ตอนที่ 121 ปัญหาเรื่องสินเดิม
แม้ผู้คนกล่าวว่ามารดาของนางเป็นสามัญชนธรรมดาผู้หนึ่ง แต่อันหลิงเกอเคยได้ยินคนรับใช้เก่าแก่ในจวนกล่าวว่ามารดาเป็นแม่ค้าที่เก่งกาจ อายุยังน้อยก็ได้นั่งอยู่บนกองเงินกองทองแล้ว
มิเช่นนั้นท่านพ่อที่มีชาติกำเนิดเป็นถึงบุตรชายคนโตของท่านโหวคงมิแต่งกับหญิงสามัญชนผู้หนึ่ง และท่านปู่กับท่านย่าคงมิเห็นด้วยกับงานสมรสนี้
ในตอนนั้นสินเดิมของมารดามีจำนวนมหาศาลและยังดังกึกก้องไปทั่ว ทำให้สตรีสูงศักดิ์ทุกนางพากันอิจฉา
บางทีคงถึงเวลาที่นางจักเอาสินเดิมพวกนั้นกลับคืน
….
ทางด้านหวังซื่อได้ดูละครฉากเด็ดที่หลี่ซื่อสองแม่ลูกโดนฮูหยินผู้เฒ่าสั่งสอน ตอนนี้จึงรู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษ
ผู้ใดใช้ให้หลี่ซื่อเป็นแค่อนุภรรยาแต่ได้กุมอำนาจในจวนโหวนานหลายปีถึงเพียงนี้ ส่วนนางในฐานะภริยาเอกที่ถูกต้องตามกฎหมายของนายท่านรองกลับต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การกดขี่ของอนุเยี่ยงหลี่ซื่อ
แต่หลี่ซื่อเจ้าเล่ห์ ในช่วงหลายวันมานี้จึงมิเผยช่องโหว่ออกมาแม้แต่น้อย ทำให้นางที่คอยจับผิดก็ทำอันใดมิได้
ต่อให้หลี่ซื่อมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเพียงใด ทว่าอันหลิงอีบุตรสาวกลับเย่อหยิ่งไร้สมอง คิดลอบสังหารคนยังทำมิสำเร็จ ตรงกันข้ามยังดึงสาวใช้คนสนิทมารับโทษแทนอีก
หวังซื่อมีความคิดเยี่ยงนี้ก็จิบชาด้วยท่าทีเปี่ยมสุข ควันที่ลอยขึ้นช้าๆ จากถ้วยชากลายเป็นม่านหมอกเบาบางที่ปิดบังใบหน้าของนางไว้
แต่แล้วช่วงเวลาความสุขของนางก็จางหายไปพร้อมการมาเยือนของอันหลิงเกอ
“เหตุใดวันนี้เกอเอ๋อมาหาอาได้เล่า ? ” หวังซื่อมองอันหลิงเกอพร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัย จากนั้นก็รีบสั่งสาวใช้รินชาให้คุณหนูใหญ่และคลี่ยิ้มเป็นมิตรออกมา
“เมื่อก่อนอาเรียกเจ้ามาพบ เจ้ากลับยุ่งเรื่องโน้นเรื่องนี้ ตอนนี้มีเวลาว่างแล้วหรือ ? ”
ใบหน้าของอันหลิงเกอแต้มรอยยิ้มแสนอ่อนโยน น้ำเสียงปนความรู้สึกอายเล็กน้อย “ช่วงก่อนอาสะใภ้รองเพิ่งกลับจวนต้องยุ่งมากแน่นอน เกอเอ๋อจักมารบกวนได้เยี่ยงไร ? ต่อมาท่านตั้งครรภ์ ข้าก็ไปเรียนที่สำนักศึกษาจิงตูจึงปลีกตัวออกมามิได้ เกอเอ๋อต้องขออภัยอาสะใภ้รองด้วยเจ้าค่ะ”
“เจ้ากล่าววาจาห่างเหินไปแล้ว” หวังซื่อแกล้งจ้องอันหลิงเกอด้วยความโกรธครู่หนึ่ง “การที่เจ้ามาเยี่ยมอาย่อมดีใจมากแล้ว จักตำหนิเจ้าได้เยี่ยงไร ? ”
อย่างไรอันหลิงเกอก็เป็นแขกที่หาตัวพบยาก หวังซื่อมิรู้ว่าอีกฝ่ายมาเพราะเหตุใดจึงเอ่ยปากถามตามตรง
อันหลิงเกอก้มหน้ามองต่ำ ใบหน้าแฝงไปด้วยความเขินอายแล้วกล่าวออกมา “จักเอ่ยออกไปก็น่าอาย เกอเอ๋อได้หมั้นหมายกับจวนอ๋องมู่แล้ว ทว่าผ่านไปนานขนาดนี้แล้วสินเดิมของข้าก็ยังมิเรียบร้อย”
“ท่านแม่เสียไปตั้งนานแล้ว ท่านพ่อก็ยุ่งกับงาน ท่านย่าก็อายุมากแล้วมิสนใจเรื่องนี้ ญาติทั้งจวนจึงมีแค่อาสะใภ้รองที่พอช่วยข้าได้ ดังนั้นข้าจึงบากหน้ามาถามอาสะใภ้รองเจ้าค่ะ”
ที่แท้ก็มาเพราะเรื่องสินเดิม
พลันใบหน้าที่เป็นมิตรของหวังซื่อก็จางหายไปหลายส่วน อันหลิงเกอคงมิได้กำลังจักเอาสมบัติในห้องเก็บสมบัติออกไปกว่าครึ่งหรอกนะ แล้วต่อไปนางจักเอาเงินที่ไหนใช้จ่าย ?
“เกอเอ๋อ มิใช่ว่าอาสะใภ้มิอยากช่วยเจ้า แต่เจ้าก็รู้ว่าอาเพิ่งกลับมาจวนได้มิถึงครึ่งเดือน ยังมีอีกหลายเรื่องที่มิทราบ อีกทั้งตอนนี้ตั้งครรภ์จึงทำเรื่องที่ใช้แรงมิค่อยไหว เอาเยี่ยงนี้ดีไหม รออีกสักระยะ รอให้อารู้สึกดีขึ้นแล้วอาจักไปปรึกษากับท่านย่า รับรองว่าสินเดิมของเจ้าต้องมีมิน้อยอย่างแน่นอน”
มิว่าเยี่ยงไรตั้งครรภ์ก็ต้องใช้เวลาเก้าถึงสิบเดือน นางมิมีทางดีขึ้นง่าย ๆ เป็นแน่ หรืออันหลิงเกอจักบีบให้นางเตรียมสินเดิมให้ได้ ?
หากมิใช้ช่วงเวลานี้รีบเก็บสมบัติของตนไว้ ต่อไปคงมิมีโอกาสแล้ว
หวังซื่ออยากผลักเรื่องนี้ออกจากตัว แต่อันหลิงเกอมิได้เลอะเลือนเยี่ยงนั้น นางพยักหน้าแต่คำกล่าวกลับทำให้หวังซื่อจุกอก “อาสะใภ้รองกล่าวถูกต้อง ตอนนี้ท่านกำลังตั้งครรภ์อยู่จึงเป็นช่วงดูแลร่างกายให้ดี เกอเอ๋อมารบกวนท่านก็มิสมควรจริง ๆ ”
“มีอันใดมิควรกันเล่า อาดีใจจริง ๆ ที่วันนี้เจ้ามาหาถึงเรือน” ใบหน้าของหวังซื่อเปื้อนด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรอีกครั้ง มิมีร่องรอยของการเสแสร้งแม้แต่น้อย “อาเคยกล่าวกับเจ้าแล้วว่ามิมีบุตรสาวเป็นของตน เช่นนั้นอาจักดูแลเจ้าราวกับบุตรสาวแท้ ๆ เจ้าทำตัวห่างเหินเยี่ยงนี้ย่อมทำให้อาปวดใจเหลือเกิน”
“ทว่าการเตรียมสินเดิมก็มิได้ใช้เวลาอันสั้น ตัวอามิค่อยสะดวก ถึงอย่างไรก็ต้องรออีกสักระยะจึงเตรียมให้เจ้าได้ เกอเอ๋อคงมิรีบใช่หรือไม่ ? ”
บุตรสาวคนอื่นจักสำคัญเท่าบุตรชายแท้ ๆ ของนางได้เยี่ยงไร หากนางสามารถดึงทรัพย์สินเล็กน้อยออกมาจากสินเดิมของอันหลิงเกอได้ นางก็สามารถสร้างฐานให้บุตรชายได้สูงกว่าเดิมและในอนาคตก็อาจได้ประโยชน์บางอย่างด้วย
เมื่อหวังซื่อแสร้งทำท่าทีเยี่ยงนี้ อันหลิงเกอก็มิถามเรื่องสินเดิมกับนางแล้ว เยี่ยงนั้นจักกลายเป็นมิเข้าใจถึงความยากลำบากของอาสะใภ้รอง
ยิ่งไปกว่านั้น การที่หญิงยังมิได้ออกเรือนเอาแต่กล่าวถึงเรื่องสินเดิมก็คงมิเหมาะสม
อันหลิงเกอปฎิเสธอย่างอ่อนหวาน รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงอ่อนโยนดังเดิม “เกอเอ๋อคิดมิรอบคอบเอง ทำให้อาสะใภ้รองต้องลำบากแล้ว”
หวังซื่อค่อย ๆ ยกยิ้มมุมปาก หว่านล้อมเด็กน้อยคนหนึ่งมิใช่เรื่องยากอันใด
แต่ทันใดนั้นนางก็ได้ยินอันหลิงเกอพลิกบทสนทนาไปอีกแบบ “เดิมทีเรื่องสินเดิมก็เป็นเรื่องซับซ้อนอยู่แล้ว ถ้าให้อาสะใภ้รองเตรียมก็ยากที่จักหลีกเลี่ยงความเหนื่อย โชคดีที่ท่านย่าเพิ่งอนุญาตให้ข้าหยุดเรียนสองสามวัน ข้าจักใช้ช่วงเวลานี้ปรึกษากับท่านย่า หลังจากนั้นค่อยหาโมโม่สองสามคนที่เชื่อใจได้มาทำงานนี้ก็ได้แล้ว”
“มิได้ ! ” หวังซื่อรีบแย้งทันที เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองมาด้วยความสงสัย นางก็แสร้งหัวเราะแห้งออกมาสองสามครั้ง “เจ้ากล่าวเองว่าท่านย่าอายุมากแล้วมิสนใจเรื่องนี้ ถ้าเจ้าไปคุยเรื่องนี้กับนางจักมิรบกวนการพักผ่อนของท่านหรอกหรือ ? ”
อันหลิงเกอได้แต่กะพริบตาคล้ายกำลังตั้งใจฟังคำกล่าวของหวังซื่อ จนผ่านไปครู่หนึ่งจึงกล่าวออกมาว่า “ท่านกล่าวถูกต้อง ท่านย่าอายุมากแล้วจึงมิถูกที่จักนำเรื่องพวกนี้ไปรบกวน”
“แต่ก็ยังมีอาสะใภ้สามอยู่ แม้นางจักอ่อนน้อมแต่เวลาจัดการงานอันใดก็ทำได้อย่างเป็นระเบียบ ท่านย่าก็เอ่ยชมอาสะใภ้สามอยู่บ่อยครั้ง ถ้าเช่นนั้นข้าไปขอให้อาสะใภ้สามช่วยก็ได้เจ้าค่ะ”
รอยยิ้มมุมปากของหวังซื่อแข็งทื่อขึ้นมาทันที
หวังซื่อพยายามรักษารอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้และกล่าวว่า “สะใภ้เจิ้งทำงานได้เรียบร้อยก็จริง ทว่าเมื่อมิกี่วันก่อนเจ้าเพิ่งทะเลาะกับเฉว่เอ๋อมิใช่หรือ ? เจ้ามิกลัวว่าอาสะใภ้สามจักปฏิเสธเอาหรือไร ? แม้นางยอมตกลงทำเรื่องนี้แต่ก็คงมิทำจากใจจริง”
เรื่องที่อันหลิงเกอและอันหลิงเฉว่ทะเลาะกันมิใช่ความลับอันใด หวังซื่อที่มีคนสนิทอยู่ในจวนย่อมทราบเรื่องเป็นธรรมดา
หลังจากนางยกข้ออ้างนี้มาเกลี้ยกล่อมอันหลิงเกอก็เห็นเด็กสาวขมวดคิ้วและดูกังวลอย่างที่คิด “เช่นนั้นข้าไปหาเว่ยอี๋เหนียงดีกว่า เพราะก่อนหน้านี้นางเคยเป็นสาวใช้คนสนิทของท่านแม่และปฏิบัติต่อข้าด้วยความเคารพ ยิ่งไปกว่านั้นคือเรื่องสินเดิม นางก็น่าจักรู้ดี”
เหตุใดหวังซื่อจึงลืมเว่ยซื่อผู้นี้ไปได้ !