องค์กรตั้งอยู่ในใจกลางเมือง เป็นตึกพาณิชย์ขนาดใหญ่ 35 ชั้น
เดิมที ตึกนี้เป็นสำนักงานใหญ่ของตระกูลเมิ่งกรุ๊ปเพื่อก่อตั้งซวนหยวนกรุ๊ป ตระกูลเมิ่งกรุ๊ปเลยย้ายออกทั้งหมด ให้ตึกนี้ว่าง
ถนนหนึ่งในบริเวณของตึก ทำการคุ้มกันอย่างดี และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจพกติดอาวุธรักษาความสงบ ดูอลังการมาก รู้เลยว่าไม่ธรรมดา
ฉินจุนและจู้หลินหลินได้ขับรถออดี้ของเธอไปถึงหน้าตึก หลังลงจากรถ เห็นการป้องกันที่คุมเข้มขนาดนี้ จู้หลินหลินเริ่มรู้สึกกระวนกระวาย
“พี่เสี่ยวจุน ช่างมันเถอะ ถ้าไม่ได้จริง ๆ เราค่อยหาวิธีอื่น”
ถ้าเป็นพิธีเปิดปกติ จู้หลินหลินอาจจะคิดหาวิธีได้ แต่พิธีเปิดของซวนหยวนกรุ๊ปนั้นยิ่งใหญ่และอลังการ ระบบความปลอดภัยก็เข้ม และเธอก็ไม่ได้มีเส้นสายอะไรด้วย ถ้าอยากจะเข้าไปคงยากมาก
ส่วนคำที่ฉินจุนพูดว่า ตามเขาไปก็พอ จู้หลินหลินไม่ได้เชื่อเขาเลยสักนิด เพราะยังไงเธอก็เป็นคุณหนูของตระกูลจู้ อยู่ตงไห่มาตั้งหลายปี ตัวเองก็พอมีศักดิ์ศรีอยู่บ้าง
ฉินจุนเพิ่งกลับมาจากต่างถิ่น ไม่คุ้นคนและไม่ชินกับสถานที่ จะมีเส้นสายอะไร?
ตระกูลอื่นที่เคยมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลฉินตอนนั้น บ้างก็ตกต่ำหรือไม่ก็ทรยศ พวกเขาไม่มีทางที่จะช่วยฉินจุนอยู่แล้ว
“ไม่จำเป็น เราเข้าไปแบบนี้แหละ”
จู้หลินหลินรู้สึกกระอักกระอ่วน และกำลังคิดหาวิธีว่าควรทำอย่างไรดี แต่ฉินจุนนั้นได้ลากเธอเข้าไปข้างในแล้ว
“พี่เสี่ยวจุน ไม่ เรากลับกันเถอะ?”
ฉินจุนยิ้มและพูดว่า “สบายใจได้เลย”
ในขณะที่พูดคุยกัน พวกเขาก็ได้เดินมาถึงหน้าจุดตรวจความปลอดภัยแล้ว จู้หลินหลินไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี จะมาทำตัวไร้สาระแบบนี้กับพี่เสี่ยวจุนได้ยังไง? ถ้าโดนไล่ออกไปจริง ๆ ละก็ คนที่จะอับอายขายขี้หน้าในวันพรุ่งนี้ก็คงจะเป็นตระกูลจู้แล้วแหละ
“คุณผู้หญิง โปรดแสดงบัตรประชาชนด้วย”
ในขณะที่จู้หลินหลินคิดมากนั้น ก็ถึงตาเธอแล้ว เธอเลยจำเป็นต้องหยิบบัตรประชาชนด้วยความจนปัญญา
“ติ๊ด”
“เชิญเข้าครับ คุณผู้หญิง”
จู้หลินหลินอึ้งไปสักพัก เชิญเข้าเหรอ? ไม่ได้ฟังผิดใช่มั้ย?
“ฉันเหรอ ฉันเข้าไปได้เหรอ?”
“ได้แน่นอนครับ” เจ้าหน้าที่ตอบแบบหน้างนิ่ง
จู้หลินหลินและฉินจุนเดินผ่านจุดตรวจและเข้าไปในสถานที่จัดงาน
เธอยังดึงสติกลับมาไม่ได้เลย พี่เสียวจุนพาเธอเข้ามาได้จริง ๆ หรือ? เป็นไปได้ยังไงกัน!ตระกูลจู้ได้รับเพียงสองสิทธิ์เท่านั้น ทำไมบัตรประชาชนเธอถึงเข้ามาได้?
ในขณะที่เธอยังรู้สึกตกใจและดีใจ จู่ ๆ สองพ่อลูกจู้หมิงก็ได้เดินเข้ามา
“จู้หลินหลิน!เธออยู่นี่ได้ไง? !”
เมื่อเห็นคุณลุงและจู้เหวินเทา จู้หลินหลินก็ขมวดคิ้วเลย “ฉันมาอยู่นี่ได้งยังไง ก็ไม่เกี่ยวกับพวกคุณ”
จู้หมิงสีหน้าโกรธ “พวกเธอกล้าดียงไง ถึงได้แอบบเข้ามาแบบนี้? พวกเธอรู้หรือเปล่าว่าที่นี่มันเป็นที่แบบไหน?”
ตระกูลจู้มีทั้งหมดแค่สองสิทธิ์ จู้หมิงและจู้เหวินเทา ใช้สิทธิ์หมดแล้ว จู้หลินหลินเข้ามาไม่ได้แน่นอน การที่เธอปรากฏในงานนี้ ชัดเจนเลยว่าเธอแอบเข้ามาแน่นอน
ผู้หญิงคนนี้ช่างกล้าจริง ๆ
“ถ้าเธอโดนจับได้ มันจะไม่ใช่ความรับผิดชอบของเธอคนเดียวนะ มันจะทำให้ตระกูลจู้ของเราลำบากไปด้วย ความผิดนี้เธอแบกไหวเหรอ?!”
จู้หลินหลินขมวดคิ้วและพูดว่า “พวกเราก็ใช้บัตรประชาชนเข้ามาเหมือนกัน ไม่ได้แอบเข้ามานะ อย่าพูดจาเหลวไหล!”
จู้หมิ่งยิ้มอย่างเย็นชา “ใช้บัตรประชาชนเหรอ? พวกเธอมีสิทธิ์อะไร?”
“เธอจู้หลินหลินเป็นใคร ฉันจะไม่รู้ได้ไง? อย่างพวกเธอจะได้รับสิทธิ์เข้างานได้ยังไง? เธอเห็นฉันเป็นเด็กอายุสามขวบเหรอ?”
จู้หลินหลินพูด “พี่เสี่ยวจุนเป็นคนพาฉันเข้ามา พวกคุณลุงอย่ามากัดไม่ปล่อย ไม่งั้นคนที่จะขายหน้าจะเป็นพวกคุณลุงนะ”
จู้หมิงหัวเราะ “เขาเหรอ? เธอพูดว่าเขาสามารถเข้ามาได้งั้นเหรอ? จู้หลินหลินเธอโง่หรือเปล่า พูดอะไรของเธอ? อยู่กับเขาฝึกแต่เรื่องไม่ดีไม่ได้ จะปล่อยพวกเธอเข้าไปไม่ได้ ไม่งั้นจะขายขี้หน้าตระกูลจู้!”
เดิมทีจู้หมิงก็เป็นคนเห็นแก่ตัวอยู่แล้ว ถ้าโดนคนอื่นจับได้ว่าจู้หลินหลินกับฉินจุนแอบเข้ามา คนที่จะลำบากคงเป็นตระกูลจู้แน่นอน ไม่ใช่แค่จู้หลินหลินคนเดียว
แทนที่จะโดนคนอื่นจับได้ เขาแจ้งก่อนดีกว่า
“ร ป ภ.!ร ป ภ.!”
จู่ ๆ จู้หมิงก็ตะโกนออกมา สายตาทุกคนจ้องมาพร้อมกัน และมี ร ป ภ.สองคนเดินเข้ามา
“เกิดไรขึ้น?”
จู้หมิ่งชี้ไปทางจู้หลินหลินแล้วพูดว่า “พวกเขาไม่มีการ์ดเชิญ แอบเข้ามา! รีบเชิญพวกเขาออกไป!”
ทันใดนั้นสายตาของทุกคนกลายเป็นสายตาที่ดูสนุกขึ้นมา
สู้กันเองแล้ว!
ตระกูลจู้เหมือนกัน ทำไมถึงกัดกับคนบ้านเดียวกันล่ะ? ยังแจ้งกันและกัน?
มันช่างน่าสนใจจริง ๆ
ร ป ภ. สองคนเดินเข้ามาและรับบัตรประชาชนของฉินจุนกับจู้หลินหลินไปตรวจสอบอีกครั้ง
“ไม่มีปัญหาครับ แขกทั้งสองท่านมีทธิ์ที่จะได้รับคำเชิญ แถมยังเป็นที่นั่งวีไอพีอีกด้วย”
หลังพูดจบ จู้หมิ่งก็อึ้งไปเลย
“เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นไปได้!พวกเขามีสิทธิ์เข้างานได้อย่างไร แถมยังเป็นวีไอพีอีก? ดูผิดแล้ว พวกคุณดูผิดแน่ ๆ เลย!”
จู้หมิงตะโกนเอะอะโวยวาย ทำให้ผู้อื่นรู้สึกน่ารำคาญ
ทีแรกฉินจุนขี้เกียจสนใจพวกเขา แต่คิดไม่ถึงว่าไว้หน้าพวกเขาแต่พวกเขาไม่ไว้หน้า
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรไปหาเมิ่งเหวินกัง
“ศิษย์พี่นี่ผมเมิ่งเหวินกัง มีคำสั่งอะไรบอกมาได้เลย?”
“ตระกูลจู้ จู้หมิ่งและจู้เหวินเทา ตัดสิทธิ์ในการประมูลของพวกเขา”
ฉินจุนเพิ่งพูดจบ จู้หมิ่งก็หัวเราะ
“ไอ้คนแซ่ฉิน จะมาเสแสร้งกับฉันตรงนี้ทำไม? เสแสร้งต่อหน้าคนอื่นยังพอได้ แต่นี่ยังจะมาเสแสร้งต่อหน้าฉันอีกเหรอ? ฉันรู้เบื้องหลังของแกดีนะ!”
“คิดว่าโทรศัพท์สายเดียวของนาย จะสามารถทำให้ฉันขาดสิทธิ์ในการประมูลงั้นเหรอ? นี่ฝันกลางวันอยู่เหรอ!?”
ขณะที่จู้หมิ่งกำลังพูดจาใหญ่โตโอ้อวดนั้น เสียงโทรสารของ ร ป ภ. ก็ดังขึ้น
“เชิญพูดครับ หัวหน้า”
“ประธานเมิ่งแจ้งมาว่า ยกเลิกสิทธิ์ของตระกูลจู้ จู้หมิ่งและจู้เหวินเทา และก็ไล่พวกเขาออกไป”
แม้เสียงจะไม่ดัง แต่ทุกคนก็ได้ยินกันหมด
ตัดสิทธิ์เหรอ? ตัดสิทธิ์จริง ๆ เหรอ?
และยังเป็นประธานเมิ่งแจ้งเองอีกเหรอ?
แค่โทรศัพท์สายเดียวของฉินจุน ก็สามารถตัดสิทธิ์ประมูลของพวกเขาสองคน!
สายตาทุกคนที่มองมาทางฉินจุนได้มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ไอ้หนุ่มคนนี้ มีเบื้องหลังอะไรกันแน่?
จากนั้น ร ป ภ ก็เดินไปถึงหน้าเขาสองคน และพูดแบบหน้านิ่ง
“คุณสองคนถูกตัดสิทธิ์แล้วครับ เชิญออกจากงานครับ”
สีหน้าจู้หมิ่งเปลี่ยนอย่างมาก
“อะไร? พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันคือจู้หมิ่ง ตระกูลจู้ นี่ลูกชายฉันจู้เหวินเทา เราสองคนมีสิทธิ์ในการประมูลนะ!”
ร ป ภ.สีหน้าจริงจัง “ตอนนี้พวกคุณไม่มีแล้ว กรุณาออกไปเดี๋ยวนี้ครับ ไม่อย่างนั้นเราใช้มาตรการบังคับ”
จู้หมิ่งอึ้งไปเลย “อะไรคือไม่มีแล้ว? เป็นไปไม่ได้ ผู้รับผิดชอบของพวกคุณหล่ะ เรียกผู้รับผิดชอบของพวกคุณออกมา ก่อนหน้านี้เราคุยกันเรียบร้อยแล้ว”
ในขณะที่จู้หมิ่งพูดจาอึๆ อะๆ รปภ.หลายคนได้เข้าไปล้มพวกเขาลง ยกและโยนพวกเขาออกไป เหมือนพ่อลูกตระกูลหวังที่โดนก่อนหน้านี้เลย
จู้หลินหลินหันมามองไปที่ฉินจุน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เพียงแค่เวลาไม่กี่นาที พ่อลูกจู้หมิ่งก็โดนตัดสิทธิ์ไปแล้ว มันเป็นเพราะโทรศัพท์สายเดียวของฉินจุนจริง ๆ เหรอ?
กับเหตุการณ์นี้ฉินจุนไม่ได้สนอะไรเลย และพูดแบบเฉย ๆ
“หลินหลิน เรารีบหาที่นั่งกันเถอะ”
ใกล้ถึงเวลาแล้ว จู้หลินหลินก็ไม่มีเวลาคิดมาก รีบเดินเข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ หาที่นั่งตัวเองแล้วนั่งลง
หลังจากที่จู้หลินหลินนั่งลงก็เพิ่งจะรู้ว่า นี่มันที่นั่งวีไอพีตรงไหน มันคือตำแหน่งที่นั่งหลักชัดๆ อยู่กลางแถวหน้าสุด ข้างหน้าสองเมตรก็เป็นเวทีแล้ว ที่นั่งนี้มันดีเกินไปหรือเปล่า? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?