ตอนที่ 125 มาถึงจวน
อันหลิงเกอมิคาดคิดว่าเรื่องที่ตนกักตุนยาสมุนไพรจักโดนอันหลิงอีจับได้และนำเรื่องนี้ไปทูลองค์ชายเจ็ดเพราะอยากใส่ร้ายตนว่าเป็นกบฏแผ่นดิน
บัดนี้องค์ชายเจ็ดพาทหารและองครักษ์ส่วนพระองค์มาถึงจวนโหวด้วยท่าทีโมโห อันหลิงอีและคนอื่น ๆ ก็ไปที่สำนักศึกษาแล้ว จึงเหลือเพียงท่านโหวกำลังทำงานอยู่ในห้องหนังสือ
“ถวายพระพรองค์ชายเจ็ด กระหม่อมมิได้มาต้อนรับตั้งแต่แรก ต้องขออภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ท่านโหวได้รับรายงานจากบ่าวก็รีบวางมือจากงานแล้วรีบมารับเสด็จองค์ชายเจ็ดทันที
ใบหน้าของเขาเปื้อนด้วยรอยยิ้มสดใส ทว่าองค์ชายเจ็ดมิเห็นค่าและกล่าวออกมาด้วยความเย็นชา “ท่านโหว องค์ชายผู้นี้มิได้มาสนทนาเรื่องเก่า ๆ กับท่าน”
จ้าวหลานหยู่มิเคยเย็นชาถึงเพียงนี้มาก่อน ส่งผลให้รอยยิ้มบนใบหน้าอันอิงเฉิงค่อย ๆ มลายหายไปและลองถามหยั่งเชิงว่า “มิทราบว่าองค์ชายเจ็ดมีธุระอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
“ข้าได้ข่าวว่าในจวนของท่านมีคนกักตุนยาเพื่อแคว้นชิงเยว่ นี่ถือเป็นกบฏแผ่นดิน ท่านโหวทราบใช่หรือไม่?”
พลันเม็ดเหงื่อก็ไหลอาบหน้าผากของอันอิงเฉิง ต่อจากนั้นเขาก็ฝืนยิ้มแล้วกล่าวว่า “องค์ชายเจ็ดทรงเข้าพระทัยอันใดผิดหรือไม่ จวนโหวของกระหม่อมภักดีต่อฝ่าบาทมาโดยตลอด แล้วจักกบฏต่อแผ่นดินได้เยี่ยงไรพ่ะย่ะค่ะ ? ”
“นี่ท่านมิเชื่อคำกล่าวของข้าหรือ ? ” จ้าวหลานหยู่เลิกคิ้ว ทันใดนั้นก็กดมุมปากและทำสีหน้าเคร่งขรึม “หรือว่าท่านกำลังให้ที่พักพิงศัตรูอยู่ ! ”
“กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
อันอิงเฉิงเห็นองค์ชายเจ็ดมิฟังคำตนจึงรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการสืบสวนเรื่องนี้ให้ได้ จึงจำใจถอยหนึ่งก้าว “กระหม่อมเพียงคิดว่าข่าวที่องค์ชายเจ็ดได้รับมาช่างน่าแปลก กระหม่อมมิได้สงสัยพระองค์แม้แต่น้อย”
“เยี่ยงนั้นก็ดี” ใบหน้าของจ้าวหลานหยู่ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยและน้ำเสียงก็อ่อนโยนขึ้นด้วย “ท่านโหว มิว่ากล่าวเยี่ยงไรท่านก็เป็นญาติของข้า แล้วข้าจักตั้งใจทำร้ายท่านได้หรือ ข้าให้คนยืนยันข่าวนี้แล้วจักมิได้สร้างปัญหาให้ท่านอย่างแน่นอน”
ในเมื่อมิได้มาสร้างปัญหา อันอิงเฉิงก็วางใจได้หลายส่วน “องค์ชายเจ็ดเกรงใจเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระองค์เปิดเผยจริงใจแล้วจักทำร้ายกระหม่อมได้อย่างไร กระหม่อมเองก็แค่ตกใจเล็กน้อยจึงกล่าวออกไปเยี่ยงนั้น ในเมื่อองค์ชายเจ็ดมีข่าวที่แน่ชัดจริง ๆ กระหม่อมก็จักช่วยพระองค์สืบสวนเรื่องนี้เองพ่ะย่ะค่ะ”
“ฮ่าฮ่า เยี่ยงนั้นข้าต้องขอบคุณท่านโหวแล้ว”
จ้าวหลานหยู่หัวเราะเสียงดังลั่นและใบหน้าก็ดูสดใสขึ้นทันที “ขอท่านโหวออกคำสั่ง ให้คนไปค้นที่เรือนคุณหนูใหญ่ด้วย”
ค้นเรือนเกอเอ๋อเยี่ยงนั้นหรือ ?
อันอิงเฉิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “เรือนของเกอเอ๋อมีสายลับซ่อนตัวอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
“มิใช่”
จ้าวหลานหยู่กล่าวเพียงสั้น ๆ อันอิงเฉิงจึงสบายใจขึ้นเล็กน้อย แต่ยังมิทันถอนหายใจออกมาก็ได้ยินจ้าวหลานหยู่กล่าวอีกครั้ง “ท่านโหวคงคาดมิถึงว่าบุตรสาวคนโตของท่านกักตุนยาสมุนไพรไว้ในจวนเพราะจักลอบส่งให้แคว้นชิงเยว่ โชคดีที่มีคนเห็นก่อนจึงมารายงานข้าทันเวลา”
“เกอเอ๋อมิมีวันทำเรื่องเยี่ยงนี้พ่ะย่ะค่ะ ! ” อันอิงเฉิงกล่าวพร้อมดวงตาเบิกกว้าง บนใบหน้าบ่งบอกว่า ‘มิเชื่อ’
ทว่าใบหน้าจ้าวหลานหยู่กลับมาเย็นชาอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีของอันอิงเฉิง ดวงตาทั้งสองฉายแววข่มขู่ “ท่านโหว เมื่อครู่ท่านยังบอกว่าเชื่อคำกล่าวของข้า แล้วเหตุใดจึงเปลี่ยนคำกล่าวเร็วเพียงนี้ หรือเพราะกบฏผู้นั้นคือบุตรสาวจวนโหว ท่านจึงทำใจมิลง”
จ้าวหลานหยู่เอาแต่กล่าวว่าอันหลิงเกอทรยศแผ่นดิน ราวกับเขาเห็นอันหลิงเกอนำยาพวกนั้นส่งให้แคว้นชิงเยว่ด้วยตา
เป็นเหตุให้อันอิงเฉิงขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าสง่างามเปื้อนไปด้วยความมิแน่ใจ
ถึงอย่างนั้นเขาก็อยู่ในราชสำนักมานานหลายปีจึงตอบสนองอย่างรวดเร็ว “เกอเอ๋อเป็นคนมีเหตุผลและรู้ความมาโดยตลอด จักทรยศแผ่นดินได้เยี่ยงไร ยิ่งไปกว่านั้นนางเป็นสตรีอยู่แต่เรือนแล้วจักติดต่อกับสายลับแคว้นชิงเยว่ได้เยี่ยงไรพ่ะย่ะค่ะ ? ”
“เรื่องนี้มีจุดน่าสงสัยมากเกินไป เกรงว่ามีคนหลอกองค์ชายเพราะอยากทำให้ความสัมพันธ์ของกระหม่อมและพระองค์ร้าวฉานจึงสร้างข่าวลือเยี่ยงนี้ขึ้นมา”
เขามิได้กล่าวว่าองค์ชายเจ็ดผิดและมิกล้ายอมรับว่าอันหลิงเกอมีความผิด แต่กล่าวเพียงว่ามีคนปกปิดความจริงและแอบสื่อความหมายให้องค์ชายเจ็ดเลิกยุ่งกับเรื่องนี้
ทว่าองค์ชายเจ็ดรับไข่มุกราตรีเม็ดนั้นไว้แล้ว หากมิได้จัดการเรื่องให้ออกมางดงาม เขาก็คงมิมีทางสบายใจ
“ท่านโหว ท่านมิเชื่อคำกล่าวของข้า ข้าก็มิเชื่อคำกล่าวของท่านเช่นกัน เหตุใดเรามิส่งคนไปค้นที่เรือนคุณหนูใหญ่ ความจริงเป็นเยี่ยงไรข้ากับท่านก็จักได้รู้กัน”
จ้าวหลานหยู่กล่าวออกมาพร้อมจ้องมองอันอิงเฉิง แสนมั่นใจว่าอันอิงเฉิงต้องเห็นด้วยแน่นอน
อันอิงเฉิงนิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังครุ่นคิดอันใดสักอย่าง หลังจากนั้นก็กล่าวว่า “กระหม่อมจักส่งคนไปค้นเรือนบุตรสาว หวังว่าองค์ชายเจ็ดจักคืนความยุติธรรมให้แก่นางด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
บริสุทธิ์หรือมิบริสุทธิ์ เมื่อค้นก็จักรู้เอง
จ้าวหลานหยู่มิได้ปฏิเสธอันใด เพียงยกยิ้มที่มุมปาก ในแววตาแฝงไปด้วยความได้ใจ
หลังจากนั้นหนึ่งก้านธูป คนที่อันอิงเฉิงส่งไปก็กลับมา
“เป็นเยี่ยงไร ? ”
คนที่ถามมิใช่จ้าวหลานหยู่ แต่เป็นอันอิงเฉิงที่ร้อนใจกว่าหลายเท่า
บ่าวผู้นั้นลังเลพอสมควรเมื่อต้องเผชิญหน้ากับทั้งสองก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาและกล่าวด้วยความมิกล้า “ทูลองค์ชาย เรียนท่านโหว ข้าน้อยพบยาจำนวนมากในเรือนคุณหนูใหญ่ขอรับ”
เป็นไปได้เยี่ยงไร ?
สีหน้าของอันอิงเฉิงเปลี่ยนเป็นเศร้าโศก ส่วนจ้าวหลานหยู่ฉีกยิ้มอย่างหยิ่งยโส “เป็นเยี่ยงไรเล่า นี่เป็นคนที่ท่านโหวส่งไปค้นเรือนคุณหนูใหญ่เอง ข้ามิได้ทำอันใดเลย คราวนี้ท่านคงเชื่อข้าแล้ว”
เมื่อได้ฟังคำเยาะเย้ย อันอิงเฉิงก็หลับตาลงด้วยความเคียดแค้น ภายในใจคิดแค่ว่าองค์ชายเจ็ดกำลังตบหน้าตนเสียงดังลั่นทำให้หน้าของเขาร้อนผ่าว
“ไปเชิญคุณหนูใหญ่มา ข้าจักถามนางว่าเกิดอันใดขึ้น ! ”
อันอิงเฉิงสั่งคนรับใช้เสียงดังลั่น บัดนี้เขาเต็มไปด้วยโทสะ ใบหน้าก็น่ากลัวยิ่งกว่าอันใด
บ่าวรู้ว่าอันอิงเฉิงกำลังอารมณ์เสียจึงมิกล้าแม้แต่หายใจแรงและรีบถอยออกไปทันที
ณ เรือนฉีอู๋ อันหลิงเกอที่ฮูหยินผู้เฒ่าอนุญาตให้หยุดเรียนกำลังสอนหมิงซินและปี้จูทำบัญชีอย่างง่ายอยู่ ทว่าจู่ ๆ ก็มีคนรับใช้เข้ามาที่เรือนโดยบอกว่ามาตามคำสั่งของบิดา เดิมทีนางก็มิได้คิดอันใด ทว่าหลังจากนั้นก็มีคนรับใช้มาแจ้งอีกว่าท่านโหวเรียกนางไปพบ
สายตาที่คนรับใช้มองมายังนางช่างผิดปกติ อันหลิงเกอจึงขมวดคิ้วและเผยแววตาสงสัยออกมา
…
ผ่านไปมินานอันหลิงเกอก็มาถึงห้องโถงของเรือนหน้า เมื่อเห็นองค์ชายเจ็ดนางก็รู้สึกมิดีขึ้นมาทันที
อันอิงเฉิงเห็นอันหลิงเกอก็เอ่ยปากถามทันที “เกอเอ๋อ เจ้ากักตุนยาสมุนไพรไว้ในเรือนเพื่ออันใด ? ”
นางโดนจับได้แล้วหรือ !
อันหลิงเกอตกตะลึงชั่วครู่ ทว่ามิได้แสดงท่าทีอันใดออกมาและคิดคำแก้ตัวไว้เรียบร้อยแล้ว “เรียนท่านพ่อ เกอเอ๋อคิดว่าสมุนไพรพวกนั้นน่าสนใจดีจึงให้คนรับใช้ซื้อมาเยอะหน่อย เดิมทีคิดศึกษาวิธีปรุงยา แต่ใครจักรู้ว่าลูกโง่เขลา เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังเรียนได้มิเท่าไรเองเจ้าค่ะ”