สายตาของโม่ถิงเซียว จับจ้องไปที่ร่างของเธอ แม้แต่รายละเอียดต่างๆบนในหน้า ก็ยังมองอย่างตั้งใจ
เวลาที่เขามองมู่นวลนวล มู่นวลนวลก็จะมองกลับไปเช่นกัน ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างเงียบๆ ราวกับว่าเป็นการประลองจ้องตากัน
ในที่สุด มู่นวลนวลก็เป็นคนที่หลบสายตาไปก่อน
“โม่เจียเฉิน ” ก็คือโม่ถิงเซียวเหรอ?
ไม่คิดเลยว่า เรื่องมันจะแบบนี้
โม่ถิงเซียวมองไปที่ใบหน้าที่เปลี่ยนไปตามอารมณ์ของเธอ ในใจก็รู้ว่าที่เขาพูดออกมาแบบนี้มันดูตรงไปหรือป่าว
เขาถอนสายตากลับไป ค่อยๆจิบน้ำอย่างช้าๆ แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “ ถ้าฉันพูดว่าไม่ใช่ แล้วเธอจะเชื่อฉันหรอ? “
มู่นวลนวลรู้ได้ถึงอารมณ์ขันของเขาก็โล่งใจ “ ไม่อย่างแน่นอน นายคิดหรอว่าฉันจะโดนหลอกได้ง่ายๆ? “
โม่ ถิงเซียวตอบอย่างเฉยๆไปว่า ” ไม่ใช่ ”
ที่จริงแล้วเขาไม่คิดเลยจะหลอกเธอเลย แต่เธอกลับเป็นคนที่หลอกง่ายขนาดนี้
หลังจากที่กินข้าวเสร็จก็กลับไปอยู่ที่ห้อง มู่นวลนวลคิดถึงสิ่งที่โม่เจียเฉินพูด
เธอและโม่เจียเฉินที่พึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าเขาเป็นคนที่ดื้อรั้นและเย่อหยิ่งคงไม่มีใครสามารถบังคับให้เขาไปแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้ชอบได้หรอก
ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนนี้ ตัวเธอหรือมู่หวันฉีจะต้องถูกเขาเลือกให้มาแต่งงานกับเขามาก็ตาม พวกเขาต้องตรวจสอบประวัติข้อมูลของพวกเธอทั้งสองคนก่อนแน่
และในตอนนั้นเธอช่างน่าเกลียดและดูไม่ฉลาดเอาซะเลย ส่วนมู่หวันฉีก็ใช้ชีวิตเสเพล มั่วสุมไปทั่ว ชอบหนีเที่ยวไม่เรียน พวกเธอจึงไม่เหมาะสมที่จะเป็นคู่ครองของเขา
แต่ถ้าหากว่า โม่เจียเฉิน คือโม่ถิงเซียวจริงๆแล้วละก็ เขาแทบจะไม่ต้องกังวลเลยว่าจะต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับเธอหรือมู่หวันฉี
โม่ถิงเซียวก็คือคนที่มีข้อเสียอยู่ไม่น้อย และเขาก็ทำตัวเฉยชาใส่มู่นวลนวลอีก แต่ในทางกลับกัน เรื่องนี้เป็นความจริงที่น่าเชื่อถือมากกว่า
หลังจากที่มู่นวลนวลได้วิเคราะห์เรื่องราวทั้งหมดก็รู้สึกโล่งใจ แล้วก็ถือเสื้อเข้าไปอาบน้ำ
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ก็ออกมาได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เธอไม่ได้สังเกตว่าเป็นใครที่โทรมาหาแต่เธอก็รับโทรศัพท์ไปแล้ว
” วันนี้แกโดดงานงั้นหรอ ”
เมื่อได้ยินเสียงอันดุดันของมู่ลี่หยาน มู่นวลนวลก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย แล้วจึงเปิดแฮนด์ฟรี วางโทรศัพท์ไว้บนเตียง จากนั้นเธอก็เช็ดผมไปพร้อมกับพูดว่า ” ข่าวของพ่อนี้ช่างดีจริงๆ เช้าวันนี้หนูออกไปแค่เดี๋ยวเดียวแล้วก็กลับมาบ้าน และนี้ก็เย็นแล้ว ทำไมพ่อถึงพึ่งจะว่ารู้ว่าหนูโดนงานล่ะ “
ในช่วงเช้า เธอออกไปกับผู้ชายคนหนึ่งเพื่อไปตรวจเช็คความต้องการสินค้าในท้องตลอด ผู้ชายคนนั้นอต้องเป็นคนที่ซุนเจิ้งหัวมาจัดการเธอเป็นแน่
ถ้าอย่างนั้นมู่หวันฉีที่มีนิสัยชอบหาเรื่องเธอ จะเป็นไปได้อย่างไรที่พึ่งจะมาบอกมู่ลี่หยานในตอนนี้?
มู่หวันฉีอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย แต่เมื่อรู้ว่าชายคนนั้นทำงานไม่สำเร็จ ก็เลยรีบวิ่งหาเรื่องไปฟ้องกับมู่ลี่หยาน
มู่หวันฉียังไม่ลดความพยายามที่จะจัดการกับเธอ
เรื่องครั้งที่แล้วที่คลับจื่อจิน เธอยังไม่ได้คิดบัญชีกับมู่หวันฉีเลย!
ในวันนั้นที่ห้องทำงานของมู่ลี่หยาน เธอจงใจพูดออกมาว่ามู่หวั่นฉีไปที่คลับจื่อจินมาใช่ไหม เขาเพียงต้องการลองดูปฏิกริยาของมู่หวั่นฉีว่าในวันนั้นขาได้ไปที่คลับจื่อจินจริงหรือไม่
แม้ว่าผู้บงการเรื่องนั้น นอกจากมู่หวันฉีแล้วคงจะเป็นใครไปไม่ได้ แต่เธอต้องการความแน่ใจ
มู่ลี่หยานที่ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่มู่นวลนวลทำในวันนี้ เมื่อได้ยินเสียงที่อวดดีของมู่นวลนวล ก็ทำให้ความโกรธในใจของเขารุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เขาตะโกนเสียงดังใส่โทรศัพท์ไปว่า “ มู่นวลนวล เธอกำลังคิดว่า เธอเป็นภรรยาคนเล็กของตระกลูโม่ไปแล้วหรือยังไง คิดว่าฉันจะสั่งสอนเธอไม่ได้งั้นรึ
มู่นวลนวลกล่าวออกมาอย่างเย็นชาว่า “ ไม่ใช่ค่ะ ถ้าพ่อต้องการจะมาสั่งสอนหนู จะตอนไหนพ่อก็สอนได้ทุกเมื่อ”
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เด็กจนโตมู่ลี่หยานก็ไม่สนใจเธอเลย นอกจากต้องการจะหลอกใช้เธอเท่านั้นถึงจะมานึกถึงเธอ
คำพูดของมู่นวลนวลทำให้มู่ลี่หยานพูดอะไรไม่ออก มีแต่คำว่า “ดี” ที่พูดออกมาอยู่หลายครั้ง ” ดี ดี! วันจันทร์คอยมาคุยกันที่บริษัท!”
หลังจากพูดจบเขาก็วางสายทันที
มู่หวันฉีถือแก้วน้ำมาวางไว้ตรงหน้ามู่ลี่หยาน ” พ่อคะ นวลนวลพูดว่าอะไรถึงได้ทำให้พ่อโกรธได้มากขนาดนี้ ”
“ พ่อคิดว่า มันคงนึกว่าไม่มีใครสามารถสั่งสอนมันได้แล้วล่ะมั้ง ถึงกับไม่เห็นใครอยู่ในสายตาแบบนี้”มู่ลี่หยานโกรธมากจนตบโต๊ะไปอย่างแรง
มู่หวั่นฉียื่นมือออกมาลูบหน้าอกของพ่อ เพื่อลดอารมณ์ความโกรธและพูดปลอบไปว่า “ พ่อ หนูคิดว่าครั้งนี้นวลนวลทำเกินไปแล้ว พ่อทำดีกับเธอขนาดไหน แต่เธอกลับไม่เห็นพ่ออยู่ในสายตา หนูว่าเราควรให้บทเรียนกับเธอบ้างนะคะ “
เมื่อมู่ลี่หยานได้ยินเช่นนั้น ก็ครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วค่อยๆพยักหน้า
…
เกี่ยวกับเรื่องที่มู่ลี่หยานนัดให้เธอไปพบที่บริษัทในวันจันทร์นั้น มู่นวลนวล คาดการไว้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ต้องไม่จบง่ายๆ
ถ้าเธอกล้าไปที่มู่กรุ๊ปแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวอีก
เซินเหลียง ที่ถ่ายหนังอยู่ข้างนอก ส่วนมู่นวลนวลก็ไม่มีเพื่อนที่อยู่ในเมืองเซี้ยงไฮ้ วันหยุดสุดสัปดาห์เธอก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหน ได้แต่อยู่ในบ้านเขียนบทละคร
แน่นอนว่าเธอคงอยู่ในกรุ๊ปได้ไม่นาน อาชีพนี้จึงสำคัญกับเธอมาก และจะให้หลุดลอยไปไม่ได้
ช่วงสองวันนี้ โม่เจียเฉิน ไม่รู้ว่ากำลังยุ่งเรื่องอะไรอยู่ น้อยครั้งมากที่จะเห็นเขาอยู่ที่บ้าน ตลอดวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ไม่เคยเจอเขา แต่นี้ก็ทำให้ช่วยลดปัญหาให้กับเธอได้มาก
เช้าวันจันทร์.
