ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – ตอนที่ 64 เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับทุกคน

ในความจริงโม่ถิงเซียวได้ออกไปจากที่นี้แล้ว

แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่มู่หวั่นฉี เคยทำเรื่องในครั้งก่อน เขาก็ถอยกลับไป

ผลสุดท้าย … … ก็ได้เห็นเรื่องดีๆเข้า!

ตั้งแต่เขาโตมา นอกจากแม่ของเขาแล้ว นี้ครั้งที่เป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงออกมาปกป้องเขา

ความรู้สึกแบบนี้ มันดูแปลกๆชอบกล

มู่นวลนวลที่ใส่รองเท้าคัทชูหนังสีดำ ส้นสูงประมาณ 3-4 เซนติเมตร ก็เหยียบไปที่เท้าของมู่หวันฉีแต่คงจะไม่เจ็บซักเท่าไหร่

แต่ว่ามู่หวันฉี รู้สึกทนกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรมามีแต่มู่นวลนวลเท่านั้นที่เป็นฝ่ายยอมเเธอมาตลอด แต่ตอนนี้มู่นวลนวลผู้หญิงแพศยาคนนี้กลับกล้าเหยียบเท้าของเธอ

ในขณะที่เธอวิ่งตามเข้าไปที่โถงด้านในของบริษัทมู่กรุ๊ป มู่นวลนวลที่ยืนรอลิฟต์ที่มาถึงพอดี เธอหันไปยิ้มยั่วให้กับมู่หวันฉี แล้วก็เดินเข้าไปในลิฟต์

มู่หวันฉีที่จะกำลังวิ่งตามไป แต่ลิฟต์กลับขึ้นไปแล้ว

เมื่อมู่นวลนวลออกมาจากลิฟต์ ก็ตรงไปที่ห้องทำงานของมู่ลี่หยานทันที

เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว มู่ลี่หยานบอกกับเธอไว้ว่า ให้เธอมาพบเขาที่บริษัทในวันจันทร์ เพื่อต้องการจะคุยเรื่องที่เธอหนีงาน เธอยังจำได้ดี

เธอรออยู่เพียงไม่นาน มู่ลี่หยานก็มาถึง

ข้างหลังของเขามีมู่หวั่นฉีเดินตามเข้ามาด้วย

พวกเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่า มู่นวลนวลได้มานั่งรออยู่ในห้องทำงานนี้แล้ว และมู่หวั่นฉีที่กำลังฟ้องเรื่องที่เกิดขึ้นให้มู่ลี่หยานฟังว่า “ พ่อคะ มู่นวลนวลทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าบางครั้งหนูจะอารมณ์ร้ายไปบ้าง แต่เธอก็ไม่ควรจะมาทำกับหนูแบบนี้ หนูเป็นถึงผู้จัดการโครงการของบริษัท เธอไม่เห็นแกหน้าหนูก็ไม่เป็นไร กลัวแต่ว่าแม้แต่พ่อเธอก็คงจะไม่สนใจด้วยนะซิ “

มู่นวลนวลที่นั่งบนโซฟาได้ยินเสียงของคนที่กำลังกล่าวหาเธอ จึงหันไปมองสองพ่อลูกที่กำลังเดินเข้ามา

เธอคิดว่าสิ่งที่มู่หวันฉีพูดมานั้นก็ไม่ถูก เธออารมณ์ร้ายซะที่ไหน อย่างเธอนะเป็นคนที่มีจิตใจชั่วร้ายต่างหาก

“ พี่พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกซิ คนที่น้องให้ความเคารพมากที่สุดก็คือพ่อนะ”

เมื่อได้ยินเสียงของมู่นวลนวล สองพ่อลูกก็รู้ทันทีว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องทำงานนี้

เมื่อมู่หวันฉีได้ยินเสียงของมู่นวลนวล ก็ตกใจเหมือนกับเจอผี “ ทำไมเธอมาอยู่ที่นี้ได้? “

“ เห็นว่าพ่อมีธุระอะไรจะคุยกับฉัน ฉันก็เลยมาหรอพ่อที่นี่ “ มู่นวลนวลยิ้มด้วยสีหน้าที่ไม่รู้สึกผิด

สุดท้ายแล้วมู่หวันฉีก็เชื่อ เธอโดนหลอกให้หลงเชื่อว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมามู่นวลนวลยอมเธอทุกอย่าง แท้ที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องเสแสร้งทั้งหมด

มู่ลี่หยานเมื่อได้ยินคำพูดต่อว่ามู่หวันฉีจากมู่นวลนวลแล้ว ก็รู้สึกโกรธขึ้นมา และเมื่อได้เห็นมู่นวลนวล สีหน้าของเขาก็ยิ่งบึ้งตึงไปทันที “ ที่นี่คือห้องทำงานของประธาน พนักงานอย่างเธอไม่มีสิทธิ์เข้ามาตามอำเภอใจแบบนี้? “

“ อ้อ “ มู่นวลนวลลุกขึ้น เดินตรงออกไปข้างนอกพร้อมกับปิดประตู

มู่ลี่หยานและมู่หวันฉีมองหน้ากันด้วยความสงสัยว่าเธอกำลังทำบ้าอะไร

ก๊อก ก๊อก!

ในเวลาต่อมา ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับเสียงหวานๆของมู่นวลนวล “ ท่านประทานคะ ดิฉันมู่นวลนวล อยากทราบว่าตอนนี้ดิฉันสามารถเข้าไปได้ไหมคะ! “

เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่ลี่หยานก็ยิ่งโกรธมากขึ้นจนรู้สึกปวดหัว เขาจึงเดินไปด้านหลังโต๊ะทำงานแล้วนั่งลง เขาชี้นิ้วไปที่ประตู แล้วพูดออกมาว่า “ หวันฉี ไปบอกให้มันเข้ามา “

สีหน้าของมู่หวันฉีก็ไม่ได้แตกต่างไปจากมู่ลี่หยานสักเท่าไหร่ เธอตะโกนไปที่ประตูอย่างไม่ค่อยเต็มใจว่า “ เข้ามา “

แต่มู่นวลนวลกลับไม่เปิดประตูเข้ามา

ด้วยความสงสัยมู่หวั่นฉีจึงเดินไปเปิดประตูดู แต่กลับเห็นมู่นวลนวลยังยืนอยู่ที่หน้าประตู

เขากัดฟันเพื่อข่มอารมรณ์โกรธไว้และหันกลับไปบอกมู่ลี่หยานว่า ” พ่อ เธอไปแล้ว ”

ในตอนนี้มู่นวลนวลได้กลับมาที่โต๊ะทำงานของเธอแล้ว

เธอไม่เห็นซุนเจิ้งหัวแม้แต่เงา

หลังจากนั้นไม่นาน ซุนเจิ้งหัว ก็เดินเข้ามาและพูดว่า “ ทุกคนเตรียมตัวกันให้พร้อม อีกสักครู่เราจะมีการประชุม “

ปกติแล้วการประชุมจะมีขึ้น ในทุกๆวันจันทร์

ในฐานะพนักงานระดับล่างอย่างมู่นวลนวลแล้ว เรื่องในที่ประชุมคงไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเธอ

แต่หลังจากที่ประชุมเสร็จได้ไม่นาน มู่ลี่หยานและมู่หวันฉี ก็เดินตามซุนเจิ้งหัวมาที่ฝ่ายการตลาด

มู่นวลนวลรู้สึกสังหรณ์ใจกับการมาขอพวกเขาจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น และคงจะเกี่ยวข้องกับตัวของเธอเป็นแน่

ในขณะนี้มู่หวั่นฉีที่กำลังหันไปมองหาเธอ ก็พูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “ มู่นวลนวล เธอมานี่ “

ในที่สุดก็เป็นตัวเธอจริงๆ

มู่นวลนวลเหลือบมองทั้งสองคน และก็ลุกเดินเข้าไป

ก่อนที่เธอจะเดินไปถึง มู่หวันฉีก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวแล้วตบลงที่ใบหน้าของเธออย่างแรง หลังจากนั้นก็พูดออกมาว่า “ รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงตบเธอ “

มู่นวลนวลกุมใบหน้าที่เจ็บและชาของเธอ หลังจากผ่านไปสองวินาที เธอก็หันกลับไปมองที่มู่หวันฉี

ถึงแม้ว่าลักษณะภายนอกของมู่หวันฉีจะดูเหมือนเป็นคนรักความยุติธรรม แต่การแสดงสีหน้าของเเธอที่ได้แก้แค้นก็ไม่สามารถปกปิดหรือรอดพ้นสายตาของมู่นวลนวลไปได้

“ ฉันรู้ว่า การที่ฉันให้เธอมาทำงานที่ฝ่ายการตลอดนั้นเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเธอ แต่เธอเป็นน้องสาวของฉัน และยังสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลมู่อีกด้วย เมื่อเธอตัดสินใจว่าจะมาทำงานที่บริษัทนี้แล้ว ก็ควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับทุกคน แต่ผลสุดท้าย ในวันแรกหลังจากที่เธอต้องไปปฏิบัติงานข้างนอก เธอกลับโดดงานหายไป! เธอทำแบบนี้ได้ยังไง! “

เมื่อเธอต้องการหาเรื่องยุ่งยากให้กับเธอ เธอก็กลับมาเป็นคนของตระกูลมู่เหรอ?

มู่นวลนวลเบะปากและเงยหน้ามองไปมู่หวันฉีอย่างเย็นชา “ เรื่องเมื่อวาน เป็นความผิดของฉัน…….”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เธอก็เปลี่ยนไปถามกลับทันทีว่า “ เพื่อนร่วมงานชายคนนั้นที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่กลับฉันเมื่อวานนี้ เขาคงจะลำบากมากซินะ ฉันอยากจะขอโทษเขาต่อหน้าทุกคนจะได้ไหม? “

มู่หวั่นฉีประหลาดใจเล็กน้อย ที่มู่นวลนวลยอมจำนนได้รวดเร็วขนาดนี้?

ในตอนนี้ ซุนเจิ้งหัวก็รีบเข้ามากระซิบที่ข้างหูมู่หวันฉีว่า “ ผู้ชายที่ผมจัดหามานั้น ไม่ได้ทำงานที่บริษัทแห่งนี้ ”

ซุนเจิ้งหัวที่ไม่ต้องการให้มีใครจับได้ เขาจึงไม่ได้เลือกใช้คนในบริษัท เพราะเขากลัวว่าถ้ากลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา ก็จะไปถึงหูมู่ลี่หยานได้ ถึงแม้ว่ามู่นวลนวลจะไม่ได้รับความไว้วางใจ แต่เธอก็เป็นลูกสาวของเขา เรื่องแบบนี้ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

เมื่อมู่หวันฉีได้ยินเช่นนั้นก็ถึงขมวดคิ้วและพูดกับมู่นวลนวลไปทันทีว่า “ ผู้จัดการซุนบอกมาว่า เพื่อนร่วมงานคนนั้นไม่สบาย วันนี้ขอลาหยุด “

มู่ลี่หยานที่ยืนเงียบอยู่ด้านข้าง ก็รีบพูดขึ้นมาว่า “ ป่วยเป็นอะไร อาการหนักขนาดนั้นเลยรึ? ถึงได้ขอลาหยุดในวันจันทร์แบบนี้

ทุกวันจันทร์ทุกแผนกและทุกทีมงานต่างๆของบริษัท จะมีการประชุมกันเป็นประจำเพื่อวางแผนและมอบหมายหน้าที่ และตามปกติแล้วจะไม่อนุญาตให้ลาหยุด

ซุนเจิ้งหัว มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปและพูดอย่างลังเลว่า “ ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะว่าพนักงานมีอยู่เยอะมาก และผมก็จำไม่ค่อยได้ ถ้ายังไงเดียวผมจะกลับไปถามให้ครับ….. “

มู่นวลนวลจึงพูดกลับไปว่า “ ถ้าอย่างนั้นรบกวนผู้จัดการซุนช่วยบอกชื่อของเพื่อนร่วมงานคนนั้นให้ฉันหน่อย เพราะหลังจากเลิกงานแล้ว ฉันจะได้ไปเยี่ยมเขา “

เมื่อมู่ลี่หยานเห็นท่าทีของมู่นวลนวลก็รู้สึกว่าเธอนั้นก็ไม่เลว เขาจึงไม่อยากไปกดดันเธอมากจนเกินไป เพราะว่าลูกสาวคนนี้ของเขาไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

มู่ลี่หยานที่พอใจกับท่าทีของมู่นวลนวล จึงรีบพูดออกมาว่า “ วันนี้มีพนักงานในทีมไหนที่ขอลาหยุดบ้าง “

ในตอนนี้มีแต่ความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น

ซุนเจิ้งหัวรู้สึกกังวลมาก จนหัวของเขาเริ่มมีเหงื่อออกมา

ขณะที่มู่ลี่หยานขมวดคิ้วอย่างหมดความอดทน ก็มีหัวหน้าทีมคนหนึ่งตอบกลับมาว่า “ ทีมของพวกผมมีคนขอลาหยุดครับ “

สมาชิกคนอื่น ๆ ที่อยู่ในทีมนี้ต่างมองหน้ากัน เพราะว่าเมื่อกี้ที่มู่นวลนวลพูดถึงคือเพื่อนร่วมงานชาย แต่ว่าสมาชิกในทีมของพวกเราที่ขอลาหยุดนั้นเป็นเพื่อนร่วมงานหญิงไม่ใช่เหรอ?

“ นั้นก็ไม่เป็นไร เดียวคุณช่วยบอกรายละเอียดข้อมูลการติดต่อของพนักงานคนนั้นให้กับนวลนวลละกัน หลังจากเลิกงานแล้ว เธอก็ไปเยี่ยมเขา “ พอมู่ลี่หยานพูดจบ ก็หันไปมองรอบๆที่พนักงานระดับล่าง แล้วพูดว่า “ทุกคนไม่ต้องตกใจ ถึงแม้ว่าจะเป็นวันจันทร์ ถ้าพวกคุณมีธุระสำคัญมากก็สามารถขอลาหยุดได้ เพราะว่ามู่กรุ๊ปของพวกเราเป็นครอบครัวใหญ่ และทุกคนก็เป็นเหมือนคนในครอบครัว……”

คำพูดที่มู่ลี่หยานพูดออกมาทั้งหมดนั้นดูดีแต่เชื่อถือไม่ได้ พอพูดจบเขากับมู่หวันฉีก็เดินจากไป

มู่หวันฉีที่ไม่รู้ว่า เรื่องราวเหล่านี้ได้ถูกเปิดเผยออกมาครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะว่าก่อนที่เข้าจะจากไป เธอยังหันมายิ้มเยอะเย้ยให้มู่นวลนวลอยู่

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: "มันน่าเกลียดเกินไป" เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: "ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย" เธอจ้องเขา : "คุณ…คุณทำไม่ได้ … " ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: "ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset