ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – ตอนที่ 113 นอนก็นอนด้วยกันแล้ว หลบไปก็ไม่มีประโยชน์

เมื่อมู่เจียเฉินพูดจบ ก็ลูบท้องตัวเองไปมา “พี่สะใภ้จะไปทำกับข้าวเมื่อไหร่ครับ”

“จะตอนไหนก็ไม่ทำทั้งนั้น”

สิ้นเสียงมู่นวลนวลก็หันหลังเดินกลับเข้าไปที่ห้อง

เธอจะไปกินข้าวลงได้อย่างไรกัน โม่ถิงเซียวทำให้เธอตกใจกลัวจนไม่หลงเหลือความอยากอาหารแล้ว

เมื่อคืนตอนอยู่ที่ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่เธอไม่ได้นอนทั้งคืน ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกหิวเลยแม้แต่นิดเดียว จะมีก็แต่ความรู้สึกง่วงเท่านั้น

โม่ถิงเซียวไม่ให้เธอหนีไปไหน แถมยังเอาเตียงในห้องของเธอออกไปทิ้ง ห้องอื่นๆ ก็นอนไม่ได้ ตอนนี้เธอเลยทำได้เพียง จำใจนอนที่ห้องนอนใหญ่

เธอไม่เชื่อหรอกว่าโม่ถิงเซียวจะทำอะไรเธอได้

ตอนที่เธอไปถึงห้องนอน โม่ถิงเซียวก็ไม่อยู่แล้ว

มู่นวลนวลถอดเสื้อคลุมตัวเองออก แล้วก็ปีนขึ้นไปนอนที่เตียงเลยทันที

……

เธอนอนหลับไปค่อนข้างนาน ตื่นมาอีกที ก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว

ในท้องว่างเปล่า หิวจนรู้สึกแสบไปหมด

พอเดินลงมาข้างล่าง กลับไม่มีใครอยู่ที่ห้องโถงเลย

มู่นวลนวลจึงเดินไปหาอะไรกินที่ห้องครัว และตัดสินใจทำพาสต้า ขณะที่เธอกำลังเดินถือเธอพาสต้าไปถึงห้องรับประทานอาหาร ก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของโม่เจียเฉินดังออกมาจากข้างนอก “มู่นวลนวล ผมไม่อยากไปโรงเรียน!”

“………”

มู่นวลนวลตักอาหารเข้าปากไปอย่างเงียบๆ สองคำ หยิบกระดาษทิชชูมาซับปาก แล้วจึงลุกขึ้นเดินไปยังห้องโถง

ภายในห้องโถง โม่เจียเฉินกอดขาโม่ถิงเซียว พลางร้องไห้ครวญครางอยู่ที่พื้น

แต่ทว่า บนใบหน้ากลับไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว

พอได้เห็นมู่นวลนวล ก็รีบวิ่งรี่ตรงเข้าไปกอดมู่นวลนวลทันที พลางสะอึกสะอื้นพูดว่า “ผมไม่อยากไปโรงเรียน……”

โม่ถิงเซียวเดินหน้านิ่งเข้ามาหา ยื่นแขนออกไปหิ้วโม่เจียเฉิน ก่อนจะโยนไปข้างๆ และพูดอย่างเยียบเย็นว่า “ไปขอให้เธอช่วยก็ไม่มีประโยชน์หรอก คุณน้าได้ฝากฝังนายเอาไว้กับฉันแล้ว เพราะฉะนั้นก็เป็นธรรมดาที่ฉันจะต้องอบรมสั่งสอนนายให้ดีๆ”

“อบรมสั่งสอน” เขาพูดเน้นคำสองคำนี้อย่างชัดเจนฉาดฉาน โม่เจียเฉินฟังแล้วก็รู้สึกเครียดขึ้นมาทันที

“มันก็ถูกต้องแล้วที่เด็กๆ อย่างนายต้องไปโรงเรียน แล้วจะร้องไห้ไปทำไม” มู่นวลนวลก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้ของโม่ถิงเซียว หลังจากที่เธอได้รู้จักกับโม่เจียเฉินแล้ว ก็รู้ได้ว่าเด็กคนนี้ดื้อขนาดไหน

ทว่า เธอก็ประหลาดใจกับท่าทางของโม่เจียเฉินที่เผชิญหน้ากับโม่ถิงเซียว

ราวกับหนูที่เจอเข้ากับแมว สั่นเทิ้มหวาดกลัวจนไม่เหลือซึ่งศักดิ์ศรี

โม่เจียเฉินส่ายหัว มองไปที่มู่นวลนวลด้วยสีหน้าที่ทุกข์ใจ “เธอไม่เข้าใจ”

การอบรมสั่งสอนของโม่ถิงเซียว ก็คือไม่ให้เขาเล่นเกมส์ ไม่ให้เงินค่าขนม

หรือก็คือ ทุกสิ่งที่เขาอยากจะทำ โม่ถิงเซียวจะสั่งห้ามไม่ให้ทำเด็ดขาด ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ไม่สามารถหลุดรอดไปจากสายตาของโม่ถิงเซียวได้ ราวกับตกนรกทั้งเป็น

ถ้ารู้ว่าแอบหนีกลับประเทศมา แล้วจะต้องมาอยู่ภายใต้การอบรมสั่งสอนของโม่ถิงเซียว เขาจะไม่มีวันกลับมาอย่างเด็ดขาด!

โม่เจียเฉินรู้ว่าตนหลีกหนีไม่พ้นชะตากรรมที่จะต้องถูกโม่ถิงเซียว “อบรมสั่งสอน” ก็เลยเดินขึ้นไปข้างบนคฤหาสน์

พอโม่เจียเฉินก้าวเท้าย่างออกไป มู่นวลนวลก็หันหลังเดินกลับเข้าไปกินพาสต้าต่อ

โม่ถิงเซียวเดินตามเธอเข้ามา “ต่อไปนี้ ไม่ว่าโม่เจียเฉินจะเล่นละครทำตัวน่าสงสารขนาดไหน ก็อย่าไปช่วยเขานะ”

มู่นวลนวลพูดเหน็บแนมเจือหัวเราะว่า “อื้ม ไม่ช่วยหรอก แต่ทั้งหมดเป็นการเล่นละครตบตามาตลอดเลยหรอ”

ที่จริงแล้ว ก่อนหน้านี้เธอก็เวทนาโม่ถิงเซียวมาตลอด

โม่ถิงเซียวรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงเหน็บแนมถากถางของเธอ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ชอบใจที่ ไม่ว่ามู่นวลนวลจะอ้าปากพูดหรือไม่พูดอะไร ก็จะต้องคอยเหน็บแนมเย้ยหยันอยู่เสมอ

ถึงแม้ว่าเขาจะโกหกมู่นวลนวลจริง แต่ทั้งหมดที่ทำอยู่ตอนนี้ก็เพื่อชดใช้ที่หลอกลวงเธอ เขาคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ให้อภัยกันได้

มู่นวลนวลหยิบส้อมค่อยๆ กินพาสต้าต่อ ไม่ต่อคารมกับโม่ถิงเซียวอีก

โม่ถิงเซียวมองดูเธอหนึ่งที ก่อนจะหันหลังเดินจากไป

……

ตกกลางคืน

มู่นวลนวลอาบน้ำเสร็จก็เดินเข้ามาที่ห้องอันว่างเปล่า ไร้ซึ่งเงาของโม่ถิงเซียว

เธอสวมชุดนอนที่ตนคิดว่ารัดกุมที่สุด ปีนขึ้นไปนอนบนเตียง ในหัวก็คิดอยู่ตลอดว่า อีกสักพักโม่ถิงเซียวก็คงจะเข้ามาในห้อง ถ้าเขาคิดจะทำอะไรเธอ เธอจะตอบโต้ยังไงดี……

สุดท้าย จนเธอเผลอหลับไป โม่ถิงเซียวก็ยังไม่มาอยู่ดี

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว

มู่นวลนวลลืมตาขึ้น พลางพลิกตัว พบว่าตนตกอยู่ในอ้อมกอดอันแน่นหนา คิดที่จะขยับตัวแต่ก็ทำไม่ได้

ลมหายใจอันคุ้นเคยของร่างที่อยู่ข้างกาย บอกเธอว่า คนนั้นคือโม่ถิงเซียว

เธอกัดฟันกรอด พร้อมกับเอาแขนของโม่ถิงเซียวออกไปจากตัวเธอ กลิ้งตัวหนีออกจากโม่ถิงเซียว มาอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของเตียงทันที

โม่ถิงเซียวก็พลันตื่นขึ้น เขานอนตะแคงข้างมองมาที่มู่นวลนวล ผมยุ่งเล็กน้อย ปกคอเสื้อของชุดนอนไหลลงมามากกว่าครึ่ง พร้อมดวงตาที่ยังสะลึมสะลือ ช่างเป็นภาพที่ดูแล้วรู้สึกอ่อนโยน

ถ้าไม่ได้รู้จักธาตุแท้ของเขาล่ะก็ เธอก็คงจะโดนเขาหลอกเป็นแน่

เธอมองเขาด้วยความระแวดระวัง เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเขากลับมาที่ห้องตอนไหน ซ้ำร้ายยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเขาขึ้นเตียงมาตอนไหน และไปตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาได้อย่างไร

โม่ถิงเซียวพลิกตัวลุกขึ้นจากเตียง เหลือบมองเธอหนึ่งที น้ำเสียงแหบพร่า พูดออกมาอย่างไม่มีความหมายลึกซึ้งอะไร “นอนก็นอนด้วยกันไปแล้ว หลบไปก็ไม่มีประโยชน์”

มู่นวลนวลทนไม่ไหว หยิบหมอนขึ้นมาแล้วปาใส่เขาทันที

โม่ถิงเซียวรับหมอนมาอย่างนิ่งๆ ไม่ได้รู้สึกเคืองเธอ แล้วจึงมุ่งตรงไปอาบน้ำ

……

อาหารเช้าวันนี้เป็นก๋วยเตี๋ยว เพราะโม่เจียเฉินร้องขอมา

ตอนแรกมู่นวลนวลก็ไม่ได้อยากทำกับข้าว แต่โม่เจียเฉินขอร้องเธออย่างน่าสงสาร “ตอนนี้พวกเราสองคนก็มีชะตากรรมเดียวกัน ถูกโม่ถิงเซียวรังแก ทำอาหารเช้าให้หน่อยเถอะนะ”

“……” แม้ว่าเธอจะอยากโต้แย้งปฏิเสธ แต่ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่โม่เจียเฉินพูดเป็นความจริง

เธอทำก๋วยเตี๋ยวมาสามชาม

โม่เจียเฉินรีบคว้าชามของตนแล้วออกไปทันที จากนั้นมู่นวลนวลก็หยิบมาหนึ่งชาม พร้อมกับถือกระปุกใส่เกลือไว้ในมือ เทเกลือครึ่งกระปุกลงไปในชาม จากนั้นก็คนให้เกลือผสมเข้าด้วยกันกับก๋วยเตี๋ยวในชาม

มู่นวลนวลยิ้มอย่างพอใจ ถือชามออกไปที่ห้องรับประทานอาหาร ก่อนจะวางไว้ข้างหน้าโม่ถิงเซียว

โม่ถิงเซียวไม่คาดคิดว่ามู่นวลนวลจะทำเผื่อเขาอีกชาม ดวงตาของเขาสื่อออกมาว่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก

สีหน้าของมู่นวลนวลมีรอยยิ้มอยู่จางๆ คีบเส้นก๋วยเตี๋ยวแล้วยื่นไปที่ปากของโม่ถิงเซียว พูดอย่างอ่อนโยนว่า “คุณลองชิมให้หน่อยสิ ว่าก๋วยเตี๋ยวที่ฉันทำอร่อยไหม”

โม่ถิงเซียวเงยหน้าขึ้น เห็นประกายตาวาววับออกมาจากดวงตาคู่สวยของเธอได้อย่างชัดเจน

รู้ได้ว่า จะต้องมีอะไรผิดปกติกับก๋วยเตี๋ยวชามนี้แน่

มู่นวลนวลเห็นดวงตาที่กระจ่างแจ้งของโม่ถิงเซียว ก็รู้ว่าเขารู้ทันแผนของเธอแล้ว ตกใจจนคิดที่จะเปลี่ยนชามให้

ทว่า โม่ถิงเซียวก็อ้าปากกินก๋วยเตี๋ยวที่เธอป้อนในทันที พร้อมทั้งเอ่ยออกมาโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงว่า “อร่อยดีนี่”

ถึงจะเค็มจนขม แต่ก็มีรสเหมือนอาหารฝีมือแม่

มู่นวลนวลคาดหวังว่าจะได้เห็นใบหน้าอันเหยเกของโม่ถิงเซียว ผิดคาดเขาไม่เพียงแค่ไม่เปลี่ยนสีหน้า ซ้ำยังเอาตะเกียบมาจากมือของเธอ พร้อมกับเริ่มทานก๋วยเตี๋ยวอย่างช้าๆ

มู่นวลนวลจ้องเขากินก๋วยเตี๋ยวหมดชามตาไม่กะพริบ โดยที่เขาไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลย

โม่ถิงเซียวคนนี้ที่ “กล้ำกลืนความเจ็บแค้นช้ำใจ” กับโม่ถิงเซียวคนเมื่อวานที่ข่มเหงเธอ ช่างดูแตกต่างราวกับเป็นคนละคนกัน

มู่นวลนวลมองเขาอย่างสับสน หันกลับไปรินน้ำให้เขาแก้วใหญ่

โม่ถิงเซียวรับแก้วน้ำมา แล้วจู่ๆ เขาก็ยิ้มออกมา หลุบตานึกถึงชัยชนะของแผนร้ายอันแยบยลนี้

ไม่ว่าจะงัดกลยุทธ์ หรือใช้วิธีแสดงท่าทีน่าสงสาร มู่นวลนวลก็ไม่มีทางที่จะเทียบชั้นเขาได้เลย

เธอคิดวิธีแก้แค้นเขาอย่างรอบคอบ เขาก็เพียงแค่เล่นไปตามน้ำเธอ เพื่อให้แผนแก้แค้นของเธอสำเร็จผลแค่นั้นเอง

และเธอก็เป็นคนใจอ่อน

เรื่องนี้รู้ได้ตั้งแต่วิธีที่เธอปฏิบัติต่อคนตระกูลมู่แล้ว

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: "มันน่าเกลียดเกินไป" เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: "ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย" เธอจ้องเขา : "คุณ…คุณทำไม่ได้ … " ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: "ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset