เมื่อเข้าไปนั่งในรถ มู่นวลนวลหันไปมองโม่ถิงเซียวเป็นระยะ
โม่ถิงเซียวสายตามุ่งมั่นขับรถไปด้านหน้า แต่เหมือนกับว่าบนศีรษะ ทันใดนั้นก็เปิดปากถามเธอ“เธอมองฉันทำไม?”
“ไม่…”มู่นวลนวลรีบหันหน้ากลับไป
เธอรู้สึกว่าโม่ถิงเซียวเป็นคนที่เก่งกาจ
หลังจากเจ้าสัวมู่กลับมา คนของตระกูลมู่อาจจะโทรศัพท์เรียกมู่นวลนวลกลับมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน แต่ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นวันนี้ตอนเที่ยง และถึงแม้ว่าเดาถูกแล้ว ควรจะโทรศัพท์มายืนยันก่อนสักหน่อย?
และโม่ถิงเซียวก็มาแล้ว ยืนยันแล้วว่าเขาไม่ได้สงสัยผิด เขาไม่คิดว่าการคาดเดาของผิดแต่อย่างไร
เขาเป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง
……
ทั้งสองคนก็ถึงตระกูลมู่อย่างรวดเร็ว
คนเฝ้าประตูของตระกูลมู่ก็มองเห็น โค้งตัวทำความเคารพพร้อมกัน “คุณหนูสาม”
มู่นวลนวลนำทางโม่ถิงเซียวเดินตรงเข้าไป
ในห้องโถงใหญ่ว่างเปล่าไม่มีคน ห้องครัวด้านข้างมีเสียงคนพูด
“นวลนวล! เธอกลับมาแล้วเหรอ!”
เสี่ยวชูเหอออกมาจากห้องครัว มองเห็นมู่นวลนวล เธอยิ้มจนตาหยี
มู่นวลนวลจะรู้สึกธรรมดาและเรียก “แม่”
หลังจากที่เสี่ยวชูเหอเดินเข้ามา มองเห็นโม่ถิงเซียวยืนอยู่ด้านหลังของมู่นวลนวล สีหน้าก็เปลี่ยนไป
เธอมองโม่ถิงเซียว ลากมู่นวลนวลเดินไปถึงข้างๆอื่น “นวลนวล เธอพาเขากลับมาทำไม?เธอไม่ใช่มาก่อนกวนใช่ไหม!เธอกับเขา…”
เสี่ยวชูเหอคล้ายกับรู้สึกว่าคำพูดหลังจากนี้ยากที่จะเอ่ยปาก หยุดไปชั่วคราวจึงจะพูด “ถึงแม้ว่าเธอกับเขามีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่สามารถพาเขากลับมาในบ้านทำตามอำเภอใจอย่างไม่กลัวเกรงใดๆ!ถ้าโม่ถิงเซียวรู้จะทำยังไง!”
โม่ถิงเซียวรู้แล้วจะทำยังไง?
ไม่รู้ กลับเป็นเขาที่อยากจะมา
“จะทำอะไรได้?รู้แล้วก็รู้สิ!”มู่นวลนวลสีหน้าไร้ความรู้สึก
เสี่ยวชูเหอถึงตอนนี้ยังนึกว่าโม่ถิงเซียวก็คือ“โม่เจียเฉิน”และมู่นวลนวลยังพาเขากลับมาด้วย คิดว่ามู่นวลนวลกับ“โม่เจียเฉิน”มีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสม
เพียงแต่ เห็นได้ชัดเจนว่าท่าทางของเสี่ยวชูเหอกับเมื่อก่อนไม่ค่อยเหมือนกัน
เมื่อก่อนทุกครั้งที่เธอพบกับมู่นวลนวลและ“โม่เจียเฉิน”อยู่ด้วยกัน ก็ตำหนิเธอ ครั้งนี้ในน้ำเสียงของเธอถึงแม้ว่าไม่เห็นด้วย แต่เพียงแค่กังวลว่าจะถูกโม่ถิงเซียวรู้เท่านั้นเอง
ท่าทางนี้เปลี่ยนแปลงจนเป็นที่ติดตราตรึงใจ
มู่นวลนวลไม่คิดที่จะมีปัญหากวนใจกับเสี่ยวชูเหอ ก็ถามออกไป “คุณปู่ล่ะ?”
เธอกับเขาอยากจะเจอเจ้าสัวมู่
“อยู่ชั้นบนในห้องหนังสือ ฉันพาเธอขึ้นไป”เสี่ยวชูเหอพูดพลาง ก็เดินขึ้นไปชั้นบน
ยังเดินไม่ถึงสองก้าว เธอหันหน้ากลับไปมอง“โม่เจียเฉิน”ยังคงเดินตามอยู่ด้านหลังมู่นวลนวล สีหน้าก็ค่อยๆเปลี่ยน“นวลนวล เธอ…”
มู่นวลนวลเหมือนกับดูความคิดของเสี่ยวชูเหอไม่ออก จงใจถามทั้งๆที่รู้ “มีอะไรคะ?”
เสี่ยวชูเหอหาได้ยากที่จะพูดไรดื้อรั้น “คุณชายโม่อยู่ในห้องรับแขกดื่มชาเถอะ นวลนวลแค่ขึ้นไปดูคุณปู่เธอเท่านั้นเอง เดี๋ยวก็ลงมาแล้ว”
“ไม่เป็นไร ผมกับเธอจะไปด้วยกัน”โม่ถิงเซียวพูดเสียงเย็นชา
ทันทีหลังจากนั้นก็ยื่นมือไปดึงมู่นวลนวล ก็ตรงขึ้นไปชั้นบน
บ้านของตระกูลมู่เจ้าสัวมู่แต่ก่อนได้ซื้อที่และสร้างขึ้นเอง บ้านมีขนาดใหญ่ ชั้นสองมีหลายห้องนอน
โม่ถิงเซียวถามเธอ“ห้องหนังสือของคุณปู่เธอคือห้องไหน?”
ถึงแม้ว่าหลายปีมานี้เจ้าสัวมู่จะอยู่ต่างประเทศยาวนาน ห้องหนังสือของเขาที่อยู่ในตระกูลมู่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง นานๆครั้ง ก็จะมีคนรับใช้มาทำความสะอาด
“คือห้องนี้”
มู่นวลนวลพาโม่ถิงเซียวมาถึงหน้าประตูห้องหนังสือของเจ้าสัวมู่ เธอกับโม่ถิงเซียวสบตากัน ก็ยื่นมือออกไปเคาะประตู
ในห้องก็มีเสียงที่ทรงพลังดังขึ้นมา “เข้ามา”
มู่นวลนวลผลักประตูเข้าไป ก็มองเห็นเจ้าสัวมู่ที่ยืนอยู่ที่ด้านหน้าชั้นวางหนังสือในมือกำลังพลิกดูหนังสือ
เจ้าสัวมู่ชื่อมู่เจิ้งซิว เป็นกลุ่มคนแรกของศตวรรษที่เข้าสู่วงการธุรกิจ
มีสติปัญญา มีความรู้ แต่ไม่มีสมองทำการค้าขาย
ดูออกว่า หลายปีมานี้เขาบำรุงรักษาสุขภาพเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าผมจะเปลี่ยนเป็นจำนวนน้อยลง แต่ถูกหวีเป็นระเบียบ สวมใส่แว่นสายตายาว สวมใส่เสื้อเชิ้ตกับเสื้อกั๊กอย่างพิถีพิถัน ทั้งร่างกายดูเหมือนศาสตราจารย์ที่มีวิชาความรู้ในมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง
มู่นวลนวลไม่มีความประทับใจกับมู่เจิ้งซิว ในเวลานี้มองเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้า ท้ายสุดในสมองก็รู้สึกถึงคำว่า“คุณปู่”
เธอตะโกนเรียกออกไป“คุณปู่”
ได้ยินเสียงของเธอ มู่เจิ้งซิวจึงเงยหน้าขึ้นมามองเธอ
ถึงแม้ว่าเขาจะอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว แต่ดวงตาคู่นั้นของเขายังคงแหลมคม
เขามองไปที่แววตาของมู่นวลนวลทีแรกรู้สึกแปลกหน้า ทันทีหลังจากนั้นก็ไตร่ตรอง และพูดออกมา“เจ้าสาม?นวลนวล?”
เสียงเรียกว่า“เจ้าสาม”ได้ยินแล้วก็รู้สึกสนิทสนม
มู่นวลนวลพยักหน้า“คุณปู่ ใช่ค่ะฉันเอง”
“ในเวลาที่ฉันไป เธอยังไม่โตแค่นี้”มู่เจิ้งซิวพูดพลาง เปรียบเทียบกับความสูงกว่ากับโต๊ะหนังสือ“ชั่วพริบตาเดียว เธอก็โตแล้ว”
เขาเดินออ้มโต๊ะหนังสือตรงไปที่มู่นวลนวล น้ำเสียงค่อนข้างทอดถอนใจ
ตอนนี้ เขาเพิ่งจะสนใจคนที่อยู่ด้านหลังของมู่นวลนวล
มู่เจิ้งซิวดวงตาแข็งกร้าว สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
โม่ถิงเซียวก้าวเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ยืนอยู่ใกล้มู่เจิ้งซิวมากขึ้น ให้มู่เจิ้งซิวได้เห็นหน้าเขาได้ชัดเจน และพูดเสียงอ่อนๆออกไป“เจ้าสัวมู่ ไม่เจอกันนาน”
สีหน้าของมู่เจิ้งซิวเปลี่ยนหลายครั้ง สุดท้ายก็สงบลง ถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจ “นายคือ…โม่ถิงเซียว?”
“ใช่ครับผมเอง”โม่ถิงเซียวกระตุกริมฝีปาก บนใบหน้าไม่พบแม้แต่รอยยิ้ม
ชั่วพริบตาเดียวบรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนเป็นนิ่งไม่ไหวติง
มู่นวลนวลคาดไม่ถึงว่ามู่เจิ้งซิวจะรู้จักโม่ถิงเซียว
“นาย…”
มู่เจิ้งซิวกำลังเตรียมจะพูดอะไร ทันใดนั้นด้านนอกก็มีเสียงของคนรับใช้ดังขึ้น “นายท่าน ถึงเวลาทานอาหารแล้ว”
“ไปทานอาหารกันก่อน”มู่เจิ้งซิวมองไปที่โมถิงเซียว หันตัวกลับแล้วเดินออกไปด้านนอก
มู่นวลนวลมองโม่ถิงเซียว และเดินอยู่ด้านหลังกับเขา แล้วถาม“คุณกับคุณปู่ฉันเมื่อก่อนเคยเจอกัน?เขารู้จักคุณ?”
โม่ถิงเซียวไม่ได้ปฏิเสธ กลับตอบตรงไปตรงมา“อืม”
……
ในเวลาที่มู่นวลนวลเดินมาถึงห้องอาหาร คนอื่นๆสามคนในตระกูลมู่ก็นั่งรออยู่หน้าโต๊ะอาหาร
มู่หวันฉีมองเห็นมู่นวลนวลคาดไม่ถึงว่ายังพา“โม่จียเฉิน”กลับมาที่ตระกูลมู่ พูดออกไปอย่างเย็นชา “นวลนวล วันนี้เป็นวันที่ครอบครัวทานอาหารกันพร้อมหน้า เธอพาคนนอกกลับมาทำไม?”
ถึงแม้ว่า“โม่เจียเฉิน”จะหน้าตาดี แต่เขาก็ไม่สนใจเธอ ตอนนี้เธอชอบซือเฉิงยวี่แล้ว รู้สึกว่าซือเฉิงยวี่มีฐานะสูงกว่า“โม่เจียเฉิน” และขี้เกียจจะทำให้“โม่เจียเฉิน”มาสนใจแล้ว
ไม่รอให้มู่นวลนวลได้พูด มู่เจิ้งซิวก็เงยหน้าชำเลืองมองมู่หวันฉีอย่างเย็นชา
ถึงแม้ว่ามู่เจิ้งซิวจะรักและทะนุถนอมมู่หวันฉีสองพี่น้อง แต่ก็ไม่เหมือนกับมู่ลี่หยานที่รักเอ็นดูไม่มีสมองอย่างนั้น เขาค่อนข้างเด็ดขาด
มู่หวันฉีก็กลัวเขานิดหน่อย รีบก้มหน้าไม่กล้าพูดอีก