พลิกชะตาชายาสยบแค้น – ตอนที่ 114 ทวงความรับผิดชอบ

ตอนที่ 114 ทวงความรับผิดชอบ

มู่จวินฮานตามมาทันพอดีจึงยิงธนูเข้าที่ศีรษะของม้าตัวนั้น โลหิตของมันไหลทะลักออกมาพร้อมเสียงร้องดังขึ้นสองครั้งแล้วมันก็ล้มลงกับพื้น

มู่จวินฮานรีบกระโดดไปรับอันหลิงเกอและอุ้มนางเข้าสู่อ้อมแขนทันที เมื่อเท้าแตะพื้นเขาก็วางตัวอันหลิงเกอลง

“พี่หญิงใหญ่มิเป็นอันใดใช่ไหมเจ้าคะ ? ”

อันหลิงเฉว่รีบเดินเข้ามาหาอันหลิงเกอและมู่จวินฮานพร้อมเอ่ยถามทันที แต่เมื่อนางเห็นว่าอันหลิงเกอมิได้เป็นอันใดแม้แต่น้อยก็เผยแววตาผิดหวัง ส่วนใบหน้ายังแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเช่นเดิมราวกับว่าการทะเลาะกันเมื่อวานมิเคยเกิดขึ้น

ทว่าด้วยสายตาเฉียบคมของมู่จวินฮานจึงเห็นความผิดหวังนั้นของอันหลิงเฉว่ เขาจึงเผยแววตาเย็นชาออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงตัวอันหลิงเกอไปด้านหลังหนึ่งก้าวเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนมิอยากให้อันหลิงเฉว่เข้าใกล้คู่หมั้นของตน

อันหลิงเฉว่เห็นท่าทีเยี่ยงนั้นก็ตกตะลึง มือที่ยื่นออกไปหยุดค้างกลางอากาศ ใบหน้าแสดงความน้อยใจออกมา “ข้าแค่อยากดูว่าพี่หญิงบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ ท่านมู่ซื่อจื่อมิต้องระแวงข้าถึงเพียงนี้หรอกเจ้าค่ะ”

ทางด้านอันหลิงอีที่เดินมาพร้อมอันหลิงเหมิงก็รู้สึกโมโหยิ่งนัก เพราะแผนที่วางไว้มิเป็นดั่งหวัง ตั้งแต่ที่นางทราบว่าสำนักศึกษาจิงตูมีการทดสอบหกทักษะ นางก็คิดหาวิธีซื้อตัวคนเลี้ยงม้าไว้เพื่อป้ายยาดึงดูดม้าให้วิ่งตรงไปที่หน้าผาหลังภูเขา

แผนการของนางคือรอให้อันหลิงเกอมาถึงก็ให้คนแอบป้ายยาบนตัวม้า ต่อจากนั้นเมื่ออันหลิงเกอขึ้นบนหลังม้า มันจักวิ่งตามกลิ่นไปทางด้านหลังของภูเขาที่มีหน้าผาอยู่ ด้วยเหตุนี้อันหลิงเกอจักตกหน้าผาและมีจุดจบมิสวยงาม

น่าเสียดายที่มู่ซื่อจื่อตอบสนองเร็วไวจึงเข้าไปช่วยอันหลิงเกอได้ทัน ส่งผลให้นางลงแรงโดยเปล่าประโยชน์

อันหลิงอียืนขบกรามแน่น ในตอนนี้รู้สึกเพียงว่าอันหลิงเกอที่อยู่ด้านหลังของมู่ซื่อจื่อช่างดูขัดหูขัดตายิ่งนัก

นางฉีกยิ้มออกมาและเข้าไปใกล้ตัวอันหลิงเกอเพื่อกล่าวว่า “โชคดีที่พี่หญิงใหญ่มิได้เป็นอันใด แต่ข้าคิดว่ามู่ซื่อจื่อควรปล่อยมือจากพี่หญิงได้แล้วกระมัง หากผู้อื่นมาเห็นจักเอาไปนินทาได้เจ้าค่ะ”

สถานการณ์เมื่อครู่กะทันหันมากเกินไป มู่จวินฮานจึงดึงตัวอันหลิงเกอไปไว้ด้านหลัง ทว่าตอนนี้อันหลิงเกอมิได้เป็นอันใดแล้ว หากเขายังจับมือนางไว้ก็ดูมิดีจริง ๆ

อันหลิงเกอก็ได้สติจากคำกล่าวของอันหลิงอี นางจึงเดินออกมาจากด้านหลังของมู่จวินฮานโดยใช้ดวงตาจ้องมองไปที่อันหลิงอีและอันหลิงเฉว่ “ข้าต้องขอบคุณมู่ซื่อจื่อที่ช่วยไว้วันนี้ มิเช่นนั้นข้าคงกลายเป็นวิญญาณอาฆาตไปแล้วเจ้าค่ะ”

หลังจากนั้นอันหลิงเกอก็นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันไปกล่าวกับอาจารย์ “ในเมื่อเกิดเรื่องราวเยี่ยงนี้ขึ้นในการทดสอบของสำนักศึกษาจิงตู มิทราบว่าคนร้ายต้องการพุ่งเป้าหมายมาที่ข้าหรือเป็นเพียงเหตุบังเอิญ ทว่าเรื่องนี้ต้องได้รับการตรวจสอบว่าเหตุใดม้าตัวนี้จึงพยศขึ้นมาได้ หากตรวจสอบได้แล้วทุกคนก็จักได้สบายใจด้วย”

รอยยิ้มได้ใจบนใบหน้าของอันหลิงอีมลายหายไปทันที แต่อันหลิงเฉว่มิสะทกสะท้านอันใดเพราะมิว่าเยี่ยงไรนางก็มิได้ลงมือ

อาจารย์ผู้นั้นก็ตกใจจนเหงื่อไหลไปทั้งกาย เดิมทีแค่ทำตามบัญชาของฮ่องเต้ว่าให้ตรวจสอบลูกหลานขุนนางเหล่านี้อย่างละเอียด แต่ผู้ใจจักคาดคิดว่าเกิดเรื่องเยี่ยงนี้ขึ้น

โชคดีที่คุณหนูใหญ่อันแห่งจวนโหวแค่ตกใจมิได้เป็นอันใด หากม้าตัวนั้นพานางตกหน้าผาจริง สำนักศึกษาจิงตูแห่งนี้ต้องจบเห่ และเขาก็ต้องโดนฮ่องเต้ลงโทษอย่างแน่นอน !

เมื่อคิดได้เยี่ยงนี้เขาก็รีบตอบรับอันหลิงเกอด้วยเสียงสูง “คุณหนูใหญ่อันวางใจได้ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของศิษย์ทุกคน ทางสำนักศึกษาจิงตูต้องรีบตรวจสอบให้แน่ชัดอย่างแน่นอน”

ด้วยเหตุนี้การทดสอบของสำนักศึกษาจิงตูจึงหยุดลงชั่วคราว เหล่าลูกศิษย์ก็กลับจวนตนเองเร็วกว่าทุกวัน

เมื่อเดินออกสำนักศึกษาจิงตู อันหลิงเฉว่ก็มิได้แสดงท่าทางเป็นห่วงเป็นใยอีกต่อไป นางเดินขึ้นรถม้าคนเดียวและทิ้งอันหลิงเกอไว้ข้างหลัง

อันหลิงเกอก็มิสนใจท่าทางเสแสร้งนั้นอยู่แล้ว นางจึงก้าวขึ้นรถม้าอีกคัน ยามนั่งอยู่ในรถม้านางก็หลับตาลงพร้อมครุ่นคิดถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้เงียบ ๆ

หากบอกว่าคนร้ายพุ่งเป้ามาที่ศิษย์ทุกคนในสำนักศึกษาจิงตู เพียงแค่นางโชคร้ายไปเจอเข้าเท่านั้น มันก็มิน่าเป็นไปได้

เพราะมิว่าผู้ใดก็ทราบว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังสำนักศึกษาจิงตูคือฮ่องเต้ ผู้เป็นบุคคลที่ทรงเกียรติและน่ายำเกรงที่สุดในแผ่นดินต้าโจว จักมีผู้ใดที่คิดสั้นพุ่งเป้าไปที่สำนักศึกษาจิงตูเพื่อยั่วโทสะฮ่องเต้เยี่ยงนี้ ?

พอคิดได้เยี่ยงนี้ก็เหลือความเป็นไปได้แค่อย่างเดียวก็คือศัตรูส่วนตัวของนาง

ถ้าลองนึกถึงศัตรูของนางแล้วก็มีเพียงแค่หลี่ซื่อสองแม่ลูกในจวนและอันหลิงเฉว่อีกคน

อันหลิงเฉว่แม้ชอบแสร้งทำอ่อนแอและมีน้ำใจ นอกจากนี้ยังได้รับความรักจากท่านย่าและมีที่ยืนในจวน แต่ก็เพิ่งกลับมาอยู่เมืองหลวงได้มินานจึงมิมีทางหาคนนอกมาทำร้ายคนอื่นได้อย่างแน่นอน

เมื่อกลับถึงจวนโหว อันหลิงเกอก็ตรงไปที่เรือนชิงเฟิงของฮูหยินผู้เฒ่าทันที

“เกอเอ๋อ เหตุใดวันนี้กลับจวนเร็วถึงเพียงนี้เล่า ? ”

เพราะเรื่องที่ฮูหยินผู้เฒ่าทำร้ายอันหลิงเกอในวันนั้นจึงทำให้นางรู้สึกผิด เมื่อพบหน้าอันหลิงเกอก็ทำให้น้ำเสียงฟังแล้วอ่อนโยนขึ้นมากกว่าเดิม

ท่าทางของอันหลิงเกอในสายตาของฮูหยินผู้เฒ่าน่าเอ็นดูมากกว่าเก่า เพียงแค่ขาดความรู้สึกสนิทสนมไปก็เท่านั้น “เรียนท่านย่า เกิดปัญหาขึ้นกับการทดสอบขี่ม้ายิ่งธนู จนเป็นเหตุให้เกือบคร่าชีวิตคน อาจารย์จึงให้พวกเรากลับจวนมาก่อนเพราะต้องตรวจสอบเรื่องนี้เจ้าค่ะ”

“มีเรื่องเยี่ยงนี้ด้วยหรือ ? ” ฮูหยินผู้เฒ่าตกใจมากเพราะที่นั่นคือสำนักศึกษาจิงตูที่ฮ่องเต้ออกราชโองการให้จัดตั้งขึ้น เพิ่งเปิดเรียนได้มิกี่วันก็มีเรื่องถึงชีวิตคนแล้ว มันช่างน่ากลัวเกินไป

หากฮ่องเต้สั่งลงโทษเพราะเหตุนี้ก็จักยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

สายตาฮูหยินผู้เฒ่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่าใบหน้าของนางยังเรียบเฉยมิแสดงท่าทีอันใดออกมา “แล้วเกิดเรื่องนี้ขึ้นกับผู้ใด เขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ? ”

“เรียนท่านย่า หลานโชคร้ายเป็นผู้เจอม้าพยศตัวนั้นจนเกือบตกหน้าผา โชคดีที่มู่ซื่อจื่อช่วยไว้ได้ทัน หลานจึงรอดพ้นจากอันตรายมาได้เจ้าค่ะ” ท่าทางของอันหลิงเกอที่กล่าวออกมาดูตื่นกลัว ใบหน้างดงามเปื้อนด้วยความกังวล “เพราะมีเรื่องนี้เกิดขึ้น หลานจึงอยากมาถามท่านย่าว่าหลานจักขอหยุดเรียนมิไปเรียนที่สำนักศึกษาสักสองสามวันได้หรือไม่เจ้าคะ ท่านย่าอนุญาตให้หลานพักผ่อนกายใจได้ไหมเจ้าคะ?”

เมื่อได้ฟังเรื่องที่อันหลิงเกอเล่ามาก็เป็นเหตุให้ดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่ากระตุกอย่างรุนแรง นี่เกิดเรื่องกับหลานสาวของตน หากฮ่องเต้จักกล่าวโทษจวนโหวด้วยเหตุนี้ขึ้นมา..

ฮูหยินผู้เฒ่ามิได้สนใจคำกล่าวของอันหลิงเกอแล้วรีบถามข้อมูลให้ละเอียดทันทีว่าเรื่องเป็นมาเยี่ยงไร หลังฟังจบฮูหยินผู้เฒ่าก็เผยใบหน้าเคร่งขรึมและสั่งสาวใช้ข้างกายว่า “ไปเรียกคุณหนูทั้งหลายมาที่นี่”

“วันนี้พวกนางก็ตกใจเหมือนกัน ท่านย่าจักเรียกพวกนางมาด้วยเหตุใดเจ้าคะ ? ” อันหลิงเกอถามพร้อมก้มหน้าหลบตา คนที่หนักแน่นมาตลอดกลับเผยท่าทีหวาดกลัวออกมาเยี่ยงนี้ “ถ้าอย่างไรท่านย่าอนุญาตให้หลานหยุดเรียนดีกว่าเจ้าค่ะ รอให้สืบได้แน่ชัด แล้วหลานค่อยกลับไปเรียนใหม่ก็ยังมิสาย”

ท่าทางของอันหลิงเกอแสดงออกมาราวกับหวาดกลัวจนมิกล้าไปที่สำนักศึกษาอีก ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นเยี่ยงนั้นก็รู้สึกโกรธยิ่งกว่าเดิม แม้พวกคุณหนูในจวนมีความอิจฉาริษยาต่อกันแต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องเข้าใจได้ เพราะในช่วงวัยนี้จักมีผู้ใดมิวางแผนอนาคตให้ตนบ้าง แต่การวางแผนที่คิดคร่าชีวิตผู้อื่นเยี่ยงนี้ นางจักทำเลอะเลือนปล่อยผ่านไปโดยง่ายมิได้เด็ดขาด !

“เกอเอ๋อวางใจเถิด ย่าต้องสืบเรื่องนี้ให้กระจ่างอย่างแน่นอน ย่าจักมิปล่อยให้เจ้าได้รับความมิเป็นธรรมอีก” ฮูหยินผู้เฒ่าปลอบโยนอันหลิงเกอ จากนั้นก็กระตุ้นให้สาวใช้รีบไปตามเหล่าคุณหนูมา

ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าฮูหยินผู้เฒ่าปกป้องอันหลิงเฉว่ ทว่าตอนนี้นางทำเพื่อตนเองเพราะเรื่องนี้เกี่ยวโยงถึงความมั่นคงของทั้งจวนโหว

อันหลิงเกอเห็นเยี่ยงนั้นก็ยกยิ้มมุมปากและเริ่มเข้าใจว่าขีดจำกัดของฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ตรงที่ใด

ทางด้านอันหลิงอีและคนอื่น ๆ เพิ่งกลับมาถึงเรือนได้มินานก็ถูกสาวใช้ที่ฮูหยินผู้เฒ่าส่งมาเรียกตัว

เมื่อเหล่าคุณหนูมาถึงเรือนชิงเฟิง อันหลิงอีก็ลอบมองใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่า แต่แล้วก็ต้องตกใจกับสายตาที่เกรี้ยวโกรธตรงเบื้องหน้า

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง พลิกชะตาชายาสยบแค้นจวนโหวเต็มไปด้วยเสียงมโหรีดังอึกทึก ภายในประดับประดาด้วยโคมไฟและผ้าแพรหลากสี อันหลิงเกออยู่ในชุดแต่งงานสีแดง นางกำลังใช้ชาดทาปากอยู่หน้ากระจก ด้านหลังมีสาวใช้สองคนกำลังช่วยนางหวีผมแต่งตัว วันนี้ นางจะต้องเป็นเจ้าสาวที่งดงามที่สุดในเมืองหลวง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset