มู่นวลนวลกล่าวจบก็เปิดไฟ ยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์แล้วทำท่าจะออกจากห้องไป
โม่ถิงเซียวบอกว่าเขาเหนื่อย แล้วเธอไม่เหนื่อยบ้างหรือไงกัน
เมื่อเป็นดังนี้ ให้ต่างฝ่ายต่างไปสงบสติอารมณ์จะเป็นการดีที่สุด
แต่ทว่าโม่ถิงเซียวไม่ยอมปล่อยให้เธอไปทั้งอย่างนี้
เขาเป็นคนรูปร่างสูงขายาว พอลงมาจากเตียงก็ก้าวขาเดินเพียงสองสามก้าวก็มาหยุดอยู่ข้างหน้าเธอแล้ว ขวางทางไม่ให้เธอเดินต่อไปได้ “ดึกมากแล้วอย่าหาเรื่องทะเลาะกันเลย”
“ตอนนี้คือนายต่างหากที่กำลังหาเรื่อง” มู่นวลนวลเงยหน้าขึ้นมองเขา แสดงท่าทางขรึมเฉกเช่นเดียวกันกับเขา
โม่ถิงเซียวยกมือขึ้นนวดบริเวณระหว่างหัวคิ้ว ในดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนล้าเต็มที “เพราะเรื่องเมื่อเช้านี้เหรอ”
มู่นวลนวลไม่เอ่ยปากคุยด้วย เรื่องเมื่อตอนเช้านี้เป็นเพียงแค่ชนวนเดียวก็เท่านั้น
ช่วงนี้ทั้งสองคนยุ่งมาก ถือได้ว่าเป็นเพียงคนที่อาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกันเท่านั้น ทุกวันมีแค่ตอนที่ตื่นขึ้นมากลางดึกเท่านั้นที่จะได้พบเห็นหน้าเขา
เมื่อวานนัดกินข้าวที่ร้านจินติ่ง ทั้งใจมู่นวลนวลเต็มไปด้วยความคิดที่ว่าโม่ถิงเซียวจะมาถึงตามเวลานัด แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังมาสายเสียอย่างนั้น
ทว่าเขาก็ได้อธิบายแล้วว่าระหว่างทางไปเจออุบัติเหตุรถชนเข้าทำให้การจราจรติดขัด มู่นวลนวลไม่ใช่คนงี่เง่าไร้เหตุผลที่รังแต่จะหาเรื่องผู้อื่น จริงๆ แล้วเธอก็ไม่คิดหยุมหยิมเพื่อที่จะทะเลาะต่อแล้ว
แต่ว่าเช้าวันนี้ เธอก็ดันตกเป็นหัวข้อประเด็นร้อนกับซือเฉิงยวี่อีก เดิมทีในใจเธอก็กลัดกลุ้มจนเป็นทุกข์อยู่แล้ว ซ้ำร้ายยังมาเจอน้ำเสียงกล่าวโทษเธอของโม่ถิงเซียวอีก เธอจึงทนอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว
ในด้านของอารมณ์ความรู้สึก ผู้หญิงส่วนมากมักจะใส่ใจปัญหาด้านอารมณ์ของพวกผู้ชายทั้งนั้น
“วันนี้ดึกมากแล้ว ฉันไม่อยากจะคุยเรื่องนี้อีก” มู่นวลนวลไม่อยากคุยเรื่องนี้กับโม่ถิงเซียวตอนเวลากลางดึกค่อนคืนเช่นนี้
อีกทั้งพรุ่งนี้ยังต้องไปทำงาน โม่ถิงเซียวก็ยุ่งเสียจนตัวเป็นเกลียว เธอหวังว่าความขัดแย้งเล็กน้อยระหว่างพวกเธอทั้งสองจะสามารถค่อยๆ พูดปรับความเข้าใจกันได้ในภายหลัง
แต่ในช่วงเวลาที่ทุกอย่างยังระอุอยู่เช่นนี้ ทั้งคู่แยกห้องกันนอนเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่เช่นนั้น เธอกังวลเป็นอย่างมากว่าพวกเธอทั้งสองจะทะเลาะกันได้
โม่ถิงเซียวพูดออกมาเพียงคำเดียวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ได้”
หลังจากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมาแล้วพากลับไปบนเตียงอีกครั้ง ใช้กำลังให้เธออยู่ในอ้อมกอดเขา “นอนเถอะ”
มู่นวลนวลพบว่าการคุยด้วยเหตุผลกับผู้ชายคนนี้ โม่ถิงเซียว เป็นสิ่งที่ไม่อาจเป็นไปได้เลย
เช้าวันที่สอง มู่นวลนวลถูกปลุกให้ตื่นเนื่องจากเสียงที่โม่ถิงเซียวก่อขึ้น
ทันทีที่เธอลืมตาขึ้น ก็สบเข้ากับนัยน์ตาสีดำสนิทที่ราวกับจะถูกดูดให้จมลึกลงไป
“ตื่นแล้วเหรอ”
เขายื่นแขนออกไปกดแขนเธอตรึงเอาไว้ “คุณทำอะไรน่ะ!”
