหอมกลิ่นแบบนี้มักเป็นผู้หญิงสวยทั้งนั้น”
หลิ่วชิงชิงเงยหน้าขึ้น มองไปที่ฉินจุนด้วยสีหน้าขี้เล่น
ส่วนหลิ่วเสี่ยวเฉียงที่ยืนอยู่ด้านข้างก็โมโหสุด ๆ “พี่ พี่ช่วยมาดูผมก่อนได้ไหม น้องชายพี่เกือบตายอยู่ที่มาเก๊า!”
หลิ่วชิงชิงหันหน้าไป ใบหน้าของเธอก็นิ่งขรึมทันที สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
“หลิ่วเสี่ยวเฉียง!นายนี่มันจริง ๆ เลยนะ ไปติดการพนันอยู่ที่คาสิโน?ฉันควรระงับบัตรเครดิตของนายดีไหม?”
พอได้ยินดังนั้นสีหน้าของหลิ่วเสี่ยวเฉียงก็เปลี่ยนไปทันที เขาแลบลิ้นก่อนจะรีบเอ่ย
“พี่ พี่เขยไปเจอซูเปอร์โมเดลบนเครื่องบินมาด้วยแหละ”
ฉินจุน : ……
ไอ้หลิ่วเสี่ยวเฉียงนี่มันยังเป็นคนอยู่ไหม?
เพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองถูกระงับบัตรเครดิต ก็เลยขายฉินจุนงั้นเลยเหรอ?
เป็นไปดังคาด หลิ่วชิงชิงขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีพร้อมกับหันไปถามฉินจุน
“ซูเปอร์โมเดลสวยไหมคะ?”
ฉินจุนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “ก็แค่คนไข้เท่านั้น ผมช่วยรักษาอาการป่วยให้เธอ”
หลิ่วชิงชิงเบ้ปากแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เธอเองก็รู้ว่าฉินจุนเป็นคนยังไง เขาไม่ค่อยใจเรื่องผู้หญิงอะไรสักเท่าไหร่ อย่างตอนแรกที่เขารักษาเธอ เขาก็รักษาให้เธอเฉย ๆ เลย ไม่ได้รู้สึกอะไรต่อเธอ
กลับเป็นแค่ช่วยไม่กี่วันมานี้ที่พวกเขาตกลงเรื่องความสัมพันธ์กัน
หลิ่วชิงชิงภาคภูมิใจในความสวยอย่างธรรมชาติของเธอ และเธอเชื่อว่าฉินจุนจะไม่ถูกผู้หญิงคนอื่นล่อลวงได้ง่าย ๆ
หลิ่วเสี่ยวเฉียงเล่าเรื่องความกล้าหาญของฉินจุนอย่างใส่สีตีไข่ แต่หลิ่วชิงชิงฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว
“นายก็พูดเกินจริงไปแล้ว พี่เขยของนายเป็นหมอ นายพูดซะอย่างกับว่าเขาเป็นเจ้าพ่อการพนัน”
หลิ่วเสี่ยวเฉียงรีบเอ่ย “ไม่ใช่แค่เจ้าพ่อการพนันนะพี่!พี่เขยน่ะเจ๋งยิ่งกว่าเจ้าพ่อการพนันอีก!บอกว่าออกเสือดาวก็เสือดาว ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้เล่ห์กลอะไรก็ไม่ได้ผล พี่ไม่ได้เห็นตาแก่นั่น ชื่อว่าอะไรลุงชาง ๆ สักอย่างเอาแต่อวดเก่งคิดว่าตัวเองเจ๋งมากมั้ง พอดวลกับพี่เขยไปแค่สองตาเท่านั้นแหละ หน้าเขียวไปหมดเลย!”
หลิ่วชิงชิงเบ้ปาก “ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม การพนันเป็นสิ่งไม่ดี ต่อไม่นายห้ามยุ่งเกี่ยวกับมันเด็ดขาด พี่เขยนายก็ห้ามไปยุ่งกับมัน”
“ครับ ๆ ๆ ต่อไปผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนันอีกแล้ว พี่รู้ไหมหลังจากนั้นผมกับพี่เขยโดนคนมาล้อม พี่ไม่ได้เห็น พี่เขยนะนึกว่าเฉินหลงมาเข้าสิง สู้กับพวกมันหนึ่งต่อสิบ……”
หลิ่วเสี่ยวเฉียงเริ่มพูดจากเกินจริงออกมาอีกครั้ง ทั้งน้ำเสียงและคำที่เขาใช้ ทำให้เรื่องจริงมันฟังดูกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือพอเขาพูดออกมา
พอได้ยินหลิ่วเสี่ยวเฉียงบอกว่าฉินจุนกระโดดถีบกระจกแตก หลิ่วชิงชิงก็ทนฟังต่อไปไม่ไหว
“นายนี่เล่าเป็นตุเป็นตะ ฉันว่านายไปแต่งนิยายขายได้เลยนะเนี่ย!”
หลิ่วชิงชิงไม่สนใจเขาอีก แล้วเดินไปคุยกับฉินจุนแทน
ขณะเดียวกันภายในภายตระกูลหลิ่วกลับกำลังประชุมลับกันอยู่
ชิวหยวนฮวาและคนอื่น ๆ กำลังล้อมกับอยู่หน้าโต๊ะ มีชายคนหนึ่งถือผลจากการไปตามสืบมาวางไว้บนโต๊ะ ทุกคนต่างพากันขมวดคิ้ว สีหน้าแต่ละคนออกอาการสับสน
“ผลการสืบนี้เชื่อถือได้ไหม?”
“เชื่อถือได้แน่นอนครับ เหรียญทหารอันั้น เป็นของจริงจริง ๆ ครับ เป็นของที่ท่านมหาเศรษฐีลึกลับแห่งประเทศจีนคนหนึ่งมอบให้กับแพทย์อัจฉริยะท่านหนึ่ง”
“แต่ว่า!แพทย์อัจฉริยะท่านนั้นแซ่เย่!ไม่ใช่แซ่ฉินครับ!”
สีหน้าของชิวหยวนฮวาและคนอื่นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม “ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า เหรียญทหารอันนี้ของฉินจุนไม่มีที่มาที่ไปอย่างชัดเจนงั้นเหรอ?”
สิ่งที่ทำให้ครอบครัวตระกูลหลิ่วยอมรับในตัวฉินจุน หลัก ๆ เลยก็เป็นเพราะว่าเหรียญทหารอันนั้น
เฮลิคอปเตอร์ เรือยอชต์ กับของขวัญมูลค่าหลานพันล้านนั่น มันทำให้ตระกูลอภิมหาเศรษฐีอย่างพวกเขารู้สึกทึ่งและหรูหรามาก
มีของเจ๋ง ๆ เหล่านี้ เขาต้องไม่ใช่คนโนเนมธรรมดา เพราะฉะนั้นชิวหยวนฮวาจึงส่งคนไปสืบ
แน่นอนว่าสืบข้อมูลบางอย่างเกี่ยวข้องกับเหรียญทหารมาด้วย แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้
“ถูกต้องครับ จากที่ทำการตรวจสอบมาล่าสุด เหรียญทหารอันนี้ของคุณฉินจุน ไม่มีที่มาที่ไป”
สืบออกมาแล้วว่า เหรียญทหารอันนี้มอบให้คุณแย่ ไม่ใช่ฉินจุน
“หรือว่าฉินจุนเก็บมาได้?”
“ก็มีความเป็นได้สูงครับ พวกเราก็หวังว่าเขาจะเก็บมาได้ ไม่ใช่ว่าขโมยมา หรือไม่ก็ใช้วิธีการอื่นเพื่อให้ได้มันมา”
“เป็นไปได้หรือเปล่าว่าซื้อมันมา?”
“ซื้อมา?คุณคิดว่าเป็นไปได้เหรอ ของมีมูลค่าขนาดนี้ คุณคิดว่าเจ้าของจะยอมขายมันทิ้งเพียงเพราะเศษเงินไม่กี่หยวนเหรอ?”
เมื่อสวมใส่เหรียญทหารนี้ไว้ติดตัว มันก็จะเหมือนเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว เรือยอชต์เพียงลำเดียวก็มีมูลค่าหลายพันล้านแล้ว แต่นี่เขามีเฮลิคอปเตอร์ถึงห้าลำ เรือยอชต์ของเหล่าอภิมหาเศรษฐีอีกสิบลำ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะยอมขายเหรียญทหารเพียงแค่เพราะเศษเงินแค่นี้?
เหตุผลนี้เห็นได้ชัดว่ามันไม่ถูกต้อง
ถ้าไม่ใช่เพราะซื้อมา ความเป็นไปได้ที่เหลือก็ชัดเจนแล้ว ว่าถ้าไม่ใช่ขโมยมา หลอกเขามา ก็เก็บมาได้
ไม่ว่าจะได้มาเพราะสาเหตุไหน ก็รุนแรงทั้งนั้น
ของแบบนี้ไม่ใช่ของที่จะเก็บมาได้ง่าย ๆ ต่อให้เก็บได้มาจริง ๆ ก็ควรจะคืนเขาไป จะเอามาใช้ไม่ได้
ก็เหมือนกับการเก็บกุญแจรถของคนที่มีอำนาจมีอิทธิพลสักคนมาได้
ถ้าเก็บกุญแจรถของคนอื่นมาได้ คุณจะไปขับรถของคนอื่นเขาตามอำเภอใจเลยไหม?ถ้าไม่ได้รับอนุญาตแล้วขับรถของคนอื่น แบบนั้นเขาก็เรียกว่าเป็นการขโมย
ยิ่งไปกว่านั้นนี่ไม่ใช่รถยนต์ แต่มันเป็นเฮลิคอปเตอร์และเรือยอชต์!
ของมีมูลค่าราคาแพงแบบนี้ ต่อให้เป็นคนที่ร่ำรวยมากแค่ไหนก็ต้องรู้สึก ตอนนี้ฉินจุนไม่ใช่แค่ขโมยเหรียญทหาร แต่เรียกทั้งเฮลิคอปเตอร์และเรือยอชต์มากันหมดแบบนี้ แถมยังใช้เฮลิคอปเตอร์หนึ่งในนั้นด้วย
แบบนี้มันคือการขโมยของคนอื่น ถ้าหากวันใดวันหนึ่งมหาเศรษฐีตัวจริงจับได้ ถ้าอย่างนั้นก็จะพาลมาโกรธพวกเขาด้วย
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ถึงแม้ว่าฉินจุนจะขโมยของมา แต่ว่าฉินจุนก็เป็นแค่คนธรรมดาตัวเล็ก ๆ เท่านั้น
แต่ถ้าคนนอกมองเข้ามา คนที่ใช้เหรียญทหารอันนี้คือพวกเขาตระกูลหลิ่วต่างหาก!
ตระกูลหลิ่วไม่ใช่ตระกูลธรรมดาบ้าน ๆ ถ้าหากว่านายฉินจุนทำเรื่องแบบนี้ บางทีคนอื่นก็อาจจะคิดว่าเขาไม่รู้เรื่องไม่มีสมอง หรือไม่ก็คิดว่าเขาเป็นคนธรรมดาเกินไปที่จะทำเรื่องแบบนั้นได้ ก็อาจจะไม่สนใจอะไรปล่อยผ่าน
แต่กับตระกูลหลิ่วมันไม่เหมือนกัน ระดับตระกูลอภิมหาเศรษฐีอย่างตระกูลหลิ่ว ไม่ใช่คนธรรมดาไม่มีสมอง
พวกเขาอาจจะคิดว่า พวกเธอก็มีสมอง ยังมาใช้เหรียญทหารของพวกฉัน แบบนี้มันถือว่าเป็นการท้าทายหรือเปล่า?
พอคิดมาถึงตรงนี้แผ่นหลังของชิวหยวนฮวาก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
ถึงแม้ว่าตอนนี้หลิ่วชิงชิงจะเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ แต่ความเป็นจริงแล้วตระกูลอภิมหาเศรษฐียังมีอีกมากมาย เพียงแค่ว่าหลิ่วชิงชิงนั้นมีทรัพย์สินมูลค่ารวมเป็นอันดับหนึ่งก็เท่านั้นเอง
ตระกูลระดับสูงหลาย ๆ ตระกูล ต่างก็มาจากการนับจากทรัพย์สินมูลค่ารวมของตระกูล อีกอย่างก็มีอีกหลายตระกูลอภิมหาเศรษฐีที่ทำตัวธรรมดามาก ๆ มีเศรษฐีหลายคนที่ไม่มีใครรู้จัก ตระกูลแบบนี้มีมากมายเต็มไปหมด แต่ถ้าเมื่อได้ไปหาเรื่องพวกเขาเข้าล่ะก็ แม้แต่หลิ่วชิงชิงก็รับผิดชอบผลที่ตามมาไม่ไหว
ชิวหยวนฮวากัดฟันกรอด สีหน้าของเธอน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ
“ไอ้ฉินจุนนี่มันต้มพวกเราเสียจนเปื่อย!โชคดีที่พวกเราตามสืบเสียก่อน ถ้าหากว่าเราไม่สืบก่อนแล้วไปทำให้คนอื่นไม่พอใจเข้าก็คงจะไม่รู้เรื่อง!”
“แล้วตอนนี้จะทำยังไง?เราลองใช้อำนาจของพวกเราหน่อยไหม ลองสืบดูว่าสรุปแล้วเหรียญทหารอันนี้เป็นของตระกูลไหนกันแน่ แล้วเราก็ไปขอโทษเขาซะ?”