ตอนที่ 137 ชดเชย
เรื่องที่อันหลิงเกอโดนถอนหมั้นเป็นเหมือนการทิ้งระเบิดใส่จวนโหวและทำลายความสงบสุขของจวนใหญ่นี้ไปโดยสิ้นเชิง
อันหลิงอีกล่าวทำลายความเงียบเป็นคนแรก ในขณะเดียวกันก็แสดงท่าทีมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
“ไอหยา คาดมิถึงเลยว่าฝ่าบาทจักมีพระราชโองการยกเลิกงานสมรสของพี่หญิง ช่างน่าตกใจเสียจริง”
อันหลิงอีกล่าวพร้อมเหลือบมองใบหน้าของอันหลิงเกอ “แต่พี่หญิงใหญ่มิต้องคิดมากหรอกเจ้าค่ะ แม้สตรีที่โดนถอนหมั้นจักหาคนแต่งใหม่มิได้ง่าย ๆ อีก ทว่าด้วยฐานะของจวนโหวแล้วการหาครอบครัวร่ำรวยซักครอบครัวมาแต่งกับท่านก็มิใช่เรื่องยากอันใด”
ครอบครัวร่ำรวยที่อันหลิงอีกล่าวถึงคือครอบครัวพ่อค้านั่นเอง
บัณฑิตชนชั้นนำและพ่อค้าวาณิชย์ถูกแบ่งแยกอย่างชัดเจน ดังนั้นการที่อันหลิงอีบอกว่าให้บุตรสาวภริยาเอกแห่งจวนโหวแต่งกับพ่อค้าจึงถือเป็นการดูหมิ่นอย่างโจ่งแจ้ง
ฮูหยินผู้เฒ่าเม้นปากแน่นด้วยความโกรธ ใบหน้าของนางเคร่งขรึมขึ้นทันใด
ในอดีตครอบครัวนางก็มีชื่อเสียงในเมืองหลวง มีผู้คนมากหน้าหลายตามาประจบเอาใจ แต่น่าเสียดายที่ต่อมาจวนโหวก็ตกต่ำลง คนที่เคยประจบเอาใจก็หายไปจดหมด ตอนนี้แม้แต่ฮ่องเต้ก็เห็นจวนโหวของเราเป็นเพียงของเล่น !
ประกาศพระราชโองการพระราชทานสมรสเองแล้วตอนนี้ก็ไร้เหตุผล นี่พระองค์กำลังคิดว่าจวนโหวต่ำต้อยเหมือนสุนัขที่สามารถโยนเล่นได้ตามใจชอบหรือ ?
หลังได้ยินคำกล่าวซ้ำเติมของอันหลิงอี สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าก็แย่ยิ่งกว่าเดิม
นางถลึงตาใส่อันหลิงอีที่ปากมากและทำใบหน้าให้ดุร้าย “หุบปาก ! การที่ฮ่องเต้ยกเลิกการหมั้นหมายนี้มิได้ส่งผลแค่เกอเอ๋อผู้เดียว เพราะมิว่าพวกเจ้าคนไหนในจวนโหวก็มิได้รับผลดีทั้งนั้น”
อันอิงเฉิงรีบเดินไปข้างหน้าสองก้าวแล้วหยุดยืนเคารพฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านแม่อย่าโมโหไปเลย การที่ฮ่องเต้เปลี่ยนพระประสงค์ในครานี้ต้องมีเหตุผลแน่ ลูกจักส่งคนไปสืบหาสาเหตุเดี๋ยวนี้”
ในเมื่อขันทีที่ประกาศราชโองการเมื่อครู่ก็กล่าวแล้วว่าก่อนฮ่องเต้มีราชโองการได้พบกับมู่จวินฮาน เช่นนั้นต้องเกี่ยวข้องกับมู่จวินฮานอยู่แปดเก้าส่วนอย่างแน่นอน
ฮูหยินผู้เฒ่าก็เข้าใจในเส้นทางนี้ นางอยู่ข้างกายท่านโหวคนก่อนหลายสิบปี ดังนั้นจึงเข้าใจเรื่องในราชสำนักอยู่บ้าง
ใบหน้านางเต็มไปด้วยความโศกเศร้า แต่หลังจากได้ยินคำกล่าวของอันอิงเฉิง นางก็สะกดกลั้นโทสะเอาไว้แล้วถามว่า “ตอนนี้การหมั้นหมายก็ถูกยกเลิกแล้ว เกอเอ๋อคิดเยี่ยงไรบ้าง ? ”
แม้บอกว่าฮ่องเต้เปลี่ยนพระทัยและมิส่งผลดีอันใดต่อจวนโหว ทว่าคนที่เจ็บปวดกับเรื่องนี้ที่สุดยังเป็นอันหลิงเกอ ฮูหยินผู้เฒ่าคลายโทสะแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าต้องถามความรู้สึกของผู้ถูกกระทำ
อันหลิงเกอก้มหน้าพร้อมตอบคำถามฮูหยินผู้เฒ่าด้วยความเคารพ “เรียนท่านย่า การที่เกอเอ๋อและมู่ซื่อจื่อหมั้นหมายกันเป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท ในตอนนี้ฮ่องเต้มีพระราชโองการให้ยกเลิกการหมั้นหมายนี้แล้ว เกอเอ๋อก็จะคิดว่าเรื่องนี้มิเคยเกิดขึ้นมาก่อนเจ้าค่ะ”
เพราะอันหลิงเกอก้มหน้าอยู่ฮูหยินผู้เฒ่าจึงมิเห็นใบหน้าของนางและเพียงได้ยินน้ำเสียงที่ค่อนข้างมิชัดเจนของอันหลิงเกอ ทำให้คิดไปเองว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกเศร้าใจปนอับอายอยู่
เดิมทีเป็นการหมั้นหมายที่เต็มไปด้วยความสุข แต่ท้ายที่สุดกลายเป็นความว่างเปล่าแล้วจักมีผู้ใดอารมณ์ดีได้บ้าง ?
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ “เกอเอ๋อวางใจได้ บนแผ่นดินนี้มีบุรุษที่ดีตั้งมากมาย ย่าจักหาบุรุษที่คู่ควรให้เจ้าสักคน จักมิปล่อยให้เจ้าทนกล้ำกลืนรับความมิเป็นธรรมแน่นอน”
คำกล่าวของฮูหยินผู้เฒ่าคือให้คำมั่นสัญญากับอันหลิงเกอ แต่การกระทำนี้ทำให้ท่าทีมีความสุขของอันหลิงอีเปลี่ยนไป
อันหลิงอีพร่ำบ่นภายในใจว่าเหตุใดอันหลิงเกอที่เกิดมาก็ได้เป็นบุตรสาวภริยาเอก แม้แต่สมรสพระราชทานจากฮ่องเต้ก็ยังตกอยู่ที่อันหลิงเกอ
ตอนนี้ฮ่องเต้เปลี่ยนพระทัยแล้ว อันหลิงเกอมิได้แต่งเข้าจวนอ๋องมู่ มิหนำซ้ำยังกลายเป็นหญิงอัปมงคลที่โดนบุรุษถอนหมั้น
ทว่าท่านย่าก็ยังเลือกสามีให้นางด้วยตนเอง เหตุใดอันหลิงเกอจึงมีชีวิตดีได้ถึงเพียงนี้ !
อันหลิงอีแสดงท่าทีโมโหออกมาจึงทำให้หลี่ซื่อแอบตีนางเบา ๆ แล้วส่งสายตาให้ หลังจากนั้นสองแม่ลูกก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างได้ใจ หลี่ซื่อกล่าวขึ้นว่า
“ท่านแม่กล่าวถูกต้อง เกอเอ๋อได้รับความมิเป็นธรรมโดยไร้เหตุผล อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของสตรีด้วย หากเรื่องนี้แพร่ออกไปย่อมมิส่งผลแค่ตัวเกอเอ๋อผู้เดียว แต่จวนโหวของเราก็จักกลายเป็นตัวตลกของผู้คนทั่วเมืองหลวง แต่เกอเอ๋อโดนถอนหมั้นแล้วทำให้ชื่อเสียงของนางด่างพร้อย การหาบุรุษที่ดีให้นางสักคนต้องครุ่นคิดให้ดีเจ้าค่ะ”
การกระทำของสองแม่ลูกอยู่ในสายตาอันหลิงเฉว่ทั้งหมด แม้มุมปากยกขึ้นแต่ใบหน้าก็ยังแสร้งทำมิพอใจต่อความมิเป็นธรรมที่อันหลิงเกอได้รับ “ฮ่องเต้ยกเลิกราชโองการในครานี้มิอธิบายสาเหตุอันใด อีกมิช้าก็เร็วผู้อื่นต้องรู้ว่าพี่หญิงใหญ่ถูกยกเลิกการหมั้นหมายซึ่งพวกเขาอาจคิดอันใดก็ได้ หากพี่หญิงคิดหาผู้ชายดี ๆ สักคนก็ยากยิ่งกว่าอันใดเจ้าค่ะ”
ผู้ใดจักค้านว่าเรื่องเหล่านี้มิเป็นจริงเล่า ?
ทันใดนั้นใบหน้ากังวลของฮูหยินผู้เฒ่าก็ร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม แม้หลานสาวที่นางเอ็นดูที่สุดคืออันหลิงเฉว่ที่เติบโตมาข้างกาย แต่อันหลิงเกอที่อยู่ในฐานะบุตรีภริยาเอกแห่งจวนโหว ทั้งฐานะ มารยาท รูปร่างหน้าตาและสติปัญญาล้วนโดดเด่นกว่าหลานสาวทุกคน
บัดนี้ฮ่องเต้เปลี่ยนแปลงพระราชโองการทำให้อันหลิงเกอต้องเผชิญหน้ากับการดูถูกของผู้คนและเป็นเรื่องยากที่จักหาคู่ครองใหม่ได้จริง ๆ
หากแต่งกับสกุลเล็กเหล่านั้น ยังมิกล่าวว่าอันหลิงเกอยอมแต่งหรือไม่ กล่าวเพียงแค่ลดตัวไปแต่งก็ทำให้ทุกคนในจวนโหวมิเหลือหน้าตา ส่วนพวกสกุลใหญ่หรือชนชั้นสูงก็ช่างเลือกและมิหันมาชอบสตรีที่โดนถอนหมั้นหรอก
ทันใดนั้นอันหลิงเกอก็ฉีกยิ้มเยือกเย็นพอสมควร “ท่านย่ามิต้องคิดมากเพราะหลานหรอกเจ้าค่ะ เกอเอ๋อเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าโชคชะตาของคนถูกกำหนดมาตั้งนานแล้ว หากสิ่งใดเป็นของเรา ช้าเร็วก็เป็นของเรา แต่ถ้ามิใช่ ให้ฝืนเยี่ยงไรก็มิได้มาครอบครองเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอกล่าวเหมือนผ่อนคลายราวกับมิเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ แต่ท่าทางเสียใจอย่างชัดเจนเมื่อครู่ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าอันหลิงเกอต้องการปลอบใจนางจึงจงใจกล่าวออกมาเช่นนี้
ทันใดนั้นฮูหยินผู้เฒ่าก็ปวดใจยิ่งนัก “พรุ่งนี้ข้าจักไปเข้าเฝ้าไทเฮาเพื่อทูลถามว่าฮ่องเต้ทำเยี่ยงนี้หมายความว่าอันใด”
แม้นางทูลถามฮ่องเต้โดยตรงมิได้ ทว่าเมื่อยังเยาว์ก็มีวาสนาต่อไทเฮาพอสมควร การไปทูลถามไทเฮาก็มิถือเป็นปัญหาใหญ่อันใด
กว่าอันหลิงอีระงับความอิจฉาภายในใจได้มิใช่เรื่องง่าย แต่หลังจากเห็นฮูหยินผู้เฒ่าเอาอกเอาใจอันหลิงเกอถึงเพียงนี้ นางก็อดฉายแววตาริษยาออกมามิได้
มิรอให้ฮูหยินผู้เฒ่าเข้าไปทูลถามสาเหตุจากในวัง ราชโองการฉบับที่สองก็เดินทางมาถึงจวนโหว
อันอิงเฉิงรีบพาทุกคนออกไปรับราชโองการ แต่หัวใจเต้นแรงด้วยความกังวล
ขันทีที่ประกาศราชโองการผู้นั้นคลี่ยิ้ม เมื่อเห็นอันอิงเฉิงรีบออกมาก็รีบเข้าไปแสดงความยินดีทันที “เรื่องมงคล เรื่องมงคลยิ่งนัก”
อันอิงเฉิงที่เหงื่อออกท่วมกาย เมื่อเห็นท่าทีเยี่ยงนั้นของขันทีก็สบายใจขึ้นมาทันที “ใต้เท้า มิทราบว่าคราวนี้ฮ่องเต้ทรงมีพระประสงค์อันใดหรือ ? ”
“ฮ่องเต้มีพระราชโองการแต่งตั้งคุณหนูใหญ่อันเป็น*จวิ้นจู่”
เมื่อกล่าวจบขันทีผู้นั้นก็หัวเราะออกมาแล้วเริ่มเปิดอ่านราชโองการ
ในเวลานี้อันอิงเฉิงมิต้องส่งคนไปสืบหาสาเหตุจากจวนอ๋องมู่หรือฮูหยินผู้เฒ่ามิต้องไปทูลถามองค์ไทเฮา เพราะฮ่องเต้ได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดไว้ในราชโองการอย่างชัดเจนแล้ว
…
*จวิ้นจู่ คือตำแหน่งเชื้อพระวงศ์หญิงหรือท่านหญิงขั้นหนึ่งชั้นรอง