เสียงที่พึ่งตื่นนอนแหบพร่าเล็กน้อย ฟังแล้วให้ความรู้สึกที่ไร้เดียงสาเล็กน้อย
ระหว่างคิ้วของโม่ถิงเซียวย่นนิดหน่อย ก่อนจะโน้มตัวไปจูบเธอ โดยเริ่มไล้จากบริเวณพวงแก้มสีแดงระเรื่อของเธอ จูบไล่ไปจนถึงใบหู แล้วจึงเอ่ยพูดด้วยเสียงที่เริ่มหอบหายใจหนัก “ช่วงนี้ยุ่งมากๆ เลย”
เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นมู่นวลนวลจำได้ไม่ค่อยชัดเจนนักแล้ว
จำได้เพียงแค่ว่า เขากดร่างทับลงมา ใช้ประโยชน์จากการที่สติยังไม่แจ่มชัดของเธอ ทั้งยังใช้กำลังบังคับควบคู่กับการโอ้โลมชักนำ “ยังจะพูดว่าแยกห้องกันนอนอีกไหม”
มู่นวลนวลไม่มีโอกาสแม้แต่จะพิจารณา จึงกัดริมฝีปากแล้วส่ายหน้า “ไม่……”
“ว่านอนสอนง่าย” โม่ถิงเซียวเอ่ยปากชม
ขณะที่สติยังไม่กลับมาชัดแจ้ง มู่นวลนวลก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่าตนกับโม่ถิงเซียวกำลังทะเลาะกันอยู่ไม่ใช่หรือไงกัน
ทำไมจู่ๆ ก็กลายมาเป็นสภาพแบบนี้ไปได้กันนะ
คำถามนี้จนท้ายที่สุดก็คิดไม่ตก เพราะว่าเธอเหนื่อยเสียจนนอนหลับไปเลยทั้งอย่างนั้น
โม่ถิงเซียวอุ้มเธอไปอาบน้ำ ระหว่างนั้นเธอก็เริ่มได้สติตื่นขึ้น แล้วพูดออกมาอย่างงุนงงว่า “ไปทำงาน”
โม่ถิงเซียวชโลมครีมอาบน้ำไปทั่วทั้งผิวกายเธอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่หาพบได้ยากจากเขา “ลาให้เธอแล้ว”
“อ่อ” มู่นวลนวลเอ่ยเสียงตอบกลับไป และก็เริ่มหลับตาลงอีกครั้งอย่างมึนงง
เขาอุ้มเธอกลับขึ้นเตียงนอนอีกครั้ง หลังจากที่ห่มผ้าห่มเสร็จเรียบร้อย โม่ถิงเซียวก็นั่งอยู่ที่ขอบเตียงพลางจ้องมองเธอ
แต่ไหนแต่ไรเขาก็มักจะนอนไม่ค่อยหลับ หลังจากที่มีมู่นวลนวลอยู่ในอ้อมอกก็สามารถนอนหลับลงได้อย่างสงบใจ
คืนไหนที่อ้อมแขนเขาว่างเปล่า ก็จะตื่นขึ้นมาทันที แล้วจึงดึงเธอกลับเข้าอ้อมกอดอีกครั้ง
กลางดึกเมื่อคืนขณะที่หลับอยู่นั้น เขาก็รู้สึกได้ว่ามู่นวลนวลดิ้นจนหลุดออกจากอ้อมแขนเขา และไปอยู่ที่อีกด้านของเตียง เขาก็ตื่นขึ้นและดึงเธอกลับเข้าสู่อ้อมกอดตามเดิม
กลายเป็นว่า ปฏิกิริยาแรกของมู่นวลนวลก็คือดันเขาออกไป
เมื่อก่อนมู่นวลนวลไม่ได้เป็นเช่นนี้
สิ่งนี้ทำให้โม่ถิงเซียวรู้สึกเป็นกังวลใจ
ระยะนี้เขายุ่งมาก ในหนึ่งวันก็มีแค่ตอนที่อยู่บนเตียงเท่านั้นที่พวกเขาทั้งคู่จะได้พบหน้ากัน เมื่อวานซืนกว่าเขาจะเจียดเวลาออกมากินข้าวด้วยกันได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย กลับเป็นว่าเจออุบัติเหตุระหว่างทาง
เมื่อไปถึงร้านจินติ่งและได้เห็นแววตาผิดหวังจากมู่นวลนวล ใจของเขาก็กระสับกระส่ายไม่เป็นปกติ
แต่ว่า ทันทีที่เขาเข้าโม่กรุ๊ปก็มีเรื่องมากมายที่จะต้องจัดการ จะต้องนำอำนาจทั้งหมดมาไว้ในมือตนให้ได้อย่างสมบูรณ์ ถึงจะเป็นการง่ายขึ้นหากจะสืบหาเรื่องของแม่ในภายหลัง
วันที่สองก็เจอกับประเด็นค้นหายอดฮิตระหว่างมู่นวลนวลกับซือเฉิงยวี่ ความกลัดกลุ้มในใจก็เริ่มหนักหน่วงขึ้น จึงไม่ระวังและพลั้งปากเอ่ยสิ่งที่ไม่ควรออกไป
มู่นวลนวลจิตใจละเอียดอ่อน เวลาโกรธก็จะไม่เอะอะโวยวาย แต่จะใจเย็นจนน่าหวาดหวั่น
ถ้าเธอจะเสียงดังโวยวายเสียหน่อย เขาก็พอจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้บ้าง
แต่เธอกลับกลายเป็นว่าใจเย็นและมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ถึงขนาดที่พิจารณาได้ว่าวันต่อไปจะต้องไปทำงาน เลยจะต้องแยกห้องนอน
แยกห้องนอน?
ไม่มีทาง
ทั้งชาตินี้อย่างไรก็ไม่มีวัน
ครืดครืด——
โทรศัพท์ของโม่ถิงเซียวสั่นขึ้นมา
เป็นโม่ชิงเฟิงที่โทรเข้ามา
โม่ชิงเฟิงก็เอ่ยปากถามขึ้นทันที “ทำไมลาหยุดเสียล่ะ”
“รู้สึกไม่สบายตัว” เนื่องจากเรื่องเมื่อสักครู่ เสียงของโม่ถิงเซียวจึงยังแหบพร่าอยู่เล็กน้อย ฟังดูแล้วก็คล้ายกับว่ากำลังป่วยอยู่จริง
โม่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ซักไซ้อะไรมากนัก เพียงแค่กำชับเขา “พักผ่อนให้ดีๆ ล่ะ”
สายโทรศัพท์ถูกวางไป โม่ถิงเซียวก็ยิ้มกับตัวเอง
เขารู้สึกว่าตัวเองป่วยด้วยโรคมู่นวลนวล ถ้าไม่ได้พบเจอหน้าก็จะไม่มีความสุข
……….
มู่นวลนวลรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างงุนงง ฉับพลันก็ได้กลิ่นหอมของอาหารลอยโชยมา
ครั้นลืมตาก็เห็นโม่ถิงเซียวอยู่ที่หน้าโต๊ะตัวเล็กกำลังจัดวางตะเกียบอยู่
มู่นวลนวลชอบดูเขาที่เป็นแบบนี้มากที่สุด สวมใส่ชุดอยู่บ้าน คิ้วเข้มคมคาย เพราะเมื่อดูเขาตอนนี้ก็ไม่ได้ดูเคร่งขรึมเลยแม้เพียงนิด หากแต่ดูมีความอ่อนโยนเจืออยู่ด้วยซ้ำไป
เป็นความอ่อนโยนที่มีแค่เธอเพียงผู้เดียวที่ได้เห็น
โม่ถิงเซียวสังเกตเห็นว่าเธอตื่นขึ้นมาแล้ว เงยหน้าขึ้นมามองเธอพร้อมวาดรอยยิ้มบนใบหน้า “ตื่นแล้วก็มากินข้าว”
มู่นวลนวลไม่อยากเห็นหน้าเขาจึงหันหน้าหนี
ผู้ชายที่ไม่คุยกันด้วยเหตุผล เวลาจัดการปัญหาก็ใช้วิธียั่วยุเย้าแหย่???
ฉับพลันต่อมา มู่นวลนวลก็ลุกพรวดขึ้นจากเตียง “กี่โมงแล้ว”
เธอยังต้องไปทำงานนี่!
โม่ถิงเซียวเปล่งเสียงออกมาเบาๆ “ลาหยุดให้แล้ว”
มู่นวลนวลพึ่งจะไปทำงานที่ Sheng Media ไม่กี่วัน ก็ลางานด้วยเหตุผลเพราะเรื่องนี้แล้วงั้นเหรอ
เธอมองดูเวลา ไม่ทันแล้วตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงกว่าแล้ว
สองคนกินข้าวโดยนั่งหันหน้าเข้าหากันที่คนละฝั่งของโต๊ะ บรรยากาศยังมีความแปลกประหลาดตกค้างอยู่เล็กน้อย
มู่นวลนวลลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยคำถามที่อยู่ลึกภายในใจเธอออกมา “คุณคิดว่าพี่ใหญ่เป็นคนยังไงเหรอ”