ตอนที่ 155 น่าสงสัย
ลู่จ้านเดินทางกลับพร้อมอันอิงเฉิงและครอบครัว จนมาถึงตีนเขาก็ได้บอกลากันไป
ท้ายที่สุดเขาก็มิสนิทกับจวนโหว แม้อยากทำความคุ้นเคยกับอันหลิงเกอให้มากกว่านี้แต่ก็มิควรใช้วิธีเยี่ยงนี้
อันอิงเฉิงอยากรั้งตัวลู่จ้านไว้ แต่พอเห็นลู่จ้านมิยินยอมก็ได้แต่ขอบคุณอีกฝ่ายแล้วปล่อยให้ลู่จ้านจากไป
เมื่อกลับมาถึงจวนโหว อันอิงเฉิงก็สั่งคนเตรียมของตอบแทนและยังสั่งให้นำดาบล้ำค่าออกมาจากห้องเก็บสมบัติ จากนั้นก็พาทุกคนไปขอบคุณลู่จ้านที่จวนแม่ทัพใหญ่ด้วยตนเอง
อันหลิงเกอและคนอื่นติดหนี้บุญคุณที่ลู่จ้านช่วยชีวิตเอาไว้จึงต้องตามไปด้วยเป็นธรรมดา มีเพียงหลี่ซื่อเท่านั้นมิได้ไปเพราะฐานะฮูหยินรองก็ควรอยู่ดูแลจวนโหวแทนสามี
ณ จวนแม่ทัพ ลู่เทียนหยาและอันอิงเฉิงนั่งคู่กันด้านหน้า ส่วนอันหลิงเกอและคนอื่น ๆ นั่งเรียงตามฐานะเป็นแถว ขณะเดียวกันตำแหน่งของลู่จ้านก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอันหลิงเกอพอดี
“แม่ทัพน้อยลู่เป็นบุรุษที่มีความสามารถยิ่งนัก เขาช่วยชีวิตทุกคนในจวนโหวเอาไว้”
อันอิงเฉิงสนทนากับลู่เทียนหยาอย่างสุภาพและกล่าวชมลู่จ้านมิหยุดปาก
ลู่เทียนหยาเป็นคนหยาบกระด้างจึงเพียงหัวเราะแล้วแสร้งถ่อมตน “ท่านโหวกล่าวเกินไปแล้ว ท่านเอาแต่ชมเขาเยี่ยงนี้ เจ้าเด็กคนนี้ก็ได้ใจพอดี”
“เด็กหนุ่มมักอารมณ์ร้อนเป็นเรื่องปกติ” อันอิงเฉิงคลี่ยิ้ม สายตาจับจ้องไปที่ตัวลู่จ้านอย่างมิได้ตั้งใจ แต่ยิ่งมองเท่าไรก็ยิ่งพอใจ
ต่อจากนั้นเขายังชวนลู่เทียนหยาสนทนาเกี่ยวกับเรื่องยิบย่อยอีกสักครู่แล้วแสร้งถามหยั่งเชิงว่า “แม่ทัพน้อยลู่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ มิทราบว่าเขาได้หมั้นหมายกับบุตรสาวจวนใดไว้หรือยัง ? ”
ตัวลู่จ้านที่กำลังจิบชาอยู่เงียบ ๆ เมื่อได้ยินคำกล่าวของอันอิงเฉิง จิตใต้สำนึกก็บอกให้เงยหน้ามองอันหลิงเกอพร้อมสายตาตื่นตระหนกเล็กน้อย
เดิมทีเขามิได้มีการหมั้นหมายกับผู้ใดอยู่แล้ว ดังนั้นจักปล่อยให้อันหลิงเกอเข้าใจผิดมิได้
ส่วนอันหลิงเกอก็ก้มหน้าก้มตาทำมิเห็นสายตาของลู่จ้าน ทว่าทางฝั่งอันหลิงอีแม้นั่งอยู่ข้างกายอันหลิงเกอ แต่สายตาจับจ้องไปที่ตัวลู่จ้านตลอดจึงสังเกตเห็นสายตาเมื่อครู่ของลู่จ้านและเก็บมาใส่ใจ
เดิมทีนางเข้าใจผิดว่าลู่จ้านกำลังมองตน แต่พอลองคิดให้ดีแล้วตำแหน่งของลู่จ้านอยู่ตรงข้ามอันหลิงเกอพอดี ทันใดนั้นอันหลิงอีก็รู้สึกเศร้าใจนัก
มิว่านางชอบผู้ใด อันหลิงเกอก็ยั่วยวนทุกคน คิดเป็นศัตรูกับนางให้ได้หรือ ?
คนชั้นต่ำไร้ยางอาย !
มือใต้แขนเสื้อของอันหลิงอีกำแน่น เล็บเรียวยาวจิกตรงกลางฝ่ามือแต่มิรู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย มีเพียงความปรารถนาอยากกินเนื้ออันหลิงเกอเข้าไปทั้งเป็น
ในเวลานี้ยังดีที่ลู่จ้านยังมิสนิทกับอันหลิงเกอ แค่หลงระเริงไปกับใบหน้างดงามเท่านั้น
ขอแค่ต่อไปนางปรากฏตัวตรงหน้าลู่จ้านให้บ่อยขึ้นและแอบส่งจดหมายรักให้เขา ลู่จ้านต้องเข้าใจความหมายของนางและอาจลืมอันหลิงเกอก็ได้
ยามที่ครุ่นคิดสิ่งเหล่านี้ ความขุ่นเคืองในใจของอันหลิงอีก็ค่อย ๆ จางหายไปและกลับมามีสีหน้าปกติอีกครั้ง
ด้านลู่เทียนหยาเหลือบมองลู่จ้านครู่หนึ่ง แม้แววตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจแต่คำกล่าวกลับถ่อมตน “ขอบคุณความหวังดีของอ๋องอัน ทว่าจ้านเอ๋อมีใจฝึกต่อสู้เพื่อสังหารศัตรูจึงมิมีเวลาให้ความรัก สตรีทั่วไปก็มิยอมแต่งกับสามีที่เอาแต่ปราบโจรมิรู้จักหาความสำราญเข้าตัว ด้วยเหตุนี้จึงไร้เรื่องการหมั้นหมายของเขา”
มิว่าข้ออ้างคืออันใด จักเป็นชื่นชมก็ดีดูหมิ่นก็ช่าง แต่มิว่าเยี่ยงไรอันอิงเฉิงก็ได้ยินเพียงว่าลู่จ้านยังมิได้หมั้นหมายกับใคร
หลังจากนั้นอันอิงเฉิงก็แสร้งมองลู่เทียนหยาด้วยความตกใจ น้ำเสียงก็ฟังมิอยากเชื่อ “แม่ทัพน้อยลู่เป็นหนุ่มหล่อมากความสามารถเยี่ยงนี้ ย่อมเป็นบุรุษที่สตรีหลายคนหมายปองเสียมากกว่า แม่ทัพลู่ถ่อมตัวเกินไปแล้ว”
ลู่เทียนหยาได้ฟังก็ส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม แต่สีหน้าช่างดูหดหู่ “จ้านเอ๋อเอาแต่ฝึกการต่อสู้ แม้แต่ข้าและฮูหยินใหญ่ก็เคยเกลี้ยกล่อมตั้งหลายครั้งว่าให้หาคุณหนูที่ดีสักคนแล้วใช้ชีวิตอย่างสงบ แต่เขาก็มิฟัง ใจข้าจึง…”
ทันใดนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของอันอิงเฉิงก็เด่นชัดยิ่งกว่าเดิม เขาพอเข้าใจความหายของลู่เทียนหยา “แม่ทัพน้อยลู่มากความสามารถถึงเพียงนี้ก็ต้องมีความทะเยอทะยานอยากปกป้องแผ่นดินอยู่แล้ว แต่เขาก็อายุมิใช่น้อย ๆ แล้ว ข้างกายควรมีคนรู้ใจสักคน หากแม่ทัพลู่ยินดี ข้าสามารถให้คนช่วยหาสตรีดี ๆ ในเมืองหลวงให้ได้”
“ถ้าเยี่ยงนั้นก็ต้องขอบคุณท่านโหวแล้ว”
ลู่เทียนหยาขอบคุณอันอิงเฉิง แต่ภายในใจกังวลเล็กน้อย
เดิมทีตัวเขาเป็นสามัญชนธรรมดา เข้ากองทัพตั้งแต่ยังหนุ่มเพราะออกรบอย่างกล้าหาญและทำศึกได้ดีจึงค่อย ๆ ก้าวขึ้นเป็นรองแม่ทัพ
ต่อมาได้รับการชื่นชมจากฮ่องเต้จึงโดนแต่งตั้งเป็นแม่ทัพใหญ่
แม้ตัวเขาเป็นเพียงผู้บัญชาการทหาร มิได้มีใจคดเคี้ยวเหมือนพวกขุนนางฝ่ายบุ๋น แต่ลู่เทียนหยาก็ทราบเรื่องที่ฮ่องเต้คิดเยี่ยงไรกับสกุลอ๋องและขุนนางชั้นสูงต่าง ๆ
หากตนเกี่ยวดองกับจวนโหว ฮ่องเต้ก็อาจสงสัยได้ ดังนั้นเขามิมีทางให้ลู่จ้านเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบุตรสาวคนใดของจวนโหวแน่นอน
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าอันอิงเฉิง ลู่เทียนหยายังคงไว้หน้าและมิได้กล่าวความในใจออกมาแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นอันอิงเฉิงก็นำของขวัญมอบตอบแทนลู่จ้านแล้วให้อันหลิงเกอ อันหลิงอีและคนอื่นบอกลาลู่เทียนหยา จากนั้นก็กลับจวนโหว
“พวกเจ้ากลับเรือนของตนเองเถิด”
อันอิงเฉิงบอกให้แต่ละคนกลับเรือนอย่างอารมณ์ดี แต่อันหลิงเกอยืนอยู่ที่เดิมมิขยับไปไหน
“เกอเอ๋อ เจ้ายังมีเรื่องอันใดอีกหรือ ? ” อันอิงเฉิงเห็นอันหลิงเกอมิเดินจากไปจึงเอ่ยถามนาง
อันหลิงเกอพยักหน้า “ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกคิดว่าโจรภูเขาที่เจอในวันนี้ดูโอหังเกินไป แม้แต่ท่านโหวก็ยังกล้าแตะต้องและยังเกือบเอาชีวิตพวกเรา เห็นได้ชัดว่าพวกมันทำตัวดุร้ายและวางอำนาจมากเพียงใด ท่านพ่อสั่งทหารหน่วยลาดตระเวนให้พวกเขาไปปราบโจรกลุ่มนี้เสียหน่อย ถือว่ากำจัดภัยให้ประชาชนเจ้าค่ะ”
“พ่อส่งคนไปทำเรื่องนี้แล้ว”
พออันอิงเฉิงนึกถึงโจรภูเขาที่ดูถูกตน แววตาก็มืดมนขึ้นเล็กน้อย
รอให้ทหารจับโจรภูเขาพวกนั้นกลับมาได้เมื่อไร เขาต้องไปดูพวกมันในคุกด้วยตา !
อันหลิงเกอเผยใบหน้าตกตะลึงออกมา “ท่านพ่อสั่งคนไปรายการหน่วยลาดตระเวนแล้วหรือเจ้าคะ ? ”
“เดิมทีลูกยังอยากบอกท่านพ่อว่าโจรภูเขากลุ่มนั้นดูโอหังเกินควร น่าจักมีคนคอยให้ท้าย อยากให้ท่านพ่อระวังตัวหน่อยเจ้าค่ะ”
เดิมทีอันอิงเฉิงมิได้เก็บคำกล่าวของนางมาใส่ใจ แต่เมื่อลองตริตรองอย่างถ้วนถี่แล้วก็ดูเหมือนเป็นไปได้
ถ้าโจรภูเขากลุ่มนั้นไร้ผู้บงการก็มิมีทางลงมือกับท่านโหวเช่นตน เมื่อองครักษ์ประกาศฐานะของตน พวกมันก็ดูมิหวาดกลัวแม้แต่น้อย
บางทีผู้บงการโจรภูเขาอาจมีฐานะมิด้อยไปกว่าตน
เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้น ดวงตาของอันอิงเฉิงก็เคร่งขรึมขึ้นมา คิดไปคิดมาแล้วมีเพียงระดับอ๋องมิกี่คนเท่านั้นที่สามารถทำได้
หากเขาจับผู้บงการโจรภูเขาได้แล้วส่งตัวให้ฮ่องเต้จัดการ ความสงสัยที่ฮ่องเต้มีต่อจวนโหวอาจมลายหายไป
ทั้งแก้แค้นให้ตนเองและยังสามารถแสดงความจงรักภักดีต่อฮ่องเต้ นี่มันคือการยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว
ขณะครุ่นคิดเรื่องพวกนี้เขาก็เผยแววตาเด็ดเดี่ยวออกมา “เกอเอ๋อวางใจได้ เรื่องที่เจ้ากล่าว พ่อจักให้คนไปรายงานหน่วยลาดตระเวนโดยบอกให้พวกเขาเพิ่มกำลังและ
ต้องจับโจรภูเขามาทั้งหมด”