ตอนที่ 118 เหี้ยมโหด
เมื่อเห็นท่าทีของอันหลิงเกอ ในที่สุดอันหลิงเฉว่ก็ห้ามใจมิอยู่แล้วเอ่ยถามออกมาจนได้ แต่นางใช้น้ำเสียงประณามในการสนทนา “พี่หญิงใหญ่ลากผู้บริสุทธิ์มารับโทษแทนก็ช่างเถิด ทว่าตอนนี้ยังมองนางรับโทษอย่างเลือดเย็น ภายในใจท่านมิรู้สึกผิดบ้างเลยหรือ ? ”
ทันใดนั้นแววตาของอันหลิงเกอก็เปลี่ยนไปทันที นัยน์ตาสีดำคู่งามหันมาสบตากับนัยน์ตาสีน้ำตาลของอันหลิงเฉว่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกราวกับถูกมองทะลุความคิดดำมืดในใจจึงหลบสายตาของนางทันที
หลังจากนั้นอันหลิงเกอก็เอ่ยพร้อมใบหน้าเปื้อนไปด้วยความเยาะเย้ย “ถ้าน้องหญิงรองคิดว่าสาวใช้ผู้นี้บริสุทธิ์ แล้วเหตุใดเจ้ามิขอร้องแทนนางต่อหน้าท่านย่า กลับมากล่าวหาข้าเยี่ยงนี้”
“ข้าขอถามเจ้าเสียหน่อย สาวใช้ผู้นี้ซื้อยาป้ายม้าหรือไม่ ? นางซื้อตัวคนเลี้ยงม้าในสำนักศึกษาหรือไม่ ? ตอนที่นางทำเรื่องพวกนี้ก็รู้ดีว่าผลลัพธ์จักเป็นเยี่ยงไร แต่เพื่อทำร้ายข้าก็ยังเลือกทำ สาวใช้ที่คิดทำร้ายเจ้านายเยี่ยงนี้คือผู้บริสุทธิ์ในสายตาน้องหญิงรองหรอกหรือ ? ”
อันหลิงเกอกล่าวมิช้ามิเร็วเกินไป ทว่าถ้อยคำหนักแน่นชัดเจนทำให้คำกล่าวหวานหูที่อันหลิงเฉว่เตรียมไว้ติดอยู่ในลำคอมิได้กล่าวออกมา
อันหลิงเฉว่ไหนเลยจักสนใจว่าสาวใช้ผู้นี้บริสุทธิ์จริงหรือไม่ นางแค่อยากใช้เรื่องนี้มาแสดงให้พวกบ่าวเห็นว่าอันหลิงเกอเป็นคนเลือดเย็นไร้หัวใจและมิรู้จักแยกแยะ
วันนี้อันหลิงเกอกล้าปรักปรำสาวใช้คนสนิทของอันหลิงอี พรุ่งนี้ก็อาจปรักปรำผู้ใดก็ได้
หากในใจของพวกบ่าวมีความคิดนี้อยู่ก็จักมิโดนอันหลิงเกอซื้อตัวได้โดยง่ายดายและเมื่อถึงเวลาที่นางอยากดึงตัวคนพวกนี้มาเป็นพวก มันก็ช่วยลดพลังงานของนางได้มาก
ผู้ใดจักคาดคิดว่าอันหลิงเกอฉลาดและเจ้าเล่ห์ถึงเพียงนี้ เพียงกล่าวมิกี่คำก็สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนได้แล้ว ทั้งยังแสดงให้เห็นว่านางมิใช่คนโง่ที่มิรู้จักดีชั่ว
อันหลิงเฉว่แสดงสีหน้ามิพอใจออกมา ราวกับตนกำลังถูกปรักปรำ “พี่หญิงใหญ่มิต้องจริงจังถึงเพียงนี้เลยเจ้าค่ะ ข้าแค่คิดว่าสาวใช้ตัวเล็ก ๆ เยี่ยงนางมิได้เป็นคนต้นคิดเรื่องทำร้ายพี่หญิงใหญ่ ทว่าต้องรับโทษหนักถึงเพียงนี้ ช่างมิยุติธรรมเอาเสียเลย”
“มิว่านางเป็นผู้บงการหรือผู้สมรู้ร่วมคิดก็ถือเป็นคนผิดทั้งสิ้น น้องหญิงรองมิเข้าใจเรื่องนี้หรือ ? ” น้ำเสียงของอันหลิงเกอแผ่วเบาและแฝงไปด้วยการสั่งสอน “ก็เหมือนเหตุหิมะถล่ม เห็นอยู่ชัดเจนว่าก็แค่หิมะตก แต่ทำให้ชาวบ้านหลายพันคนบนภูเขาต้องจบชีวิตลง นี่ก็มิได้เป็นความผิดของหิมะหรือ ? น้องหญิงรองอายุยังน้อย แต่มิควรกล่าววาจาไร้เดียงสาว่าหิมะมิสมควรได้รับการปัดกวาดหรอกนะ”
เสียงไม้ที่เฉียบคมยังก้องอยู่ในหู แต่อันหลิงเฉว่รู้สึกราวกับโดนไม้ฟาดหน้าจนทำให้นางแสบร้อนไปทั่ว
