มู่นวลนวลออกมาจากห้อง และพบว่ามีเพียงซือเฉิงยวี่คนเดียวที่อยู่ในห้องโถง
ซือเฉิงยวี่ได้ยินเสียงเปิดประตู จึงหันมองมองและส่งเสียงเรียกเหมือนอย่างเคย:“นวลนวล”
“รับไม่ได้ คุณซือเรียกชื่อของฉันเถอะ” ท่าทางและน้ำเสียงของมู่นวลนวลดูเย็นชา
เธอไม่สามารถเสแสร้งแกล้งทำได้เหมือนซือเฉิงยวี่
ต่อให้ซือเฉิงยวี่ไม่ใช่พี่ชายของโม่ถิงเซียว แต่ก็เป็นซือเฉิงยวี่ที่เธอติดตามมาแปดปี
เส้นทางที่เดินมาจนถึงวันนี้ ซือเฉิงยวี่เป็นซุปเปอร์สตาร์ที่วางตัวตัวและเป็นมิตร
ไม่มีใครกำหหนดว่าซือเฉิงยวี่ต้องเป็นดี
แต่ไม่สนว่าซือเฉิงยวี่จะมีอะไรอึดอัดใจ มู่นวลนวลก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ
เธอไม่ได้ทำผิดอะไร ซือเฉิงยวี่กับโม่ถิงเซียวจะขัดแย้งกันมากแค่ไหน เขาก็ไม่ควรมุ่งเป้าไปที่เธอ
ท่าทางของซือเฉิงยวี่เปลี่ยนไปนิดหน่อย ดูเหมือนอึดอัดใจและทำอะไรไม่ถูก
“เรื่องครั้งนี้ฉันขอโทษ” ซือเฉิงยวี่ไม่ได้ยิ้ม แล้วสีหน้าก็ค่อยๆเคร่งขรึม
“ฉันไม่รับคำขอโทษของคุณ” คำขอโทษของเขาไม่มีความจริงใจและเขาไม่ได้รู้สึกว่าเขาทำผิดอะไร
ซือเฉิงยวี่ดูเหมือนไม่สนใจที่เธอไม่รับคำขอโทษของตัวเอง เพียงแค่พยักหน้า:“อืม”
“แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณกับโม่ถิงเซียว แต่ฉันรู้ว่าในใจของโม่ถิงเซียว คุณเป็นคนสำคัญมากคนหนึ่ง ตั้งแต่ที่คุณเริ่มลงมือครั้งแรก เขาก็รู้แล้ว แต่เขาก็ยังให้โอกาสคุณ”
หลังจากสงบลงแล้ว สิ่งที่คุณไม่เห็นชัดเจนก่อนหน้านี้ ก็สามารถคิดออกได้อย่างง่ายดาย
มู่นวลนวลเอียงหัว น้ำเสียงจริงจัง:“ฉันอิจฉาคุณมาก”
เธออิจฉาซือเฉิงยวี่มากจริงๆ
โม่ถิงเซียวดีกับเขาขนาดนั้น
ดีจนทำให้เธออิจฉา
คำพูดของเธอดูเหมือนจะแทงใจซือเฉิงยวี่ และสีหน้าท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไป:“อิจฉาฉัน?”
มู่นวลนวลยังไม่ทันได้พูด ทันใดนั้นก็มีเงารูปร่างสูงรีบเดินเข้ามา
ก่อนที่หมู่นวลนวลจะตอบโต้ เงานั้นก็เดิมมาถึงตรงหน้าเธอ
“โม่ถิงเซียว?”
มู่นวลนวลมองชายรูปร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ:“คุณมาได้ยังไง?”
เมื่อกี้ตอนที่เขารีบเข้ามา เธอก็คิดว่าเป็นบอดี้การ์ด
โม่ถิงเซียวไม่ได้นอนทั้งคืน สีหน้าของเขาซีดเซียว แต่ออร่าของเขาไม่ได้ลดลง
เขาไม่ได้ตอบคำถามของมู่นวลนวลในทันที แต่มองเธออย่างละเอียดรอบหนึ่ง สีหน้าท่าทางโล่งอกจากนั้นก็หันไปมองที่ซือเฉิงยวี่
ซือเฉิงยวี่ยิ้มและพูดว่า:“มาเร็วจริงๆ”
ความหมายที่เขาพูด ดูเหมือนว่าเขาจะขอกให้โม่ถิงเซียวมาที่นี่
มู่นวลนวลรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างของโม่ถิงเซียวแข็งทื่อ
มู่นวลนวลหยุดแล้วเดินไปข้างหน้าครึ่งก้าว ยื่นมือไปจับมือของโม่ถิงเซียว
เมื่อมือของเธอออกไปได้เพียงครึ่งหนึ่ง ดูเหมือนว่าโม่ถิงเซียวจะมีตาหลัง ทันใดนั้นเขาก็จับมือของเธอไว้แน่น
ฝ่ามือของเขาแห้งและอบอุ่น หลังจากที่เขาจับมือของเธอไว้แน่น ก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
มู่นวลนวลลดสายตาลง ในใจของเธอรู้สึกสับสน
ซือเฉิงยวี่เห็นฉากนี้แล้วในแววตาของเขาก็ยิ้มถากถาง:“เชื่อใจและรักกันมากขนาดนี้ ช่างน่าอิจฉาจริงๆ และมันก็ยากที่จะพูดคนอื่นจะคิดเหมือนกันกับฉัน”
โม่ถิงเซียวสีหน้าเคร่งขรึม:“ซือเฉิงยวี่ นายคิดว่าฉันจะทำอะไรนายไม่ได้หรอ?”
“นายสามารถทำได้แน่นอน แต่ก่อนอื่นนายต้องแก้ไขชื่อของนวลนวลก่อน ไม่อย่างนั้นเธอก็จะต้องเป็นมือที่สามไปตลอด” ซือเฉิงยวี่พูดจบก็หันไปมองมู่นวลนวล:“ต่อไปถ้านวลนวลจะเป็นคนเขียนบท ก็ต้องเป็นคนเขียนบทที่ได้ชื่อว่าเป็นมือที่สาม ไม่รู้ว่าจะถูกคนขัดขวางรึเปล่า?”
คำพูดของซือเฉิงยวี่ เหมือนดาบแหลมคมที่อยู่ในใจของโม่ถิงเซียว
ก่อนหน้านี้เขาให้มู่นวลนวลลาออก เพื่อให้เธอไปทำสิ่งที่ชอบ และเขาก็หาหนทางให้เธอได้เข้ามาในโม่กรุ๊ป
และตอนนี้เขาก็เป็นคนบังคับมู่นวลนวลทางอ้อม ให้เธอไม่กล้าออกจากบ้านได้อย่างเปิดเผยและถูกต้อง
โม่ถิงเซียวโกรธจนเลือดขึ้นหน้า:“หุบปาก!”
ใบหน้าของซือเฉิงยวี่ก็ยิ้มอย่างลึกล้ำ
“เฉิงยวี่!”
เสียงของมู่หวันฉีดังขึ้น
เมื่อมู่นวลนวลหันไปมองก็เห็นว่ามู่หวันฉีวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของซือเฉิงยวี่ราวกับนกที่มีความดีอกดีใจ
ซือเฉิงยวี่กอดมู่หวันฉีไว้ และถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน:“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไร” มู่หวันฉีส่ายหัว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาน และดวงตาที่มีความเขินอาย:“คุณมาหาฉันจริงๆ ฉันไม่ได้กำลังฝันอยู่ใช่ไหม”
“ไม่ใช่” ซือเฉิงยวี่ลูบหน้าของเธอด้วยความอ่อนโยน
มู่นวลนวลเห็นอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกช็อก และหันไปมองโม่ถิงเซียว
สายตาของโม่ถิงเซียวสงบนิ่ง สีหน้าไม่มีความประหลาดใจ
ซือเฉิงยวี่รู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองของมู่นวลนวล เขาเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เธอ และพูดกับโม่ถิงเซียวว่า:“แม้ว่าฉันจะรู้สึกว่านวลนวลหน้าตาเหมือนกับชิงหนิง แต่ว่าหวันฉีนั้นเหมือนกว่า เมื่อก่อนชิงหนิงชอบนายขนาดนั้น ถ้ารู้ว่านายแต่งงานกับผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนเธอ เธอคงดีใจมาก”
ยุให้รำตำให้รั่วชัดเจนขนาดนี้ ถ้ามู่นวลนวลฟังไม่เข้าใจก็คงจะโง่มาก
“อย่าคิดว่าคนอื่นจะเหมือนกันกับนาย ในเมื่อรักไม่ได้ก็หาคนอื่นมาแทนที่” มู่นวลนวลพูดอย่างไม่ใส่ใจ:“ความรักที่คุณมีต่อชิงหนิงไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น คุณใช้มือที่จับเธอไปจับผู้หญิงคนอื่น เธอคงจะรู้สึกสะอิดสะเอียนมาก?”
สีหน้าของซือเฉิงยวี่ก็เปลี่ยนไปทันที และพูดด้วยความโมโห:“มู่นวลนวล!”
“อย่ามาเรียกชื่อของฉัน ฉันไม่ชอบ” มู่นวลนวลมองซือเฉิงยวี่ด้วยความขยะแขยง
แน่นอนว่าสิ่งที่ยิ่งสมบูรณ์แบบมากเท่าไหร่ ภายในก็จะยิ่งเน่าเสียมากเท่านั้น
โม่ถิงเซียวไม่พูดอะไร และพามู่นวลนวลออกไป
เมื่อกลับเข้ามาในรถ มนใจของมู่นวลนวลยังคงสับสน พยายามที่จะสลัดมือของโม่ถิงเซียวออก
แต่ดูเหมือนว่ามือของโม่ถิงเซียวจะติดหนึบไว้กับเธอของเธอ และไม่สามารถสลัดมันออกได้
มู่นวลนวลสูดหายใจเข้าลึก และพูดด้วยความหงุดหงิดว่า:“คุณปล่อยมือฉัน”
โม่ถิงเซียวสีหน้าไร้ความรู็สึก:“ไม่ปล่อย”
มู่นวลนวลก้มลงกัดมือของเขา
แต่เธอลืมไปว่าโม่ถิงเซียวเป็นคนที่ยืนหยัดแน่วแน่ สามารถเอากระสุนได้โดยไม่ต้องใช้ยาชา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความเจ็บปวดเล็กน้อยแค่นี้เลย
มู่นวลนวลทิ้งตัวลงด้วยความเหนื่อยล้า แลัเห็นว่าโม่ถิงเซียวยังไม่ยอมปล่อยเธอ เธอจึงทำได้แค่ยอมแพ้
โม่ถิงเซียวดึงเธอเข้าไปกอด:“โกรธน้อยลงแล้วใช่ไหม?”
มู่นวลนวลผงะ:“ไม่”
“ถ้าไม่ก็กัดอีก” โม่ถิงเซียวน้ำเสียงเย็นชา แล้วเอามือของตัวเองไปไว้ที่ริมฝีปากของเธอ
มู่นวลนวลหันหน้าหนี:“แข็งเกินไป”
มือของผู้ชายมีแต่กระดูกทั้งนั้น
โม่ถิงเซียว:“ที่แข็งยิ่งกว่านี้ ไม่ใช่ว่าเธอก็เคยกัดหรอ?”
มู่นวลนวล:“……”
หลังจากที่โม่ถิงเซียวพูดจบเขาก็ตะลึง ปกติเขาลวนลามมู่นวลนวลจนชิน จึงหลุดปากพูดออกไป
มู่นวลนวลหน้าแดง และมองไปที่ซือเย่ที่นั่งขับรถอยู่ข้างหน้า จากนั้นก็ทุบตีโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวอดทนไม่สู้กลับ ปล่อยให้เธอทำอยู่ฝ่ายเดียว