ตอนที่ 100 ฮ่องเต้บัญชา
ดวงตาของอันหลิงเกอโค้งสวยทำให้ใบหน้างดงามแลมีความอ่อนโยนมากขึ้น
นางเงยหน้ามองหลี่อี๋เหนียงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อหลี่อี๋เหนียงมาแล้ว ท่านก็นำขนมหวานนี้ส่งให้น้องหญิงรองเถิด ถือเป็นการชดเชยให้น้องหญิงรอง อย่าให้นางเสียใจเพราะเรื่องในวันนั้นอีกเลย”
ความอ่อนโยนและเมตตาเยี่ยงนี้กลับทำให้หลี่ซื่อหัวเราะเยาะออกมา นางปรายตาไปทางขนมหวานเหล่านั้น
“แค่ขนมหวานธรรมดามิกี่อย่าง คุ้มแล้วหรือกับการเสียเวลาไปตั้งครึ่งค่อนวันของเกอเอ๋อ ? “
หลี่ซื่อมิสนว่าอันหลิงเกอซื้อขนมหวานเหล่านี้มาเพื่อทานเองหรือส่งให้อันหลิงเฉว่ นางเพียงต้องการจับผิดอันหลิงเกอที่ออกนอกจวนไปตั้งนาน นางต้องการทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่จนอันหลิงเกอหาข้ออ้างมิได้
อันหลิงเกอคาดเดาได้ทันทีว่าหลี่ซื่อต้องการสร้างความลำบากให้ตน จึงชี้ไปที่*ขนมกุ้ยฮวาที่ถูกห่ออย่างสวยงาม “หลี่อี๋เหนียงคงมิทราบว่าขนมกุ้ยฮวาเหล่านี้แม้เป็นเพียงขนมธรรมดา ทว่ามันเป็นขนมที่มาจากร้านไป๋เซียง การจักซื้อขนมกุ้ยฮวาเพียง 1 ชิ้นยังต้องรอนานถึง 2 ชั่วยามขึ้นไป”
กุ้ยฮวาในฤดูใบไม้ผลิหาได้ยาก ขนมกุ้ยฮวาของร้านไป๋เซียงจึงทำมาจากกุ้ยฮวาตากแห้งของปีที่แล้ว
แม้รสชาติขนมจักสู้กุ้ยฮวาสดมิได้ เพียงแต่ได้ทานขนมหวานกุ้ยฮวาในฤดูใบไม้ผลิก็ถือว่าดีมากแล้ว เรื่องนี้จึงมิส่งผลต่อยอดขายของร้านไป๋เซียง เนื่องจากเหล่าฮูหยินและบรรดาคุณหนูตระกูลต่างๆ ล้วนชอบรับประทาน
ด้วยเหตุนี้ร้านไป๋เซียงจึงมีคนไปต่อแถวรอซื้อขนมเป็นแถวยาวทุกวัน หากผู้ใดมิไปตั้งแต่เช้าก็ต้องรออย่างต่ำชั่วยามขึ้นไปถือเป็นเรื่องปกติ
เมื่ออันหลิงเกอกล่าวเยี่ยงนี้ หลี่ซื่อก็หันไปมองตัวอักษรบนกล่องเล็กๆ จากนั้นก็ละสายตาจากตัวอักษรที่เขียนว่า ‘ร้านไป๋เซียง’ สามคำนี้
“เกอเอ๋อช่างทุ่มเทยิ่งนัก เพื่อเฉว่เอ๋อถึงกับออกนอกจวนไปรอซื้อขนมนานถึงเพียงนี้
น่าซาบซึ้งใจเสียจริง”
คำประชดประชันของนางนั้น อันหลิงเกอทำเป็นมิได้ยินและตอบออกไปพร้อมรอยยิ้ม “หลี่อี๋เหนียงมิต้องชมข้าหรอก หากข้าไปพบท่านย่าก็เกรงว่าท่านย่าจักชมข้าอีก เยี่ยงนั้นข้าคงขึ้นสวรรค์แล้ว”
จากนั้นหมิงซินก็นำของอย่างหนึ่งออกมา นางก้มหน้าลงแล้วกล่าว “ของที่คุณหนูใหญ่ซื้อฝากฮูหยินผู้เฒ่าเตรียมเสร็จแล้ว บัดนี้สามารถไปเรือนชิงเฟิงได้แล้วเจ้าค่ะ”
ในมือของหมิงซินถือกล่องผ้าไว้กล่องหนึ่ง หลี่ซื่อมิเห็นว่าของที่อยู่ด้านในคืออันใด ทว่าเพียงมองอันหลิงเกอที่เสแสร้งเป็นคนดีก็รู้สึกรำคาญแล้ว
ออกนอกจวนก็ออกนอกจวนสิ แสร้งทำใจกว้างให้ผู้ใดเห็นเล่า ทำราวกับทั้งจวนมีแต่นางที่เอาใจฮูหยินผู้เฒ่าและรักใคร่น้องหญิงเป็นอยู่ผู้เดียว นี่ทำให้อีเอ๋อของนางกลายเป็นคนมิรู้เรื่องรู้ราวอันใดเลย
ใบหน้าของหลี่ซื่อยิ่งมืดครึ้มจนทนนั่งต่อมิไหว นางรีบกลับไปเรือนของตนเอง จากนั้นให้คนเรียกอันหลิงอีเข้ามาแล้วพูดเกลี้ยกล่อมมิยอมหยุดว่าต้องเอาใจฮูหยินผู้เฒ่าและต้องตีสนิทกับพี่น้องในจวน
และโอกาสที่อันหลิงอีจักตีสนิทกับผู้อื่นก็มาถึงในมิกี่วันต่อมา
ห่างจากวันที่อันหลิงเกอออกนอกเรือนได้มิกี่วัน ท่านโหวก็เรียกทุกคนในจวนมารวมตัวกัน
“ฝ่าบาทมีพระบัญชาให้สร้างสำนักศึกษาจิงตู ทรงรับสั่งให้บุตรของขุนนางในราชสำนักที่มียศขั้นสามขึ้นไปเข้ารับการศึกษาที่นั่น”
อันอิงเฉิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าทรงอำนาจแฝงไปด้วยความเข้มงวด
“มิว่าบุตรชายหรือบุตรสาวก็ต้องไปเรียนที่นั่นหรือเจ้าคะ ? ” หวังซื่อถามเป็นคนแรก นางตามฮูหยินผู้เฒ่ากลับจวนเพราะต้องการให้บุตรชายสอบเข้ารับราชการ วันนี้ฮ่องเต้กลับมีคำสั่งเช่นนี้ หวังซื่อจึงรู้สึกกังวลใจขึ้นมา
หวังซื่อไร้บุตรี ปัจจุบันมีเพียงบุตรชาย 2 คน ด้านบุตรชายคนโตอันหลิงห่าวอายุ 15 ปี เดิมทีได้เชิญอาจารย์ส่วนตัวมาสอนที่เรือน หากอยู่ ๆ ต้องเปลี่ยนสถานศึกษาจึงกลัวจักเกิดเรื่องผิดพลาดอันใดขึ้น
นายท่านรองอันอิงหาวได้ยินเยี่ยงนั้นก็กระแอมขึ้นมาหนึ่งครา หวังซื่อจึงตั้งสติได้เนื่องจากพระบัญชาของฮ่องเต้คือขุนนางในราชสำนักที่ยศขั้นสามขึ้นไป ส่วนอันอิงหาวเพิ่งใช้เส้นสายเข้าทำงานเป็นข้าราชการขั้นหกในปีนี้จึงมินับรวมอยู่ในนั้นด้วย
หมายความว่าในจวนโหว ผู้ที่ได้ไปยังสำนักศึกษาจิงตูก็คืออันหลิงจุนบุตรชายของท่านโหวและบุตรีอย่างอันหลิงเกอ ฝั่งหลี่ซื่อก็มีอันหลิงอีและอันหลิงหยูบุตรชายของเว่ยซื่อ
ใบหน้าของอันหลิงเฉว่แสดงความผิดหวังออกมาอย่างเห็นได้ชัด ฮ่องเต้มีพระบัญชาให้บุตรข้าราชการขั้นสามขึ้นไปเข้าเรียนที่สำนักศึกษา หมายความว่ามู่ซื่อจื่อก็จักไปเรียนที่นั่นด้วยมิใช่หรือ ?
เหตุใดวาสนาของอันหลิงเกอจึงดีเพียงนี้ ตั้งแต่เกิดมาก็ได้เปรียบแล้วทุกอย่าง ทั้งได้ดีกว่านาง ทั้งกดข่มนางไว้ วันนี้ก็ยังสามารถไปเรียนที่สำนักศึกษาจิงตูได้ ทว่านางมิมีสิทธิ์ !
ใบหน้าที่อ่อนโยนและมักแต้มยิ้มเริ่มบูดเบี้ยวออกมาทันที ในที่สุดนางก็ถามอย่างมิพอใจ “ท่านลุงเจ้าคะ มีแต่บุตรขุนนางขั้นสามเท่านั้นที่สามารถเรียนได้หรือเจ้าคะ ? เฉว่เอ๋อชอบพี่หญิงใหญ่และอยากไปเรียนกับพี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ”
คำกล่าวของนางฟังแล้วทำให้รู้สึกใจอ่อนใจ ฮูหยินผู้เฒ่ามองนางด้วยสายตาเป็นห่วงแต่ก็มิได้เอ่ยอันใดออกมา
อันอิงเฉิงกวาดตามองโดยรอบแล้วพูดว่า “ฝ่าบาทเพียงมีพระบัญชาให้บุตรข้าราชการขั้นสามขึ้นไปเข้ารับการศึกษาที่นั่น ส่วนผู้อื่นถ้าอยากไปด้วยก็สามารถสอบเข้าตามขั้นตอนของสำนักศึกษาจิงตู”
อันอิงเฉิงกล่าวจบพร้อมขมวดคิ้วแน่น เขาเองก็มิเข้าใจในพระประสงค์ของฝ่าบาท เดิมทีอยากพูดให้อันหลิงเฉว่และคนอื่นเข้าใจว่าจักเข้าศึกษาที่สำนักศึกษาจิงตูนั้นมิใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อเห็นใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าและอันอิงคังที่ดีใจออกมาก็ต้องกลืนคำพูดลงท้องไป
อันหลิงเกอทำท่าทีนิ่งเฉย ทว่ามือทั้งสองข้างจับกันแน่น ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ
ฮ่องเต้มีพระบัญชาเยี่ยงนี้ หมายความว่าจุนเกอร์เอ๋อก็จักมาเรียนที่สำนักศึกษาจิงตู ถ้าเช่นนั้นนางก็ได้พบจุนเกอร์เอ๋อทุกวันใช่หรือไม่ ?
มิแน่ว่าฮ่องเต้อาจปล่อยจุนเกอร์เอ๋อออกจากวังหลวงแล้วกลับจวนด้วยเหตุนี้ !
อันหลิงเกอรู้สึกตื่นเต้นจนมือสั่น เว่ยอี๋เหนียงที่นั่งอยู่ด้านข้างแล้วเห็นท่าทีของนางก็ลอบถอนหายใจออกมา
ได้แต่คิดในใจว่าคุณหนูใหญ่ยังเด็กนัก มิเคยผ่านหนาวผ่านร้อนจึงมองมิเห็นความลำบากที่ถูกห่อไว้ใต้ความหวาน
นางกอดอันหลิงหยูไว้ในอ้อมเเขน ใบหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ท้ายสุดก็เอ่ยขึ้นว่า “มิรู้ว่าคุณชายรองจักมาที่สำนักศึกษาจิงตูหรือไม่เจ้าคะ ? “
คุณชายรองหมายถึงอันหลิงจุน แม้ว่าเขาจักเป็นบุตรชายคนโตของอันอิงเฉิง ส่วนอันหลิงห่าวที่หวังซื่อคลอดมีอายุมากกว่าเขา เดิมทีจวนโหวมีแต่ครอบครัวของท่านโหวอยู่ อันหลิงจุนจึงเป็นคุณชายใหญ่ ทว่าตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าพาครอบครัวนายท่านรองและนายท่านสามกลับมาอยู่ที่จวนโหวและอันหลิงห่าวก็เป็นบุตรของภรรยาเอก ดังนั้นอันหลิงจุนจึงกลายเป็นคุณชายรองไปโดยปริยาย
คำถามของเว่ยอี๋เหนียงทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ อันอิงเฉิงเหลือบมองนางหนึ่งครา แต่มองมิออกว่าโกรธหรือไม่ “จุนเอ๋อเข้าวังเป็นพระสหายขององค์ชาย หากองค์ชายมิได้มาที่สำนักศึกษาจิงตู จุนเอ๋อก็มาที่นั่นมิได้แน่นอน”
เรื่องนี้ย่อมต้องดูพระดำริของฮ่องเต้ ทว่าในโลกนี้มีผู้ใดคาดเดาหทัยฮ่องเต้ออกหรือ ? หากมีผู้มองฮ่องเต้ได้อย่างทะลุปรุโปร่งก็แน่นอนว่าจักเหลือเพียงวิญญาณไปแล้ว
เมื่อได้ฟังเยี่ยงนี้ มือที่จับกันแน่นของอันหลิงเกอก็ค่อย ๆ คลายออก มุมปากฝืนยิ้มอย่างยากลำบาก
คิดไว้เเล้วว่านางดีใจเร็วเกินไป จุนเกอร์เอ๋อจักออกจากวังโดยง่ายได้อย่างไร ?
…
*ขนมกุ้ยฮวา คือขนมที่ใส่ดอกกุ้ยหรือดอกหอมหมื่นลี้ในภาษาไทย