เมื่อคืนช่วงใกล้จะเที่ยงคืนเธอได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถยนต์ เธอจึงเดาว่า “โม่เจียเฉิน” น่าจะอยู่ที่บ้านด้วย
ดังนั้น เมื่อตอนที่เธอทำอาหารเช้า เธอจึงทำสองชุด
เมื่อเธอยกอาหารเช้ามาถึงทางเข้าห้องอาหาร เธอก็เห็น “โม่เจียเฉิน” ที่อยู่ในชุดสูทนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอได้พบกันอย่างเป็นทางการ หลังจากอาหารค่ำเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว
มู่นวลนวลยังรู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่เขาพูดในวันนั้น เธอจึงยกอาหารเช้าของตัวเองเพียงชุดเดียวมานั่งที่โต๊ะอาหาร แล้วมองไปที่เขาพูดว่า “ อาหารเช้าของนายอยู่ในห้องครัว นายก็ไปยกมาเองซิ “
โม่ถิงเซียวไม่ได้พูดอะไร สายตาของเขาจ้องมองไปที่อาหารเช้าของเธอ
อาหารเช้าที่เธอทำนั้นช่างเรียบง่าย มีเพียงโจ๊กและแพนเค้กไข่
มู่นวลนวลรู้สึกถึงสายตาของเขาที่จ้องมองมา เหมือนกับมีภาพลวงตาว่าเขาจะมาคว้าอาหารของเธอไป
ดังนั้นเธอจึงก้มศีรษะลงไปกัดแพนเค้กไข่ เพื่อเป็นการจับจองว่าจะได้ไม่ถูกแย้งไปกิน
หลังจากที่เธอได้ทำสิ่งนั้น เธอก็รู้ว่าตัวเองช่างปัญญาอ่อนซะจริง
แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่า โม่เจียเฉินนั้น จะปัญญาอ่อนยิ่งกว่าเธอ
เขาลุกขึ้นยืนและใช้มือที่ยาวของเขา เอื้อมไปหยิบอาหารที่อยู่ตรงหน้าเธอ มาวางไว้ที่ด้านหน้าเขา
ไม่เพียงแค่นั้น เขาก็กัดไปที่แพนเค้กไข่ชิ้นนั้นที่เธอได้กัดไว้ก่อนหน้าแล้ว
มู่นวลนวลที่ไม่เคยได้สัมผัสไกล้ชิดกับเพศตรงข้ามเลยสักครั้งก็ถึงกลับหน้าแดง “ นาย นายนี่มันหน้าด้าน! “
โม่ถิงเซียววางตะเกียบลง แสดงสีหน้าที่นิ่งและจริงจัง “ ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณซะหน่อย ทำไมคุณถึงมาด่าผม? “
มู่นวลนวล “… ”
เธอพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เดินหันกลับไปที่ห้องครัวเพื่อกินอาหารเช้าที่เหลืออีกชุด และกินอาหารอยู่ภายในห้องครัวจนเสร็จ แล้วจึงค่อยออกมา
เมื่อเธอออกมา โม่ถิงเซียว มองเธอด้วยความประหลาดใจ
มู่นวลนวลที่รีบเดินออกมาอย่างรวดเร็วเหมือนกับลมพัด โม่ถิงเซียว ได้แต่มองตามไปจนสุดสายตา แล้วก็อดที่ยิ้มออกมาไม่ได้
แม้ว่าสองวันนี้เขาจะยุ่งมาก แต่เขาก็ยังคิดถึงเรื่องการมาของมู่นวลนวลในวันศุกร์ที่ผ่านมา
มู่หวันฉีช่างมีจิตใจที่โหดเหี้ยม เธอจะต้องพยายามหาวิธีมาจัดการกับมู่นวลนวลอย่างแน่นอน ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง เขาจะไม่ลงมือ เพราะมู่นวลนวลคงจะที่ชอบใช้ปัญญาในการต่อสู้มากกว่า และมันก็น่าสนใจมากทีเดียว
นี่คือสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจ แต่การตอบสนองของร่างกายนั้นตรงกันข้าม เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที