ตอนกลางคืนมู่นวลนวลทานอาหารค่อนข้างเยอะ ตอนนี้จึงอ้วกออกมาเยอะหน่อยเเละกลิ่นก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
ตัวเธอเองไม่ได้กลิ่น เเต่โม่ถิงเซียวได้กลิ่นอย่างชัดเจน
เขาทำเพียงขมวดคิ้วนิดหน่อย รอจนเธออ้วกเสร็จ เขาถึงจะหยิบกระดาษชำระเช็ดให้เธอเเละส่งน้ำให้เธอหนึ่งขวด
” ลงรถเถอะ ” เสียงของโม่ถิงเซียวสงบลงเเล้ว
เขาเปิดประตูรถลงไปเเละถอดเสื้อโค้ทกับเสื้อไหมพรมที่มู่นวลนวลอ้วกใส่ออก เหลือไว้เพียงเสื้อเชิ้ตบางๆตัวเดียว
เเต่บนตัวของมู่นวลนวลกลับไม่เลอะอะไรเลย
ตอนเธอลงจากรถก็มีลมหนาวพัดผ่านมา จึงทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นไม่น้อย
เธอหันไปมองโม่ถิงเซียวที่ใส่เพียงเสื้อเชิ้ตบางๆตัวเดียว จึงอดไม่ได้ที่จะพูดถามขึ้น: ” หนาวไหม? ”
ตอนที่เธอมองโม่ถิงเซียว โม่ถิงเซียวก็หันมามองเธอเหมือนกัน
อ้วกไปเมื่อสักครู่ ในตาของเธอจึงชุ่มไปด้วยน้ำตา เบ้าตาของเธอแดงนิดหน่อย ใบหน้าขาวกัดริมฝีปากเเละมองมาที่เขา ดูน่าสงสารมาก
ดังนั้น คำว่า ” คุณคิดว่าไงล่ะ ” ที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากก็ได้เปลี่ยนเป็น: ” ไม่หนาว ”
มู่นวลนวลเตรียมรับคำพูดเจ็บแสบของโม่ถิงเซียว หลังจากนั้นเธอก็จะตอบกลับไปว่า ” สมน้ำหน้า ” เเต่สุดท้ายเขากลับบอกว่าไม่หนาว
คุณชายใหญ่ของตระกูลโม่ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ อุณหภูมิติดลบแบบนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตบางๆยังมาบอกว่าไม่หนาวอีก
คำว่า ” ไม่หนาว ” ของโม่ถิงเซียวไม่ใช่เเค่พูดอย่างเดียว มู่นวลนวลหนาวจนตัวสั่นอยู่ภายใต้ลมหนาว เเต่โม่ถิงเซียวกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆแม้แต่นิดเดียว
……
ในรถสกปรกเเล้ว มู่นวลนวลกับโม่ถิงเซียวจึงเรียกรถกลับ
ส่วนรถของโม่ถิงเซียวก็ค่อยให้บอดี้การ์ดขับกลับ
กลับมาถึงบ้าน โม่ถิงเซียวก็ไปอาบน้ำที่ห้องหนังสือ ส่วนมู่นวลนวลก็กลีบไปอาบน้ำที่ห้องของตัวเอง
ตอนที่มู่นวลนวลออกมาจากห้องอาบน้ำก็พบว่าโม่ถิงเซียวใส่ชุดนอนเเละนั่งอยู่ในโซฟาเดี่ยวตรงหน้าหน้าต่างเเล้ว
ในห้องไม่ได้เปิดไฟดวงใหญ่ ด้านข้างเขามีโคมไฟตั้งพื้นสีเหลืองสลัวสว่างอยู่ เเสงไฟปกคลุมบนตัวเขา ทำให้เขาดูอ่อนโยนขึ้นไม่น้อย
เเต่ไม่มีใครรู้ไปกว่ามู่นวลนวลอีกเเล้ว
ว่าความอ่อนโยนที่อยู่บนตัวโม่ถิงเซียวทั้งหมดนั้นล้วนเป็นภาพลวงตา
มู่นวลนวลเดินเข้าไปหา เธอกำลังจะนั่งลงข้างเขา
เเต่ไม่คิดว่าพอเธอเพิ่งเดินเข้าไป ก็ถูกโม่ถิงเซียวพลิกมือดึงเธอให้เข้ามาใน้อ้อมกอดทันที
เขายื่นไวน์ที่ดื่มไปได้คำเดียวไปที่ริมฝีปากของมู่นวลนวล: ” ดื่มหน่อย ”
มู่นวลนวลขมวดคิ้วเเละผลักออก: ” ไม่อยากดื่ม ” หลังอาบน้ำเเล้วเธอไม่อยากทานของอะไรทั้งนั้น เเละไม่อยากดื่มด้วยเช่นกัน
โม่ถิงเซียวไม่ได้บังคับเธอ เขาดื่มเองหนึ่งคำเเละกดปากลงไปบนริมฝีปากของเธอ
เขาง้างริมฝีปากของเธอออก หลังจากนั้นก็ส่งไวน์ที่อยู่ในปากตัวเองไปในปากมู่นวลนวล
มู่นวลนวลถูกเขากรอกไวน์ใส่ปากอย่างไม่ทันตั้งตัว จึงเกือบทำให้สำลัก
โม่ถิงเซียวเอื้อมมือไปลูบผมของเธอนิดหน่อย การกระทำของเขานุ่มนวลเเละแฝงไปด้วยการปลอบโยน
หลังจากที่มู่นวลนวลสงบลง เธอก็ทุบลงไปบนทรวงอกของโม่ถิงเซียวเบาๆ
โม่ถิงเซียวเอื้อมมือไปกำหมัดเล็กๆของเธอ เขาก้มหน้าปกปิดอารมณ์ที่อยู่ในสายตา น้ำเสียงของเขาเย็นชามาก: ” เขาเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณทิ้งบอดี้การ์ด? ”
คำพูดที่จับต้นชนปลายไม่ได้ของเขาทำให้มู่นวลนวลงุนงงอยู่สักครู่ หลังจากนั้นเธอถึงจะรู้ว่าเขากำลังพูดอะไร?
” หมายความว่ายังไง? ” เขาหมายถึงที่เธอทิ้งบอดี้การ์ดก็เพื่อต้องการมาเจอกับซินชูฮันอย่างนั้นหรอ?
โม่ถิงเซียวเงยหน้าขึ้น เขามองเธออย่างลึกซึ้ง: ” คุณอยากไปจากฉันหรอ? ”
” คุณพูดอะไร! ” มู่นวลนวลสะดุ้ง เธอขมวดคิ้วนิดหน่อย: ” ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่ ”
” คุณไม่ไปถ่ายภาพเเต่งงาน ไม่อยากเเต่งงานกับผม ” ตอนโม่ถิงเซียวพูด สีหน้าของเขายังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนเเปลง เเต่มู่นวลนวลกลับรับรู้ถึงอารมณ์ที่ตึงเครียดได้จากในนั้น
” ก่อนหน้านี้ฉันอธิบายให้คุณฟังเเล้วว่าฉัน……อื้อ…… ”
โม่ถิงเซียวไม่อยากฟังเธออิธิบาย เขารู้ดีว่ามู่นวลนวลกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
เขาเกี่ยวเอวมู่นวลนวลไว้ แก้วไวน์ที่อยู่บนมืออีกข้างก็ล่วงหล่นลงบนพื้นทันที ที่พื้นมีพรมปูไว้อยู่ แก้วไวน์จึงไม่หล่นแตกเเละไวน์ที่ยังดื่มไม่หมดก็ซึมเข้าไปในพรม
โม่ถิงเซียวจับมู่นวลนวลนั่งในท่าที่นั่งอยู่บนตัวของเขา เขาเกี่ยวเอวกับขาของเธอ หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเเละอุ้มเธอไปที่เตียง หลังจากนั้นทั้งสองคนก็กลิ้งลงไปบนเตียง
มู่นวลนวลรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองนิดหน่อย เธอพูดถามอย่างหอบๆ: ” คุณหย่ากับมู่หวันฉีเเล้วหรอ? ”
” อืม ” บนหน้าผากของโม่ถิงเซียวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆเกาะอยู่ เขาขานรับโดยหายใจหนักๆ
ตอนนี้พวกเขาไม่เหมาะที่จะมีลูก
เธอคิดเรื่องนี้ด้วยสติที่เลอะเลือน สุดท้ายก็หลับไป
โม่ถิงเซียวพลิกตัวลุกขึ้นจากเตียง เขาเอาผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเเละเช็ดตัวให้มู่นวลนวล
เขาก้มมองเธอ การกระทำของเขาทั้งนุ่มนวลเเละเชื่องช้า มุ่งมั่นราวกับนักศิลปะกำลังปฏิบัติต่องานศิลปะที่ล้ำค่าเเละหายาก
เช็ดตัวให้มู่นวลนวลเสร็จ เขาก็เลิกหน้าม้าที่ชื้นไปด้วยเหงื่อของเธอขึ้น หลังจากนั้นก็ก้มลงไปจูบบนหน้าผากของเธอเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาเบาจนเเทบจะฟังไม่ได้ยิน: ” ฉันมีเพียงคุณ ”
ในความขมุกขมัว มู่นวลนวลดูเหมือนจะได้ยินใครบางคนกำลังพูดอยู่ที่ข้างหูของเธอ เธอลืมตาที่หนักอึ้งของตัวเองขึ้นมา รูปร่างของคนตรงหน้าพร่ามัว เเต่เธอก็รู้ว่าเป็นโม่ถิงเซียว
เธอง่วงมากจริงๆ เธอออกเเรงยกมือขึ้น วินาทีต่อมาก็รู้สึกว่ามือของตัวเองถูกฝ่ามือที่ทั้งอบอุ่นทั้งใหญ่กว่าจับไว้ พอจิตใจของเธอสงบ เธอก็ปิดตาเเละหลับไปในที่สุด
โม่ถิงเซียวนั่งอยู่ที่ริมเตียง เขาจ้องเธออยู่สักพักใหญ่เเละนำมือของเธอใส่กลับเข้าไปในผ้าห่ม
……
วันต่อมา
ตอนที่มู่นวลนวลตื่นขึ้นมา ตำแหน่งข้างๆก็ว่างเปล่าเสียเเล้ว
เธอยื่นมือออกไปคลำ ไม่มีอุณหภูมิก็เเสดงว่าโม่ถิงเซียวตื่นได้สักพักเเล้ว
เธอพยุงร่างกายลุกขึ้นนั่งที่หัวเตียง หลังจากนั้นก็หลับตาคำนวณระยะปลอดภัยของตัวเอง
คิดไปคิดมาดูเหมือนจะไม่แม่น จึงทำได้เพียงกินยา
เธอยังไม่เคยคิดเรื่องลูก
นอกจากความสัมพันธ์ที่ยังไม่มั่นคงของเธอกับโม่ถิงเซียวเเล้ว เธอยังมีเรื่องให้ต้องทำอีกมากมาย
เธอเพิ่งจะอายุยี่สิบสองปีเเละชีวิตของเธอเพิ่งเริ่มต้น เธอไม่มีเเม่ที่ดี บางทีเธอก็อาจจะเป็นลูกสาวที่ไม่ผ่านคุณสมบัติเช่นกัน
ต่อให้มีลูกตอนนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะดูเเลเขายังไง