ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 82 ผู้บริหารซุน

ซูเหวินฉีขมวดคิ้ว ทันใดนั้นใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“หวังจื่อ อย่าทำเหมือนว่าเราสนิทกันได้ไหม ฉันเป็นอะไรกับคุณ? คุณอย่ามานั่งตรงนี้”

ซูเหวินฉีไม่ไว้หน้าเขาเลยสักนิด เดิมทีบริษัทแต่งตั้งให้ซูเหวินฉีเป็นแบบประธานที่มีอำนาจ ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับหวังจื่อเธอก็ยิ่งไร้ซึ่งความปรานีใดๆ

สีหน้าหวังจื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า

“เหวินฉีผมก็แค่หวังดี ทำไมคุณต้องเป็นแบบนี้ด้วย? คุณกำลังจะมีคอนเสิร์ตที่ตงไห่ใช่ไหม? แต่ผมได้ยินมาว่าขั้นตอนการแสดงของพวกคุณยังไม่ได้รับการอนุมัติ พอดีเลยวันนี้ผมเชิญผู้บริหารซุนของเมืองตงไห่มาทานอาหาร คุณก็ไปกันด้วยสิ?”

หวังจื่อไม่ได้โกรธเรื่องท่าทีที่ไม่แยแสของซูเหวินฉีเลย เขาสืบมาก่อนแล้วว่าสถานที่สำหรับการแสดงของซูเหวินฉียังไม่ได้รับการอนุมัติ เนื่องจากซูเหวินฉีไม่ใช่นักร้องท้องถิ่น ดังนั้นสนามกีฬาจึงให้สิทธิ์กับนักร้องท้องถิ่นก่อน

แม้ว่าซูเหวินฉีจะมีชื่อเสียงมาก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เขามั่นใจว่าซูเหวินฉีมีปัญหาที่ต้องแก้ไข ดังนั้นเขาจึงยกเรื่องนี้มาบีบเธอ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูเหวินฉีก็ขมวดคิ้ว และแค่นหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา

“เรื่องของฉัน คุณก็ยังสืบมาซะชัดเจนเชียวนะ!”

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารอบตัวเธอมีสายของหวังจื่อ เขาถึงได้รู้ข่าวแบบนี้ไวนัก

จริง ๆ แล้วคอนเสิร์ตที่จะมีขึ้นเร็ว ๆ นี้ของซูเหวินฉีมีปัญหานิดหน่อย และต้องการจะไปปรึกษากับผู้บริหารซุนอยู่ของตงไห่อยู่ตลอด แต่ก็ไม่ได้เข้าใกล้ผู้บริหารซุนเลย แม้แต่โอกาสให้เข้าพบก็ยังไม่มี

หวังจื่อเป็นคนตงไห่ และพ่อของเขาก็เป็นผู้ใจบุญที่มีชื่อเสียงในตงไห่ ดังนั้นจึงมีอำนาจเหนือกว่าผู้บริหารซุนอยู่บ้าง

ซูเหวินฉีเงียบไป ดูเหมือนกำลังลังเล

เมื่อเห็นท่าทางของเธอ หวังจื่อจึงยิ้มออกมา เขารู้ว่าซูเหวินฉีติดเบ็ดแล้ว

ยังไงซูเหวินฉีก็เป็นคนดัง นอกจากเธอจะหาเงินให้ตัวเองแล้ว ก็ยังมีกลุ่มคนอีกจำนวนมากที่อยู่ภายใต้การดูแลของเธอ ถ้าคอนเสิร์ตนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ คนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเธอก็อาจจะไม่มีเงินเดือนไปหลายเดือน ซูเหวินฉีใจอ่อนต้องยอมตกลง

เมื่อได้ยินดังนั้นฉินจุนจึงถามขึ้นมา

“ทำไมเหรอ คอนเสิร์ตมีปัญหาเหรอ?”

ซูเหวินฉีพยักหน้า ตอนแรกที่เธอออกไปหาฉินจุนเพื่อหาอะไรกินตอนกลางดึกก็เพื่อต้องการพักผ่อนเสียหน่อย และมีเวลาว่างของตัวเอง แต่ตอนนี้ก็ไม่มีแล้วทันทีที่หวังจื่อปรากฏตัว เขาเอาเรื่องกวนใจมาให้เธออีกแล้ว

น่ารำคาญจริงๆ!

หวังจื่อถามต่อ “เป็นไงเหวินฉี คุณคิดว่ายังไง? ผมนัดกับผู้บริหารซุนไว้ตอน 2 ทุ่ม ที่ห้องส่วนตัวชั้นบน คุณยังมีเวลาคิดอีก 20 นาที ว่าจะกินข้าวกับเขาต่อที่นี่ หรือจะขึ้นไปดื่มกับฉันสักสองสามแก้วข้างบน”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงขี้เล่นของหวังจื่อ ซูเหวินฉีก็ขมวดคิ้ว “คุณกำลังคุกคามฉันหรอ? คุณคิดว่าฉันจะขึ้นไปดื่มกับคุณเพราะเรื่องคอนเสิร์ตเนี่ยนะ? คุณคิดว่าฉันเป็นคนยังไง? ไสหัวไป!”

ฉินจุนได้ยินคำพูดนั้นจึงพูดขึ้น

“ก็แค่คอนเสิร์ตไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผมจะช่วยคุณแก้ปัญหาเอง”

หลังจากที่ฉินจุนพูดจบ หวังจื่อก็หัวเราะออกมาทันที

“คุณช่วยเธอแก้ปัญหานี้? คุณกำลังโม้อะไรเนี่ย! ตอนนี้ในเดือนนี้ เป็นช่วงเวลาที่วงการบันเทิงมาแรง ดาราระดับหนึ่งและสองต่างก็กำลังแย่งเพื่อตารางงานกัน คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของฉันทำการกุศลให้ตงไห่มากมายขนาดนั้น ฉันก็ไม่ได้เข้าพบผู้บริหารซุนหรอก!”

ฉินจุนเยาะเย้ย “ก็แค่ผู้บริหารซุน วิเศษมากเหรอ?”

หวังจื่อตกตะลึงครู่หนึ่ง แล้วก็หัวเราะเยาะเย้ย

“ฉันไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกับคุณจริง ๆ สินะ คุณโม้ซะฉันตามไม่ทันเลย คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? ก็แค่คนธรรมดา ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเหวินฉี แม้แต่ร้านนี้คุณก็เข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!”

“ยังจะมาเหิมเกริมอีกเหรอ? ถ้าไม่เห็นแก่หน้าของเหวินฉี ฉันให้บอดี้การ์ดมาเตะแกออกไปนานแล้ว! ฐานะแกคืออะไร? กะอีแค่แมงดาเกาะผู้หญิงกิน ยังจะตอแหลอีกเหรอ?!”

เมื่อได้ยินหวังจื่อเริ่มพูดมากขึ้นเรื่อย ๆ ซูเหวินฉีก็ตบโต๊ะทันที

“คุณจะจบไหม!”

ฉินจุนก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมาทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“ฐานะฉัน?”

“จะบอกให้นะ แม้แต่พ่อคุณเจอผมก็ต้องสุภาพกับผม”

ทันทีที่สิ้นสุดเสียงนั้นหวังจื่อก็โกรธมาก

“แกมันอวดดี! กล้าพูดถึงพ่อฉันเหรอ? แกรู้หรอว่าพ่อฉันเป็นใคร? เทียบได้กับไอ้บ้านนอกอย่างแกเหรอ?”

ประวัติของฉินจุน หวังจื่อสืบมาหมดแล้ว คุณชายคนโตของตระกูลที่ตกต่ำ ตอนนี้ก็เป็นแค่หมอคนหนึ่ง

ต่างก็ถูกตระกูลใหญ่ ๆ ในตงไห่ข่มขู่ ตอนนี้เขาก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

คนแบบนี้อยากจะมาคบคนที่สูงส่งกว่างั้นเหรอ? ก็เป็นได้แค่ดอกฟ้ากับหมาวัดเท่านั้นแหละ!

ซูเหวินฉียืนขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา

“หวังจื่อ! พอได้แล้ว! ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ เชิญคุณออกไปเดี๋ยวนี้!”

หวังจื่อแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา “เหวินฉี นัดพบกับผู้บริหารซุน บางทีฉันอาจจะมีแค่โอกาสนี้เท่านั้น ถ้าคุณพลาดล่ะก็ ต่อไปอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว!”

ยังไงก็หน้าแหกแล้ว เขาก็เลยขู่เธอออกมาตรง ๆ และบังคับให้เธอยอม

ฉินจุนหัวเราะเยาะเย้ยออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

“ต้องการพบผู้บริหารซุนใช่ไหม ฉันจะจัดการให้”

เมื่อสิ้นเสียง หวังจื่อก็หัวเราะออกมาทันที

“แกจะจัดการให้เหรอ?”

“แกกำลังเล่นมุกใช่ไหม พ่อฉันกว่าจะนัดผู้บริหารซุนได้ก็ยากลำบากมาก แกคิดว่าแกเป็นใคร? ถ้าแกนัดผู้บริหารซุนได้ ฉันจะเรียกแกว่าพ่อเลยก็ได้!”

ฉินจุนขี้เกียจจะเถียงกับเขาแล้ว เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลขโทรออก

ไม่นาน ก็โทรติด

“ศิษย์พี่ ฉันซุนเจี้ยนหมิน!”

“ตอนนี้คุณว่างไหม? จะเชิญคุณไปทานอาหารหน่อย”

ซุนเจี้ยนหมินอึ้งไปครู่หนึ่ง “มีสิ คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลย!”

ฉินจุนเป็นคนเชิญเขาไปทานอาหาร แม้ว่าจะมีเรื่องสำคัญ เขาก็ต้องเลื่อนออกไป

ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ซุนเจี้ยนหมินก็ว่าง เรื่องไปทานอาหารกับหวังจื่อน่ะ เรื่องเล็กน้อยแบบนี้เลื่อนไปก่อนก็ได้

หลังจากที่ฉินจุนบอกสถานที่ไป เขาก็วางสาย และพูดอย่างสบาย ๆ

“เรากินข้าวกันก่อนเถอะ เดี๋ยวซุนเจี้ยนหมินก็มา”

หวังจื่อหัวเราะออกมาเสียงดัง

“แกจะแสดงก็เอาให้มันเนียน ๆ หน่อยได้ไหม? เดี๋ยวก็มา? แกคิดว่าแกเป็นใคร? แค่โทรศัพท์ไปกริ๊งเดียวก็ชวนผู้บริหารซุนมากินข้าวกับแกได้? พ่อฉันยังทำไม่ได้เลย แกทำได้?”

ฉินจุนหัวเราะเยาะเย้ย “ได้ไม่ได้ อีกเดี๋ยวคุณก็รู้”

หวังจื่อมีสีหน้าขี้เล่น “แกจะตลกไปแล้วนะ ฉันไม่อยู่ที่นี่กับแกหรอก ฉันต้องลงไปรับผู้บริหารซุน เหวินฉี คุณยังมีเวลาคิดอีกสักครู่นะ ตัดสินใจได้แล้วก็บอกผม”

หลังจากพูดจบ หวังจื่อก็หัวเราะอย่างเย้ยหยัน และเดินลงไปชั้นล่าง

ไม่นาน รถหงฉีก็มาจอดอยู่ที่ทางเข้าร้านอาหาร

ซุนเจี้ยนหมินเดินเข้ามาพร้อมกับเลขา

เมื่อเห็นดังนี้หวังจื่อจึงรีบเข้าไปต้อนรับเขา

“คุณอาซุน ไม่เจอนานเลยนะครับ คุณมาเร็วจัง”

แม้ว่าซุนเจี้ยนหมินจะอายุไม่มาก แต่เขาเป็นเหมือนรุ่นพี่รุ่นน้องกับพ่อของเขาหวังอี้สุ่ย ดังนั้นเขาจึงเรียกเขาว่าอา มันดูสนิทกัน ไม่ห่างเหินดี

เมื่อซุนเจี้ยนหมินเห็นหวังจื่อเขาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เขามีนัดทานข้าวเย็นกับเขา

เขาขมวดคิ้วและพูดว่า

“เสี่ยวหวัง วันนี้ฉันไม่มีเวลาทานข้าวเย็นกับนายแล้วล่ะ ฉันมีนัดกับคนอื่นแล้ว เราค่อยนัดกันวันอื่นเถอะ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset