ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – ตอนที่ 177 ขึ้นไปบนปลายกิ่งไม้ได้เหมือนหงส์

มู่นวลนวลมองในห้องห้องของเขาแล้วรู้สึกมีความอยากรู้อยากเห็นมาก

ที่มุมโต๊ะหนังสือเธอเห็นรูปผู้หญิงและเด็ก

รูปนี้ถ่ายในช่วงฤดูร้อน เด็กผู้ชายในรูปหน้าตาน่ารัก สวมชุดนักเรียนกับกางเกงขาสั้นแขนสั้น มองกล้องด้วยรอยยิ้มที่สดใสมาก

และผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขารูปร่างสมส่วนสวมชุดเดรสสีขาว ยิ้มอย่างอ่อนโยนและมีความสุขุมเล็กน้อย

“แม่ของฉัน”

เสียงแหบๆของโม่ถิงเซียวดังมาจากด้านหลัง

หลังจากนั้นเขาก็เอาแขนมาโอบเอวของเธอ หน้าอกที่บึกบึนและอบอุ่นของเขาแนบชิดกับหลังของเธอ เธอก็ถูกห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายความเยือกเย็นบนร่างกายของเขา

มือที่ว่างเปล่าของเขายื่นไปสัมผัสผู้หญิงที่อยู่ในรูป และค่อยๆอธิบายที่มาของรูปนี้ให้เธอฟัง

“ในวันเด็กปีนั้น เธอไปโรงเรียนของฉันเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมพ่อแม่ลูก หลังจากนั้นก็ถ่ายรูปรูปนี้”

มู่นวลนวลหันกลับไปมองเขา และจ้องมองเด็กผู้ชายในรูปอีกครั้ง

เด็กน้อยในรูปยิ้มอย่างสดใสโดยไม่มีร่องรอยของความทุกข์ มันยากที่จะจินตนาการว่าสิบกว่าปีต่อมาโม่ถิงเซียวจะเป็นเหมือนในตอนนี้

เขาหน้าตาหล่อเหลาและฉลาด แต่เข้าเก็บความทุกข์ที่คนธรรมดาไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ และอารมณ์ของเขาก็ไม่คงที่ เมื่อใดก็ตามที่เขาพบสิ่งที่เกี่ยวข้องกับแม่ของเขา เขาจะกลายเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวและไร้เหตุผล

ถ้าเป็นไปได้ ทุกคนก็อยากอยู่อย่างมีความสุข

แต่โม่ถิงเซียวก็ถูกบังคับให้กลายเป็นแบบนี้

จิตใจมนุษย์จะเลวร้ายได้แค่ไหนกัน?

มู่นวลนวลก็ยากที่จะจินตนาการ ซึ่งตอนนั้นโม่ถิงเซียวอายุเพียงสิบเอ็ดขวบ เขาเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเขา เธอถูกดูถูกเหยียดหยามต่อหน้าต่อตาเพื่อที่จะช่วยเขาไว้

มันยิ่งยากที่จะจินตนาการว่าต่อมาเขาต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการที่จะเดินออกมา

ถึงแม้ว่านิสัยของโม่ถิงเซียวจะยากที่จะคาดเดา และไม่ใช่คนที่ใจดีอะไร แต่มู่นวลนวลรู้ว่าเขาจะไม่กลายเป็นเหมือนกับคนที่ทำร้ายและดูถูกเหยียดหยามแม่ของเขาในปีนั้น

ถ้าหากว่าในปีนั้นคดีของแม่เขาเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลโม่จริงๆ……

มู่นวลนวลอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

โม่ถิงเซียวรู้สึกได้ถึงปฏิกิริยาของคนที่อยู่ในอ้อมแขน จึงถามเธอว่า:“เครื่องทำความร้อนต่ำเกินไปหรอ?หนาว?”

“เปล่า” มู่นวลนวลส่ายหัว เพราะเรื่องของโม่ถิงเซียว ทำให้เธอรู้สึหดหู่:“ตระกูลโม่ของพวกคุณมีกี่คน?”

แม้ว่าวันนี้ที่เธอกับโม่ถิงเซียวเข้ามาแล้วเห็นเพียงคนรับใช้กับบอดี้การ์ด รวมถึงเจ้าสัวโม่กับโม่ชิงเฟิง แต่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ น่าจะมีคนอื่นอาศัยอยู่อีก

โม่ถิงเซียวส่ายหัว:“ไม่รู้ นับไม่ถ้วน มีทั้งคนที่อยู่ที่บ้านเก่า คนที่ไปอยู่ที่อื่น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ……เยอะแยะมากมาย”

โม่ถิงเซียวลดสายตาลง มองไปที่สีหน้าที่เคร่งขรึมของเธอ และเปลี่ยนเรื่องอย่างสงบเยือกเย็น:“คุณปู่ให้ซองอั่งเปาคุณ ไม่เปิดดูหรอ?”

แน่นอนว่ามู่นวลนวลหันมาสนใจเขาทันที เธอหยิบซองอั่งเปาออกมา และพูดด้วยรอยยิ้มว่า:“ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเช็ค”

โม่ถิงเซียวยิ้มตาม:“คุณปู่เป็นคนใจกว้าง”

เขาหมายถึงว่าการให้เช็คไม่ถือว่าใจกว้าง?

มู่นวลนวลไม่เข้าใจโลกของคนรวย

คนรวยในละครทีวีไม่ใช่ชอบเซ็นเช็คให้หรอ?

“ลองเปิดดูสิ” โม่ถิงเซียวดึงเธอไปนั่งลงที่เตียง และจ้องมองเธอด้วยสายตาที่อึมครึม

มู่นวลนวลเปิดซองอั่งเปา และดึงบัตรใบบางๆออกมา

มองแค่แวบเดียวดวงตาของมู่นวลนวลก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ

เธอรู้จักบัตรใบนี้ นี่เป็นบัตรสีดำที่เคยทำให้มู่หวันฉีกับเซินชูฮันตกตะลึง!

ไม่รอให้เธอพูด โม่ถิงเซียวก็ขมวดคิ้วและพูดว่า:“นี่สิถึงจะเป็นความจริงใจของคุณปู่”

“ว่ากันว่านี่เป็นบัตรสีดำรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นระดับโลกของโม่กรุ๊ป?” หลังจากที่มู่นวลนวลถูกมู่หวันฉีหลอกก่อนหน้านี้ เธอก็ไปค้นหาในอินเทอร์เน็ต แต่ก็เป็นเพียงคำบอกเล่าที่ไม่ถูกต้อง

“มีเพียงคนของตระกูลโม่เท่านั้นที่มี แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะมี” โม่ถิงเซียวหยิบบัตรสีดำขึ้นมาดู แล้วพบว่ามันเป็นบัตรที่เพิ่งทำใหม่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม

ดูเหมือนว่าคุณปู่จะเตรียมของขวัญที่จะให้เมื่อพบกันครั้งแรกไว้แล้ว ดูท่าเขาคงทำความรู้จักกับมู่นวลนวลแล้ว

มู่นวลนวลถามกลับ:“แล้วข้างในนี้มีเงินเท่าไหร่?”

โม่ถิงเซียวตอบอย่างสบายๆว่า:“ไม่รู้สิ”

“ไม่รู้หมายความว่ายังไง?”

“ฉันใช้บัตรนี้รูดมาตั้งแต่เด็ก ซื้อรถซื้อคฤหาสน์ และก่อตั้งบริษัท แต่ฉันก็ยังใช้ไม่หมด”

มู่นวลนวล:“……”

……

มู่นวลนวลและโม่ถิงเซียวพักอยู่ที่บ้านเก่าของตระกูลโม่หนึ่งคืน

เช้าวันต่อมา มู่นวลนวลตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นโม่ถิงเซียวอยู่ข้างๆแล้ว

มู่นวลนวลเดาว่าเขาน่าจะไปหาเจ้าสัวโม่

ห้องของโม่ถิงเซียวอยู่ไม่ใกล้กับที่พีกของเจ้าสัวโม่ มู่นวลนวลล้างหน้าล้างตาเสร็จก็เดินมาหาเขาที่ชั้นล่าง

เธอเดินมาได้ครึ่งทางก็เจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเดินมา

มู่นวลนวลเห็นไกลไกลว่าผู้หญิงคนนั้นเดินตรงมาทางเธอ เธอหันข้างให้ผู้หญิงคนนั้นเดินผ่านไป แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่มีแววตาราวกับว่าไม่เห็นมู่นวลนวล และไม่ได้ตั้งใจที่จะหลีกทางให้เลยแม้แต่น้อย จนกระทั้งชนเข้ากับไหล่ของมู่นวลนวล

ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้น สีหน้าของเธอเย็นชา และมองไปที่มู่นวลนวลด้วยความรังเกียจ:“เธอเป็นคนใช้ที่มาใหม่ใช่ไหม?ไม่รู้กฎของตระกูลโม่หรอ?”

ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าหน้าตาสะสวยและแต่งตัวดี มองดูก็รู้ว่าน่าจะเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลโม่

มู่นวลนวลตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา:“ตระกูลโม่มีกฎอะไรฉันไม่รู้ ฉันรู้แค่ว่าเธอชนฉันก่อน”

ตระกูลโม่ไม่มีคนรับใช้ที่กระด้างกระเดื่องอย่างนี้

เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยินที่มู่นวลนวลพูดก็เงยหน้าขึ้นมอง

ขณะที่ผู้หญิงคนนั้นมองมู่นวลนวล ในแววตาของเธอก็มีความประหลาดใจ ตอนที่เธอเดินมาไม่ได้สังเกตว่ามู่นวลนวลหน้าตาสวยมากขนาดนี้

และมู่นวลนวลมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า เธอก็รู้สึกว่าคุ้นเคย

เธอคิดๆดูแล้วก็นึกออกว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอกำลังโด่งดังมากในตอนนี้ เธอคือโม่เอินหยา เป็นพิธีการรายการวาไรตี้

โม่เอินหยาจู่ๆก็โด่งดัง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ข่าวคราวก็ไม่มีใดๆ บนโซเซียลมีการคาดเดาเบื้องหลังของเธอว่าเป็นคนของตระกูลโม่ แต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน

“ไม่ใช่คนรับใช้ในบ้านหรา แล้วทำไมมาเดินเพ่นพ่าน เป็นแขกก็ควรตระหนักถึงสิ่งที่แขกควรมี อย่าคิดว่าถูกพามาที่บ้านตระกูลโม่แล้ว จะสามารถปีนขึ้นไปบนปลายกิ่งไม้ได้เหมือนหงส์” โม่เอินหยามองด้วยสายตาเหยียดหยาม แล้วก็หันเดินจากไป

ตระกูลโม่มีผู้ชายหลายคน บางครั้งพวกเขาก็จะพาผู้หญิงกลับไปพักค้างคืน โม่เอินหยาจะคิดว่ามู่นวลนวลเป็นผู้หญิงพวกนั้นก็ไม่แปลก

มู่นวลนวลฟังความหมายของเธอออก

เธอกลอกตาและพบว่าไม่ใช่ทุกคนในตระกูลโม่ที่จะฉลาดเหมือนโม่ถิงเซียว ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ไม่เข้าใจความจริง และเข้าใจว่าความคิดของตนเองถูกต้อง

โม่ถิงเซียวออกมาจากสวนหลังบ้าน และกำลังจะไปเรียกมู่นวลนวลมาทานอาหาร แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะมาหา

เมื่อเห็นว่าสีหน้าจองเธอไม่ค่อยดีนัก เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า:“เป็นอะไร?”

“เปล่า” มู่นวลนวลยักไหล่

โม่ถิงเซียวเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองไปทางอื่น เมื่อตะกี้โม่เอินหยาไปหาคุณปู่ ตอนที่เธอออกมาน่าจะเจอกับมู่นวลนวล

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: "มันน่าเกลียดเกินไป" เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: "ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย" เธอจ้องเขา : "คุณ…คุณทำไม่ได้ … " ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: "ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset