ตอนที่ 117 โดนลงโทษ
สาวใช้คนสนิทของอันหลิงอีก็คือหงเถาที่ถูกพาตัวมาอย่างรวดเร็ว ฮูหยินผู้เฒ่ามิชายตามองนางสักนิด เพียงแค่ออกคำสั่งอย่างเย็นชาว่า “พานางไปที่ลานแล้วเรียกโมโม่ผู้ทำหน้าที่ลงโทษมาด้วย ปล่อยให้พวกนางจัดการ หากใครกล้าปกป้อง ข้าจักให้รับโทษพร้อมหงเถา ! ”
พวกคนรับใช้ขานรับอย่างต่อเนื่อง หงเถายังมิเข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้นแต่พอได้ยินว่าตนเองโดนลงโทษก็รีบตะโกนออกมาทันที “ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ บ่าวทำอันใดผิด ท่านถึงสั่งลงโทษบ่าวเยี่ยงนี้เจ้าคะ ? ”
ต่อจากนั้นนางก็พยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของพวกคนใช้เพื่อวิ่งมาอยู่เบื้องหน้าของฮูหยินผู้เฒ่า
แต่โมโม่หนึ่งในนั้นเป็นคนโหดมากจึงถีบเข้าที่หลังของนางอย่างแรง ทำให้หงเถาล้มลงกับพื้น จากนั้นก็รีบเข้ามาจับตัวไว้ทันที
“เจ้าทำอันใดผิดยังต้องให้ข้าอธิบายอีกหรือ ? ” จนถึงตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าจึงได้เหลือบมองนาง
อันหลิงเฉว่ที่อยู่ด้านข้างรีบเอ่ยปาก “เจ้ามีจิตใจชั่วร้ายเกือบทำให้พี่หญิงใหญ่ถึงแก่ความตาย ท่านย่ามิสมควรลงโทษเจ้าหรือ ? ”
เมื่อได้ฟังอันหลิงเฉว่กล่าวเยี่ยงนี้ ท่าทีของหงเถาก็เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว ใบหน้าซีดเซียวและดวงตาจ้องมองไปยังอันหลิงอี “คุณหนูรอง บ่าวทำตามที่คุณหนูรองสั่ง ท่านรีบเรียนฮูหยินผู้เฒ่าว่าบ่าวมิได้คิดทำร้ายคุณหนูใหญ่สิเจ้าคะ ! ”
อันหลิงอีหลบตาและกล่าวอย่างร้อนตัว “ข้าให้เจ้าวางแผนทำร้ายพี่หญิงใหญ่เมื่อไร ? ปากของบ่าวเยี่ยงเจ้าเต็มไปด้วยคำโกหกและยังกล้าแว้งกัดข้าอีก”
หลังจากกล่าวจบอันหลิงอีก็หมุนตัวไปทางฮูหยินผู้เฒ่า “ขอให้ท่านย่าตัดสินและจัดการกับสาวใช้มิรักดีผู้นี้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
มิว่าเยี่ยงไรฮูหยินผู้เฒ่าก็ตัดสินใจให้หงเถารับผิดแทนนางอยู่แล้ว แม้ผู้อื่นรู้ความจริงก็มิมีผู้ใดกล้ากล่าวออกมาอยู่ดี เยี่ยงนั้นนางก็แสร้งทำเป็นโหดเพื่อจักสามารถทำให้ตนเองกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ได้แล้ว
หงเถาตาเบิกกว้างอย่างมิอยากเชื่อ “คุณหนูรองเจ้าคะ ก็เห็นอยู่ว่าท่านสั่งบ่าว…”
“ข้าสั่งอันใด ? ” อันหลิงอีเลิกคิ้วและถามด้วยความมั่นใจ “เห็นแก่ที่เจ้ารับใช้ข้ามานาน ตอนที่ท่านย่าเอ่ยถามถึงเรื่องนี้ ข้าจึงมิได้กล่าวเรื่องของเจ้าออกมา แต่ตอนนี้ข้าต้องมาโดนเจ้ากล่าวหาเสียเอง ในเมื่อเรื่องที่เจ้าก่อทำให้จวนโหวเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ข้าก็มิอาจช่วยเจ้าปกปิดความผิดได้อีกต่อไป”
อันหลิงอีทำราวกับว่าก่อนหน้านี้ที่นางสารภาพความผิดของตนก็เพื่อปกปิดความผิดให้สาวใช้คนสนิท เพราะทนเห็นอีกฝ่ายได้รับโทษมิได้ นางจึงบอกว่าตนสั่งให้สาวใช้ทำเรื่องนี้
มิว่าผู้อื่นจักเชื่อหรือมิเชื่อ อย่างไรก็มีเหตุผลอยู่แล้ว นางสามารถกล่าวอ้างเพื่อเอาตัวรอดจากเรื่องนี้ได้อย่างขาวสะอาด
เพียงชั่วพริบตาเดียว อันหลิงอีก็สามารถกลับดำเป็นขาวได้ หงเถามีใบหน้าขาวซีดหนักกว่าเดิม เพราะรู้ว่าคุณหนูรองกำลังทอดทิ้งตน จึงรีบอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและชัดเจนในฮูหยินผู้เฒ่าฟัง
ในขณะที่ฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟังว่าอันหลิงอีสั่งสาวใช้ไปซื้อคนเลี้ยงม้าเยี่ยงไร วางยาเยี่ยงไรบ้าง ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าก็เคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม แต่นางกล่าวออกมาเพียงสั้น ๆ ว่า “ยังมิรีบนำตัวบ่าวร้อยเล่ห์ที่คิดทำร้ายเจ้านายออกไปอีก พวกเจ้าจักรอให้นางปีนขึ้นมาทำร้ายคุณหนูหรือไร ? ”
ฮูหยินผู้เฒ่าแสดงท่าทีอย่างชัดเจน มิว่าหงเถากล่าวเยี่ยงไร เรื่องนี้ก็เป็นความผิดของหงเถาเพียงผู้เดียว
อันหลิงอีเห็นเยี่ยงนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็ลอบยิ้มเยาะในความโง่ของอันหลิงเกอ เพื่อส่วนรวม อันหลิงเกอจึงต้องคิดวิธีทำให้นางรอดพ้นจากความผิด ช่างโง่เกินเยียวยาเสียจริง
แต่อันหลิงอีจักคาดคิดได้เยี่ยงไรว่าคราวนี้ฮูหยินผู้เฒ่าโมโหยิ่งนัก เพียงแต่มิจัดการกับนางในตอนนี้ เมื่อวันเวลาผ่านไปก็จักหาเหตุผลมาลงโทษอยู่ดี ตอนนี้ทำโทษสาวใช้ก็เพราะกลัวทำให้จวนโหวเดือดร้อนไปด้วยเท่านั้น
ส่วนอันหลิงเกอก็รู้ดีแก่ใจ ถ้าให้อันหลิงอีรับโทษโดยตรงก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อจวนโหวซึ่งฮูหยินผู้เฒ่ามิยอมแน่นอน เพื่อรับมือกับฮ่องเต้แล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็อาจคิดหาวิธีให้อันหลิงอีรอดตัวอยู่ดี หรืออาจส่งคนไปเก็บร่องรอยที่สำนักศึกษาจนสะอาดหมดจด
การผลักปัญหาให้สาวใช้คนสนิทของอันหลิงอี ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมมิลังเลอยู่แล้ว หลังจบเรื่องยังสามารถหาข้ออ้างในการจัดการอันหลิงอีได้อีก นี่ถือเป็นการยิงธนูดอกเดียวได้นกถึง 2 ตัว
ภายนอกอาจเห็นว่าอันหลิงอีรอดตัว แท้ที่จริงเป็นการขุดหลุมให้อันหลิงอีเสียมากกว่า รอแค่วันใดสักวันที่ฮูหยินผู้เฒ่ามีข้ออ้างขึ้นมา อันหลิงอีก็จักตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอน
อันหลิงเกอยกยิ้มมุมปากแล้วเดินตามโมโม่ที่ทำการลงโทษไป
“ฮูหยินผู้เฒ่า บ่าวโดนปรักปรำเจ้าค่ะ ! ” หงเถาที่โดนจับกดไว้กับแผ่นไม้ยังพยายามดิ้นมิหยุด ฮูหยินผู้เฒ่าพาอันหลิงเฉว่และผู้อื่นมายืนอยู่ด้านข้าง หลังได้ยินเยี่ยงนั้นนางก็ขมวดคิ้วแล้วสั่งออกไป “อุดปากนางไว้”
แน่นอนว่าต้องมีการเตรียมผ้าไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ โมโม่คนหนึ่งหยิบเศษผ้าออกมาแล้วยัดเข้าปากหงเถาทันที
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าพอใจ “โบย 50 ไม้และขาดมิได้แม้แต่ไม้เดียว มิใช่เพียงแค่เกอเอ๋อที่ต้องดูสาวใช้ผู้นี้ถูกลงโทษ เฉว่เอ๋อและอีกสองคนต้องดูไว้ให้ดี สำหรับบ่าวที่คิดทำร้ายเจ้านายเยี่ยงนี้ ข้าจักใจอ่อนมิได้เด็ดขาด”
การที่ฮูหยินผู้เฒ่าพาเหล่าคุณหนูออกมาดูการลงโทษ มิได้ทำเพราะอยากสอนพวกนางให้รู้ว่าควรจัดการบ่าวเยี่ยงไร แต่อยากใช้โอกาสที่สาวใช้ผู้นี้โดนโบยมาสั่งสอนพวกนางให้รู้สึกราวกับตนถูกโบยไปด้วย มิเช่นนั้นพวกนางจักมิอยู่เป็นสุขและก่อเรื่องขึ้นอีก
พออันหลิงเฉว่ได้เห็นเยี่ยงนั้นก็ทนมิได้ ใบหน้าอ่อนโยนเผยให้เห็นความเห็นอกเห็นใจ “ก็แค่สาวใช้คนหนึ่ง…”
น้ำเสียงแผ่วเบาราวกับต้องการขอร้องแทนสาวใช้คนนี้
ทันใดนั้นใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าก็เปลี่ยนไปทันที นางกล่าวออกมาเสียงเรียบ “เพราะนางเป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่งจึงละเว้นนางมิได้ คนเราเพียงแค่ฐานะที่เกิดมาก็สามารถกำหนดอันใดได้หลายอย่างแล้ว”
หงเถามีชาติกำเนิดต่ำต้อยเป็นแค่สาวใช้คนหนึ่งจึงโดนลงโทษ ถ้ามิได้เป็นเพราะอันหลิงอีมีฐานะคุณหนูของจวนโหว ในเวลานี้คนที่โดนโบยก็ต้องเป็นนางแทน
เมื่อได้ฟังฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวออกมาเยี่ยงนี้ อันหลิงเฉว่ก็รู้สึกว่าฮูหยินผู้เฒ่ากำลังโบยนางอยู่ คล้ายบอกนางว่าอย่าคิดเพ้อฝันเพราะจวนอ๋องมู่มิใช่สถานที่ของนาง
นางรู้สึกด้านชาไปทั่วใบหน้า แต่มันก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว “ท่านย่ากล่าวถูกต้องเจ้าค่ะ แค่ชาติกำเนิดก็สามารถกำหนดอันใดได้หลายอย่างแล้ว”
แม้ชาติกำเนิดสามารถกำหนดอันใดได้หลายอย่าง แต่ก็ยังมีเรื่องอีกมายมายที่ต้องอาศัยความขยันเพื่อเปลี่ยนแปลงมัน เช่น ฮองเฮาที่มีฐานะสูงสุดในวังหลัง มีชาติกำเนิดจากสกุลอ๋องและฐานะโดดเด่น แต่สุดท้ายก็มิได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้และโดนสนมเยี่ยงหลี่กุ้ยเฟยวางอำนาจใส่
เมื่อคิดได้เยี่ยงนี้ แววตาของอันหลิงเฉว่ก็เปลี่ยนไปแล้วหันไปมองการลงโทษนั้น สุดท้ายก็ทนมองมิได้จนต้องก้มหน้าลง
คราวนี้นางมิได้เสแสร้งเพราะนางมิเคยเห็นบทลงโทษเยี่ยงนี้มาก่อน การลงโทษนี้มีเลือดนองเต็มพื้นไปหมดทำให้นางหวาดกลัวยิ่งนัก
ส่วนอันหลิงอีย่อมมิกล้ามองอยู่แล้ว ขณะได้ยินเสียงไม้สะบัดกลางอากาศ นางก็รู้สึกราวกับไม้นั้นกำลังฟาดลงที่ตน นางจึงรีบก้มมองรองเท้าและพยายามเมินเสียงที่ได้ยิน
ฮูหยินผู้เฒ่าดูเพียงครู่เดียวก็รู้สึกเหนื่อยจึงบอกให้สาวใช้พานางกลับเรือนแต่ยังออกคำสั่งให้เหล่าคุณหนูอยู่ดูการลงโทษจนจบ
อันหลิงเกอขานรับ ดวงตาหยุดอยู่ที่ร่างของหงเถา ขณะมองไม้ที่เคลื่อนออกจากรอยเลือด ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความเย็นชา