ตอนที่ 1 : 2/2
พยศใต้เขี้ยวพยัคฆ์
ตอนที่ 1 : 2/2
“…” ผมชะงักไป
“ฮะ..ฮ่า ๆ ” ก่อนครู่หนึ่งจะแกล้งหัวเราะออกมา เพื่อหวังทำลายบรรยากาศน่าอึดอัด ที่นอกจากพอมองไปข้างหน้าจะสบตากับยศพยัคฆ์ ข้างหลังยังให้ความรู้สึกไม่เซฟเพราะมีพายัพยืนอยู่
“โอเค..”
“ล้อเล่นรึไง?”
แล้วเอ่ยถามยศพยัคฆ์อย่างจริงจัง
“…” แต่ที่เขาทำคือสูบซิการ์
ก่อนลุกยืนเดินเข้ามาหาผม “เลือกมา” ถามออกมาเสียงเรียบ
ทำให้ผมหลุดครางฮือในลำคอ ต่อให้เคยได้ยินด้านมืดของธุรกิจสีเทาแบบนี้มาเยอะ ทว่ายังไม่เคยเจอมันกับตัวเองจะ ๆ คงเพราะมีคนคอยตามล้างตามเช็ดให้อยู่ แต่ในที่สุดผมก็เข้าใจว่าตัวเองกำลังหลงระเริง
ผมจึงคิดทวนข้อเสนอของยศพยัคฆ์อีกครั้ง ด้วยเย็นไปทั่วร่างทว่าเหงื่อซึมออกมาเต็มฝ่ามือ ถึงงั้นก็ยังพยายามทำหน้าเหมือนว่าไม่ได้รู้สึกกลัว
“ก็ได้” ผมตอบเสียงห้วน “…เอาอย่างหลัง”
ก่อนตัดสินใจเลือกข้อเสนออย่างหลังที่ฟังยังไงก็คือการขายตัว เพราะถึงจะเป็นไอ้คนเฮงซวยที่ใช้ชีวิตช่วงหลายปีมานี้อย่างเละเทะ ผมก็ยังรักชีวิตของตัวเอง
พอพูดจบ แทบไม่ทันมอง
เพียะ!!
ผมก็ถูกยศพยัคฆ์ตบลงมาที่หน้าอย่างแรง ด้วยหลังมือข้างที่เขาไม่ได้ถือซิการ์ จนในปากรู้สึกได้ถึงรสชาติของเลือดและใบหน้าซีกนั้นชาวูบ
“…!!” ผมเบิกตากว้าง เมื่อหันหน้ากลับ ก็ได้เห็นว่าพยัคฆ์มองมาอย่างตำหนิ แทนที่จะรู้สึกโกธรผมจึงได้แต่นิ่งอึ้ง หายใจแรงขึ้นจนหอบ เพราะตกใจจนหัวใจเต้นระส่ำ
ชั่ววินาทียศพยัพฆ์ก็ยิ้ม..สีหน้าแววตาของเขาเปลี่ยนเร็วจนผมรู้สึกสับสน ก่อนร่างหนาจะเท้ามือลงบนที่วางแขนของเก้าอี้ตัวที่ผมนั่ง ทำให้เงาของเขาทอดบังตัวผมเอาไว้จนมิด
“ฉันคิดไว้แล้ว ว่าเธอต้องเลือกแบบนี้”
ประโยคที่เหมือนว่าเขารู้จักผมดี ดังขึ้นอีกครั้ง
“อืม” ร่างหนาครางต่ำในลำคอ “ชดใช้ด้วยร่างกาย” พลางยกซิการ์ตัวเดิมในมือขึ้นมาแล้วใช้ส่วนปลายที่ถูกไฟเผา ทว่ายังเป็นขี้เถ้าก้อนสีเทาจับกลุ่มกันอยู่ในรูปทรงเดิม เกลี่ยไปตามผิวของผม
โดยเริ่มจากส่วนต้นแขนด้านในที่มองเห็นได้เพราะแขนเสื้อฮูดยับ ๆ ตัวที่ผมใส่ มันร่นลงไปอยู่แถวข้อศอก ในทีแรกมันรู้สึกเพียงอุ่น ๆ แต่ไม่นาน พอส่วนที่อุ่นสัมผัสกับผิวของผมแล้วร่วงหล่นลง ผมก็รู้สึกได้ถึงความร้อนที่มากขึ้นพร้อมกับผิวของผมที่เริ่มกลายเป็นรอยแดง
“…” จนจากที่มองแขนของตัวเองตัวแข็งทื่อ ผมก็ตวัดสายตาไปสบตากับยศพยัคฆ์ “จะทำอะไร..” ถามเขาด้วยความหวาดระแวง
พยัคฆ์ยิ้มออกมา และลักยิ้มของเขากระชากให้หัวใจของผมเต้นกระหน่ำ แต่ไม่ได้เป็นเพราะแค่นั้น “ด้วยร่างกาย?” ยังเป็นเพราะเสียงของพยัคฆ์ที่ดังเหมือนเป็นสัญญาณ
ตึก ตึก
ให้พายัพเดินเข้ามาหาผมจากด้านหลัง แล้วใช้มือหนาบีบล็อกต้นคอของผมไว้แน่น จนผมรู้สึกเจ็บอีกทั้งยังขยับไม่ได้
“ถามว่าจะทำอะไร!” ผมขึ้นเสียง รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองไม่ใช่เรื่องดี แต่พอจะลุกหนี ก็สู้แรงกดของพายัพไม่ไหว
“ปล่อยดิวะ!! บอกให้ปล่อย!!” ผมจึงใช้มือหยิกจิกข่วนไปตามหลังมือของเขา พยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุม ขนาดเดียวกันพยัคฆ์ที่แค่มองมา ก็ขยับใบหน้าใกล้เข้ามาอีก..
จนผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ปนมาด้วยกลิ่นซิการ์เข้ม ๆ ทว่านุ่มลึกและกลิ่นโรลออนโทนเย็นอ่อน ๆ ที่ชักเริ่มแยกไม่ออกว่าเป็นของยศพยัคฆ์หรือของพายัพกันแน่
“อึก ปล่อย..!” ก่อนที่ผมจะมึนหัวไปด้วยทั้งกลิ่นหอมและความร้อนที่โอบล้อม
“ตามที่เธอต้องการเลย” ยศพยัคฆ์ก็ยอมหยุด พายัพเองจึงปล่อยมือจากผมด้วย
“…” ซึ่งมือหนาก็ละออกไปอย่างแผ่วเบาจนน่าตลก
ถึงไม่ค่อยเข้าใจ แต่พอเป็นอิสระ ผมก็ลุกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วทันที เพื่อจะพาตัวเองออกไปจากที่นี่ แทบไม่ต้องคิดเลยว่าเลือกผิดที่รับข้อเสนอ ทว่าต่อให้ผมขยับอย่างเร็วมากแล้ว
พรึ่บ!
กึก!
พายัพก็คว้าตัวผมเอาไว้ได้เร็วเหมือนกัน จนพยัคฆ์หลุดหัวเราะออกมา ทำให้ผมหลุดสบถด่าหยาบ ๆ เสียงดัง
“ไม่สนเรื่องหนี้แล้วสิ”
“แต่รู้ไหม..เพราะแบบนี้ไง”
“เธอเลยต้องมาเจอกับฉัน”
ก่อนเสียงทุ่มของเขาจะดังยียวนโดยไม่สนเสียงก่นด่า พร้อมกับที่มือหนาของพายัพกดไหล่ผมหนัก ๆ ให้นั่งลงอีกครั้ง และแขนทั้งสองข้างของผมยังถูกกดลงไปบนที่วางแขนของเก้าอี้ตัวเดียวกัน
ข้างหนึ่งด้วยมือของพยัคฆ์ และอีกข้างด้วยมือของพายัพ
“สุดท้ายแล้วในวันนี้ นิ่งไว้ละแทนกาย..”
จบประโยคที่ผมไม่เข้าใจ ซิการ์อุ่นร้อนในมือของยศพยัคฆ์ ก็ถูกจี้ลงมาบนผิวเนื้อต้นแขนตรงส่วนด้านในที่มองเห็นได้ของผมช้า ๆ และต่อให้มันไม่ได้ร้อนจนเหมือนจะฆ่าผมให้ตาย
แต่แรงของทั้งพยัคฆ์และพายัพที่กดจับผมอย่างหนักมือขึ้น เพราะผมทั้งกรีดร้อง ดึงทึ้ง ดิ้นด้วยแรงทั้งหมด เพื่อต่อต้านอย่างตื่นตระหนก ก็แทบทำให้กระดูกผมแหลกแตกหักคามือของพวกเขา
เวลาผ่านไปเพียงวูบเดียวเท่านั้น กับเหมือนนานและกัดกินเรี่ยวแรงของผมจนหมด ห้องที่เคยเย็นจัดไม่ช่วยอะไรเลยเมื่อผมเหนื่อยอ่อนและร้อนจากในร่างกาย เหงื่อซึมออกมาตามกรอบหน้าและผิวเนื้อจนไม่ต้องมองเห็น ก็รู้สึกถึงมัน
“ฮ่า…แฮ่ก…” เมื่อพยัคฆ์หยุดและปล่อยมือ ผมก็ทำได้เพียงหอบหายใจ ขอบตา ข้างแก้ม ใบหูกระทั่งลำคอแดงก่ำ น้ำลายไหลซึมออกจากมุมปาก “อึก..” ผมจึงกลืนมัน
ก่อนตวัดสายตามาดร้ายมองตรงไปที่ยศพยัคฆ์ ซึ่งเดินห่างออกจากตัวผมไปแล้ว ด้วยใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ พร้อมกันพายัพก็ค่อย ๆ คลายมือออกจากข้อมือของผม ผมจึงดึงมันคืนกลับมาแรง ๆ ด้วยความหงุดหงิด
และยิ่งหงุดหงิดไปอีก เมื่อได้เห็นซิการ์ตัวที่ทิ้งรอยแผลไว้บนแขน
ถูกยศพยัคฆ์จุดสูบอีกครั้ง ด้วยท่าทีที่ไม่สะทกสะท้าน
-NEXT-