สีหน้าของโม่ถิงเซียวกับน้ำเสียงของเขามืดมนพอๆกัน เขาเห็นสายตาที่เย็นชาของมู่นวลนวลไม่มีความอบอุ่นเลยสักนิด และในสายตามีความเบื่อหน่าย เหมือนภาวนาให้เธอจากไปโดยเร็ว
มู่นวลนวลรับโทรศัพท์ของกูจื่อหยาน ตั้งแต่บ้านจนถึงตอนนี้ หัวใจของเธอก็ตุ้มๆต่อมๆ
ความกังวลและความไม่สบายใจที่อธิบายไม่ได้ห่อหุ้มเธอไว้ จนกระทั่งเธอเห็นว่าโม่ถิงเซียวยังมีชีวิตและยืนอยู่ตรงหน้าเธอ พูดคุยกับเธอ เธอจึงวางใจ
“คุณคิดว่าฉันอยากมาหาคุณหรอ?” มู่นวลนวลยิ้มและไม่ยอมแสดงให้เห็นว่าเธอด้อยกว่า
โม่ถิงเซียวส่งเสียงไล่เธออกไปในทันที:“ยังไม่ไปอีก?”
มู่นวลนวลเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไร และหันหลังเดินจากไป
กูจื่อหยานพูดว่าอะไร โม่ถิงเซียวกับเธอก็จูบกัน จูบบ้าบออะไร!
โม่ถิงเซียวเป็นราชันย์ปีศาจที่ไม่มีความแน่นอน ใครจะไปรู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะทำให้เขาขุ่นเคืองอีก
มู่นวลนวลเดินไปที่ประตูแล้วหมุนลูกบิดประตู แต่พบว่าประตูไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
เธอพยายามลองอีกหลายครั้ง แต่ประตูก็ยังไม่ขยับ
มีคนล็อกประตูจากข้างนอก!
คนที่โทรมาหาเธอคือกูจื่อหยาน และหลังจากที่เธอเข้ามาก็เป็นกูจื่อหยานที่ปิดประตู
แต่นอกจากสีหน้าของโม่ถิงเซียวแล้ว ก็เหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเขายังไล่เธอไป
ถ้าอย่างนั้นกูจื่อหยานจะล็อกกุญแจให้เธอกับโม่ถิงเซียวอยู่ด้วยกันทำไม?
กูจื่อหยานไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป อยู่ต่อหน้าโม่ถิงเซียวก็หวาดกลัวเช่นเดียวกันกับเธอ
เธอเดินกลับไปหาโม่ถิงเซียว มองเขาด้วยสีหน้าเย็นชาและนั่งลงที่ขอบเตียง ก่อนหน้านี้เขายังหน้าซีดขาว แต่ในตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นแดงแล้ว
“กลับมาอีกทำไม?”
โม่ถิงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและรำคาญ
แต่ตอนที่เขามองมาที่เธอ น้ำเสียงที่เย็นชาตรงกันข้ามกับแววตาทั้งคู่ของเขา
ข้างในนั้นคือการต่อสู้ อดทน และความบ้าคลั่ง
มู่นวลนวลอดไม่ได้ที่จะขยับถอยหลัง เธอกำมือแน่นและพูดอย่างไม่แน่ใจว่า:“คุณ……คุณถูกวางยารึเปล่า?”
เขาเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ร่างกายของเขาก็เย็นยะเยือก เห็นได้ชัดว่าเขาอาบน้ำเย็น
หลังจากที่เธอเข้ามา กูจื่อหยานก็ล็อกประตู
มู่นวลนวลไม่ใช่เด็กที่ไม่เคยกินหมูแต่เคยเห็นหมูวิ่ง ไม่เคยมีความรักแต่ก็เคยเขียนบทละคร……เป็นธรรมดาที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ให้โอกาสคุณครั้งสุดท้าย รีบไปซะ”
โม่เซียวถิงไม่ได้ตอบคำถามเธอ และไม่ได้กล่าวปฏิเสธ อย่างนั้นก็เข้าใจได้ว่ามู่นวลนวลเดาถูก
ในสมองของมู่นวลนวลสับสน เธอไม่ควรเชื่อคำพูดไร้สาระของกูจื่อหยาน
คนไม่น่าเชื่อถือจะทำสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ!
มู่นวลนวลพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า :“ประตูถูกล็อก”
โม่ถิงเซียวดูเหมือนจะตกตะลึงไปชั่วขณะ หลังจากที่ไตร่ตรองดูแล้ว เขาก็รู้ว่าสิ่งที่กูจื่อหยานทำนั้นเป็นเรื่องดี
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหากูจื่อหยาน แต่กูจื่อหยานทำเรื่องอย่างนี้แล้วจะรับโทรศัพท์เขาได้ยังไง
ดังนั้นจึงไม่สามารถโทรติดได้ และมีเสียงเตือน:“ขอโทษค่ะ สายที่ท่านเรียกได้ปิดใช้งานอยู่”
ตู๊ด!
โม่ถิงเซียวโยนโทรศัพท์ออกไปทันทีด้วยความโกรธ
มู่นวลนวลยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเอง แต่พบว่ากระเป๋าของเธอว่างเปล่า โทรศัพท์ของเธอน่าจะอยู่ที่บ้าน ไม่ได้หยิบออกมาด้วย
“ฉัน……ฉันจะออกไปข้างนอก……”
ชายหญิงอยู่ในห้องด้วยกันตามลำพัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์ของโม่ถิงเซียวเลย
เธอพูดจบก็ไปอย่างรวดเร็ว
เธอนั่งบนโซฟา ทุกนาทีและทุกวินาทีล้วนแต่อึดอัด
ในห้องนอนไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ มู่นวลนวลอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ ค่อยๆเดินและผลักประตูออกไป และได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำอีกครั้ง
โม่ถิงเซียวอาบน้ำเย็นอีกแล้วหรอ?
อันที่จริงเขาสามารถไปหาผู้หญิงสักคนมาแก้ไข้ปัญหานี้……
แต่เขาไม่ทำ
ก่อนหน้านี้สายตาที่เขามองเธอ ราวกับว่าจะกลืนกินเธอ แต่เขาไม่ได้คิดที่จะทำอะไรเธอ เขายอมที่จะอาบน้ำเย็นดีกว่าที่จะสัมผัสตัวเธอ
คนฉลาดอย่างโม่ถิงเซียว แน่นอนว่าดูออกว่าเธอไม่เต็มใจ ดั้งนั้นเขาจึงไม่ฝืนใจเธอ
จู่ๆมู่นวลนวลก็จำข้อความที่เคยอ่านในหนังสือได้:บางครั้งฉันก็คิดว่าความรักไม่ใช่บุญคุณเล็กๆน้อยๆ ฉันคิดว่าฉันสามารถใช้ชีวิตตามลำพังได้ แต่ฉันก็ยังรู้สึกหวั่นไหว
ถึงโม่ถิงเซียวจะเคยหลอกลวงเธอก็ตาม แต่เขาก็มีแผนการในใจ เผด็จการ และสามารถควบคุมได้
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถลบล้างสิ่งดีๆที่เขาทำกับเธอได้
ผู้หญิงมักจะหวั่นไหวง่าย
มู่นวลนวลยกมือขึ้นและลังเลอยู่ครึ่งนาที หลังจากนั้นก็รวบรวมความกล้าปิดประตูห้องน้ำ และเดินเข้าไป
ในห้องน้ำไม่ได้เปิดไฟ แต่แสงจากห้องนอนส่องผ่านเข้ามาจนเธอสามารถมองเห็นร่างของโม่ถิงเซียวได้อย่างชัดเจน
เขายืนหันหลังอยู่ใต้ฝักบัว เขาไม่ขยับ ดูเหมือนว่าร่างกายแข็งทื่อ
หลังจากนั้นไม่นานเสียงแหบของเขาก็ดังขึ้น:“มู่นวลนวล คุณทำอะไร?”
“คุณคิดว่าฉันในฐานะภรรยาของคุณ เดินเข้ามาในนี้เพื่อจะทำอะไร?”
มู่นวลนวลเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้าๆ เสียงที่แผ่วเบาในห้องน้ำสลัวๆ ชวนให้น่าหลงใหลเป็นพิเศษ
เธอเดินไปอยู่ที่ด้านหลังของโม่ถิงเซียว และน้ำจากฝักบัวก็ไหลลงมาบนร่างกายของเธอทำให้เธอหนาวสั่น
ดูเหมือนโม่ถิงเซียวจะได้สติกลับมา ปิดฝักบัว ดึงเสื้อคลุมอาบน้ำมาใส่ และลากมู่นวลนวลออกไปข้างนอก
มู่นวลนวลตามเขาออกไปด้วยใจที่เต้นแรง
หลังจากนั้น……เขาก็ผลักเธอออกนอกห้องนอนไป
มู่นวลนวลมองเขาด้วยความตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อว่าโม่ถิงเซียวจะไม่มีอารมณ์หวั่นไหวไปด้วย
ก่อนหน้านี้เขาคิดกับเธอ……
มู่นวลนวลกัดริมฝีปาก:“โม่ถิงเซียว คุณจะไล่ฉันไปจริงๆหรอ?”
เธอรู้สึกได้ว่าร่างกายของชายคนนี้สั่นมากขึ้น ทั้งสองคนอยู่ติดกัน และเธอยังรู้สึกว่าร่างกายของเขาตอบสนองทันที
เขาไม่พูดอะไร แล้วเขาก็ไม่ได้ผลักเธออกไป
มู่นวลนวลไม่รู้จะพูดอะไร เธอกัดฟันและจูบที่คอของเขาเหมือนไม่มีอะไร:“มาส่งให้ถึงประตูก็ไม่เอา?”
เธอจูบเสร็จก็กำลังจะถอนตัวจากไป จู่ๆโม่ถิงเซียวก็ก่อเปลี่ยนใจคว้าเอวของเธอไว้ ช่วงเวลาต่อมา ริมฝีปากของเขาถูกกดลงพร้อมกับลมหายใจที่แผดเผาราวกับจะกลืนกินเธอ จูบนั้นทั้งรีบร้อนทั้งหนักหน่วง
ขณะที่จูบกัน ทั้งสองก็ล้มลงบนเตียง
มู่นวลนวลตกตะลึงกับการจูบของเขา จู่ๆโม่ถิงเซียวก็ลุกขึ้นมองเธอ:“มู่นวลนวล มองมาที่ฉัน”
“อืม?” มู่นวลนวลหน้าแดง และเงยหน้ามองเขา ดวงตาของเขางดงาม
“จำคำที่ฉันพูดได้ไหม?หากมีรอยตราประทับของฉันโม่ถิงเซียวแล้ว ชั่วชีวิตนี้ก็อย่าคิดว่าจะหนีรอดจากเงื้อมือฉันไปได้”
เส้นเลือดบนหน้าผากโม่ถิงเซียวถูกทำลาย ดวงตาทั้งสองข้างแดงฉาน ทั้งตัวก็ตึงแน่นเกร็งไปหมด
มู่นวลนวลกะพริบตา และพูดอย่างแผ่วเบา:“ไม่ใช่ว่าฉันหนีไม่พ้น……”หรอ?
ประโยคสุดท้ายที่ไม่ได้พูดออกไป หายไปกับจูบที่โม่ถิงเซียวกดไว้
ท้ายที่สุดความอดทนและการควบคุมตนเองทั้งหมดก็พังทลายลง โม่ถิงเซียวก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออก และจูบลงไปที่คอของเธอเบาๆ