ในเหตุการณ์หิมะถล่มมิมีหิมะเกล็ดไหนบริสุทธิ์ แล้วนางจักมิเข้าใจเรื่องนี้ได้เยี่ยงไร เพียงคาดมิถึงว่าอันหลิงเกอจักใช้เรื่องเยี่ยงนี้มาสั่งสอนตนและคำกล่าวของอีกฝ่ายยังบ่งบอกว่านางกำลังด่าตนเองว่าโง่เขลา
ในขณะที่อันหลิงเฉว่กำลังรู้สึกอับอายก็เห็นโมโม่ที่ลงโทษ ทางด้านนั้นหยุดมือลงและหนึ่งในนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงลำบากใจว่า “เรียนคุณหนูใหญ่ สาวใช้ผู้นี้มิหายใจแล้วเจ้าค่ะ”
“โบยไปเท่าไรแล้ว ? ” อันหลิงเกอลืมนับว่าเท่าไร ทว่าเห็นแผ่นหลังของหงเถาเต็มไปด้วยโลหิตและเสื้อผ้าบนร่างกายฉีกขาด
“เรียนคุณหนูใหญ่ โบยไป 37 ไม้แล้วเจ้าค่ะ” โมโม่ที่นับจำนวนอยู่กล่าวขึ้น
อันหลิงเกอพยักหน้าแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ในเมื่อยังมิครบก็โบยต่อไป ท่านย่าสั่งให้โบย 50 ไม้ ห้ามขาดมิแต่ไม้เดียว ถ้าพวกเจ้ากล้าเกียจคร้านก็จักโดนลงโทษตามไปด้วย”
เมื่อโมโม่เหล่านั้นได้ยินที่อันหลิงเกอกล่าวแล้วจักกล้าเกียจคร้านได้เยี่ยงไร พวกนางจึงรีบลงไม้ไปบนร่างที่ไร้วิญญาณของหงเถาต่อทันที
ส่วนอันหลิงอีเงยหน้าขึ้นมามองเพียงครั้งเดียว พอเห็นเลือดและเนื้อหนังตรงหน้า นางก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนและสุดท้ายก็อาเจียนออกมา
สาวใช้รีบเข้ามาช่วยประคองนางออกไปทันที ด้านอันหลิงเหมิงและอันหลิงเฉว่ก็มีท่าทางมิสบายตัวเช่นกันจึงก้าวถอยออกไป
ในตอนนี้มีเพียงอันหลิงเกอที่ยังยืนอยู่ที่เดิมเพื่อควบคุมโมโม่โบยร่างไร้วิญญาณของหงเถาและใบหน้าที่งดงามก็ยังเต็มไปด้วยความเย็นชา
เป็นเหตุให้พวกบ่าวรับใช้ที่แอบสังเกตท่าทางของอันหลิงเกอบังเกิดความประหลาดใจและรู้สึกว่าคุณหนูใหญ่ช่างเป็นคนโหดเหี้ยมเสียจริง
เหตุการณ์เบื้องหน้าเยี่ยงนี้ แม้แต่บุรุษทั่วไปก็มิสามารถทนดูได้เลย ทว่าคุณหนูใหญ่ที่อยู่แต่ในเรือนมิค่อยออกไปไหนกลับมองอย่างมิละสายตาไปที่ใดราวกับนางมิเห็นความน่ากลัว นี่สามารถกล่าวได้ว่าหัวใจของนางมิเหมือนคนทั่วไป และหลังจากนี้ถ้าผู้ใดผิดใจกับนางก็คงต้องมีจุดจบมิสวยงามอย่างแน่นอน
เมื่อมีความคิดเหล่านี้ปรากฏขึ้นในใจพวกบ่าวรับใช้ และโมโม่โบยครบจำนวน ก็มิมีผู้ใดกล้าสบตากับอันหลิงเกออีก ทุกคนพากันคำนับนางด้วยความเคารพแล้วทำตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่าคือพาร่างไร้วิญญาณของหงเถาไปส่งให้ทางการ
อีกด้านหนึ่ง อันหลิงอีกลับถึงเรือนก็ยังมีสีหน้าซีดเซียวและอาเจียนออกมามิหยุด
เมื่อหลี่ซื่อทราบข่าวก็มิสนใจบัญชีในมืออีกต่อไป นางรีบมาหาอันหลิงอีทันที
“อีเอ๋อ เจ้าเป็นอันใดไป ? ” หลี่ซื่อมองบุตรสาวด้วยความห่วงใย ขณะเดียวกันก็หยิบบ๊วยรสเปรี้ยวใส่ปากบุตรสาว
หลังจากหลี่ซื่อได้รับรายงานจากสาวใช้ว่าอันหลิงอีอาเจียนอยู่ที่เรือนมิหยุด นางก็รีบเดินทางมาหาทันทีโดยยังมิรู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่
อันหลิงอีได้ทานบ๊วยรสเปรี้ยวเข้าไปก็รู้สึกดีขึ้นและมิอาเจียนออกมาอีก
หลี่ซื่อจักเชิญหมอมาตรวจอาการแต่อันหลิงอีโบกมือห้ามเอาไว้พร้อมใบหน้าขาวซีด “ท่านแม่ ข้ามิเป็นอันใดแล้ว มิต้องเชิญหมอหรอกเจ้าค่ะ”
แม้ในเวลานี้อันหลิงอียังรู้สึกแย่ แต่ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเรือนชิงเฟิงให้หลี่ซื่อฟัง
“เหตุใดเจ้าจึงเลอะเลือนถึงเพียงนี้ ! ” หลังฟังจบหลี่ซื่อก็ตำหนิขึ้นมา นางคิดต่อว่าอีกยาว ๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าขาวซีดของบุตรสาวแล้วหลี่ซื่อก็ต่อว่ามิลง
แม้ใบหน้าของหลี่ซื่อจักผ่อนคลายลง แต่นางยังมีความกังวลใจอยู่มิน้อย “เจ้าก็ทราบดีว่าเบื้องหลังของสำนักศึกษาจิงตูคือฮ่องเต้ แต่เจ้าก็โง่งมคิดเอาชีวิตอันหลิงเกอที่นั่น แล้วมันจักมิเหมือนการไปยั่วโทสะฮ่องเต้หรือไร ? โชคดีที่ครั้งนี้เอาสาวใช้มารับผิดแทนเจ้า มิเช่นนั้นจวนโหวของพวกเราได้ตกที่นั่งลำบากแน่ ! ”
ร้ายแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?
เดิมทีอันหลิงอีคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าและอันหลิงเกอทำเพื่อลงโทษนางจึงกล่าวว่าเรื่องนี้ร้ายแรง แต่ในตอนนี้คำกล่าวของมารดาก็ทำให้นางเหงื่อชุ่มไปทั้งกาย
“แต่ท่านแม่เจ้าคะ สาวใช้ของข้าโดนท่านย่าสั่งโบยจนตายไปแล้ว ข้าคงมิเป็นไรใช่หรือไม่ ? ” อันหลิงอีถามหลี่ซื่อด้วยความประหม่าเพราะกลัวว่าตนจักโดนลงโทษอีก
ดวงตาของหลี่ซื่อล้ำลึกแต่ใบหน้าผ่อนคลาย “ในเมื่อท่านย่าผลักความผิดให้สาวใช้ของเจ้า ก็ต้องทำให้เจ้ารอดตัวได้อย่างขาวสะอาด เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจวนโหวและท่านย่าย่อมรู้ดี คงมิมีทางหาเรื่องเจ้าอีกเป็นแน่”
อันหลิงอีได้ฟังที่มารดากล่าวออกมาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางคิดว่ามิเป็นอันใดแล้ว แต่ทันใดนั้นสาวใช้จากเรือนฮูหยินผู้เฒ่าก็เข้ามารายงานว่าท่านย่าเรียกนางไปพบ
ฮูหยินผู้เฒ่ารักสงบมาโดยตลอด เวลาเรียกคนไปที่เรือนก็มักเป็นเรื่องมิดีทั้งนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น อันหลิงอีเพิ่งออกมาจากเรือนชิงเฟิง ฮูหยินผู้เฒ่าก็ให้คนมาตามอีกแล้ว ท่านต้องการลงโทษนางอย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้เยี่ยงนี้ อันหลิงอีก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมาทันทีและมองไปที่หลี่ซื่อด้วยสายตาที่ทำอันใดมิถูก นางกล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว “ท่านแม่ จักทำเยี่ยงไรดี ท่านย่าเรียกพบในเวลานี้ ต้องเรียกไปลงโทษอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
เมื่อครู่เป็นเพราะนางอาเจียนจึงได้ออกมาจากเรือนชิงเฟิงก่อน หรือการที่ฮูหยินผู้เฒ่าเรียกนางกลับไปก็เพราะต้องการลงโทษที่อยู่ดูมิจบ ?