ตอนที่ 158 ไต่ถาม
มิบ่อยที่ฮูหยินผู้เฒ่าจักออกคำสั่งสักครั้ง สาวใช้ โมโม่และทหารยามในจวนต่างก็ทำเหมือนได้รับคำสั่งสำคัญ พวกเขารีบวิ่งไปทางที่ฮูหยินผู้เฒ่าชี้ เพราะกลัวว่าเมื่อนกกระเรียนมงกุฎแดงตัวนั้นบินจากไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าจักอารมณ์เสียใส่พวกตน
“ท่านแม่ช้าหน่อยเจ้าค่ะ เดี๋ยวจักล้มเอานะเจ้าคะ”
หลี่ซื่อแสร้งตะโกนด้วยความเป็นห่วง จากนั้นจึงเดินตามฮูหยินผู้เฒ่าอย่างมิช้าและมิเร็วเกินไป
ขณะเดินผ่านเว่ยอี๋เหนียง นางก็เหลือบมองอีกฝ่ายด้วยแววตาได้ใจและเย้ยหยัน
เว่ยอี๋เหนียงมีฝีมือชงชาดีแล้วเยี่ยงไร ดูสิ นางกล่าวแค่มิกี่ประโยคก็โน้มน้าวฮูหยินผู้เฒ่าได้แล้ว และฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังมิสนการมีอยู่ของเว่ยอี๋เหนียงแม้แต่น้อย
รอให้นางทำลายชื่อเสียงอันหลิงเกอได้เมื่อไร นางจักเหยียบอันหลิงเกอให้จมดินจากนั้นค่อยมาคิดบัญชีกับเว่ยอี๋เหนียงก็ยังมิสาย
แม้สายตาหลี่ซื่อฉายแววเย็นชา แต่บนใบหน้ายังเปื้อนยิ้มร่าเริง ทำให้คนอื่นอ่านมิออกว่านางกำลังคิดอันใดอยู่
แม้ฮูหยินผู้เฒ่าอายุมากแล้ว ทว่าร่างกายก็ยังพอใช้ได้ นางเดินเร็วจนไปอยู่ด้านหน้าสุด หลี่ซื่อเลยวิ่งตามจึงสามารถตามทัน
“นกกระเรียนมงกุฎแดงตัวนี้บินลงมาที่เรือนของท่านแม่ มันต้องเป็นสัญญาณของสิ่งมงคลแน่นอนเจ้าค่ะ มันหนีไปไหนมิได้หรอก ท่านแม่ ท่านอย่ารีบร้อนเกินไปเลย”
นางหอบหายใจเล็กน้อยแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
ฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบมองเล็กน้อย “นกกระเรียนมงกุฎแดงจักประมาทมิได้หรอก ถ้าเจ้ามิอยากตามมาก็รออยู่ที่นี่”
ทันใดนั้นรอยยิ้มมุมปากของหลี่ซื่อก็แข็งทื่อ ฉากเด็ดที่นางเตรียมไว้อยู่ตรงหน้านี้แล้ว ถ้ามิตามไปแล้วละครงิ้วจักเริ่มฉายได้เยี่ยงไร ?
“ร่างกายของข้ามิดีเท่าท่านแม่ดังนั้นจึงเริ่มเหนื่อยแล้วเจ้าค่ะ แต่นกกระเรียนมงกุฎแดงเป็นสัตว์หายาก แม้เหนื่อยแค่ไหนก็อยากตามท่านแม่ไปดูให้เห็นด้วยตาอีกสักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคลเจ้าค่ะ”
หลี่ซื่อกล่าวถึงนกกระเรียนมงกุฎแดงขึ้นมาคนแรก หากมิได้เป็นเยี่ยงนั้นฮูหยินผู้เฒ่าก็คงมิได้มาเห็นนกกระเรียนมงกุฎแดง
นางครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วก็ยอมรับให้หลี่ซื่อตามมาด้วย จากนั้นก็เริ่มตามนกกระเรียนมงกุฎแดงตัวนั้นอีกครา
ใช้เวลาเดินอีกร้อยก้าว ในที่สุดก็มีกลุ่มคนใช้กำลังล้อมวงอยู่ด้านหน้า
“เป็นเยี่ยงไร จับนกกระเรียนมงกุฎแดงตัวนั้นได้หรือไม่ ? ” ฮูหยินผู้เฒ่ารีบเดินไปด้านหน้า แต่พวกสาวใช้ก้มหน้ามิพูดมิจา
ใบหน้าหลี่ซื่อมืดมนแล้วรีบเปล่งเสียงออกมาทันที “พวกเจ้ามิได้ยินที่ท่านแม่เอ่ยถามหรือ ? มิมีผู้ใดกล่าวสักคำ หรือเป็นใบ้หูหนวกกันหมดแล้ว ? ถ้าเป็นเยี่ยงนั้นจริงวันนี้ข้าจักเอาตัวพวกเจ้าไปขายทิ้ง เพราะจวนโหวมิเลี้ยงคนไร้ประโยชน์เอาไว้”
เมื่อเสียงดุดันของหลี่ซื่อดังขึ้น โมโม่ที่ค่อนข้างอายุมากคนหนึ่งก็ก้าวออกมา “เรียนฮูหยินรอง นกกระเรียนมงกุฎแดงตัวนั้น มัน…”
พอฮูหยินผู้เฒ่าเห็นนางเป็นเยี่ยงนั้น เปลือกตาก็กระตุกอย่างแรงและรู้สึกถึงลางมิดี
“เจ้ารีบกล่าวมาเสียที นกกระเรียนมงกุฎแดงตัวนั้นเป็นอันใด ? ” สีหน้ามืดมน ดวงตายังน่าเกรงขาม
โมโม่รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที ใบหน้าแย่ยิ่งกว่าคนร้องไห้เสียอีก “เมื่อครู่ตอนที่บ่าวพาคนมาถึงนี่ก็เห็นนกกระเรียนมงกุฎแดงตัวนั้นนอนนิ่งอยู่กับพื้นแล้วเจ้าค่ะ เมื่อพวกเราเดินเข้าไปดูก็พบว่ามันตายแล้วเจ้าค่ะ ! ”
นกกระเรียนมงกุฎแดงเป็นสัตว์มงคล หากมาตายอยู่ในจวนก็เท่ากับเป็นลางร้ายดี ๆ นี่เอง
ฮูหยินผู้เฒ่าเม้มปากแน่น ใบหน้าดำคล้ำราวกับสามารถระเบิดออกมาได้ทุกเวลา
เมื่อหลี่ซื่อเห็นท่าทีของฮูหยินผู้เฒ่าก็รีบกล่าวอย่างร้อนใจ แสร้งทำท่าทางโมโห ยื่นมือชี้หน้าโมโม่คนนั้นและกล่าวออกมาตามตรง “พูดเหลวไหล เมื่อครู่นกกระเรียนมงกุฎแดงตัวนั้นยังดีอยู่เลย แล้วอยู่ ๆ จักตายได้เยี่ยงไร ต้องเป็นเพราะพวกเจ้าทำมันบาดเจ็บแน่ ! ”
โมโม่รีบคุกเข่า ใบหน้าแทบเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น “บ่าวมิได้ทำนะเจ้าคะ ตอนพวกเรามาถึงนกกระเรียนมงกุฎแดงก็ตายแล้วเจ้าค่ะ บนตัวมิมีแผลอันใดด้วย ฮูหยินรองได้โปรดสืบให้กระจ่าง ท่านฮูหยินผู้เฒ่าได้โปรดสืบให้กระจ่างด้วยเจ้าค่ะ”
หลี่ซื่อหันไปมองทางฮูหยินผู้เฒ่าคล้ายกำลังขอความเห็น
ฮูหยินผู้เฒ่ากำลูกประคำในมือแน่น ลางสังหรณ์บอกให้นางขยับลูกประคำเร็วขึ้นกว่าเดิมเพื่อระงับอารมณ์มากมายที่เกิดขึ้นในตอนนี้
“พาข้าไปดู”
นี่คือการเข้าไปดูให้เห็นกับตา
โมโม่ถอนหายใจ รีบลุกขึ้นยืนแล้วปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าสองสามครั้ง จากนั้นพาฮูหยินผู้เฒ่าไปดูนกกระเรียนมงกุฎแดง
นกกระเรียนที่กล่าวถึงนอนอยู่บนพื้น มันนอนนิ่งให้ฮูหยินผู้เฒ่ามองอย่างถนัดตา แม้ดวงตาปิดสนิทแต่บนตัวก็ไร้รอยเลือดแม้แต่จุดเดียว
นกกระเรียนมงกุฎแดงมงคลตัวหนึ่งมาตายในจวนโหวโดยมิทราบสาเหตุ เยี่ยงนั้นมันมิใช่เรื่องมงคลแต่เป็นลางร้าย !
ใบหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเหมือนน้ำลึกที่ยากคาดเดา ลูกประคำในมือหมุนเร็วกว่าเดิม
หลี่ซื่อมองลูกประคำในมือฮูหยินผู้เฒ่าเงียบ ๆ นางรู้ว่าตอนนี้ใจฮูหยินผู้เฒ่ากำลังเสีย นางจึงมีรอยยิ้มภายในแววตา
“ไอหยา เหตุใดนกกระเรียนมงกุฎแดงจึงกลายเป็นเยี่ยงนี้ได้ ? ”
นางยกผ้าเช็ดหน้าปิดปากด้วยความตกใจ ใบหน้าเผยให้เห็นความทนมิได้ “กว่าจักได้เห็นสัตว์มงคลสักครั้งกลับมาตายเยี่ยงนี้ ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน”
ตอนนี้มิใช่เวลาเสียดายอันใด
ทันใดนั้นดวงตาคมกริบของฮูหยินผู้เฒ่าก็กวาดไปที่ร่างของทุกคน “เมื่อครู่ตอนพวกเจ้ากำลังไล่ตามนกกระเรียนมงกุฎแดง เห็นผู้ใดบ้าง ? ”
นกกระเรียนมงกุฎแดงตัวนี้มีขนสวยงามและลำตัวอวบอ้วน ย่อมแข็งแรงถึงจักถูก ดังนั้นมันมิน่ามาตายโดยไร้สาเหตุ
สาวใช้พวกนั้นมิกล้ากล่าวในทันที หลี่ซื่อเห็นฮูหยินผู้เฒ่าทำหน้ามิสบอารมณ์จึงรู้สึกมีความสุขกว่าเดิม
ยิ่งฮูหยินผู้เฒ่าโกรธมากเท่าไร พอนางผลักเรื่องนี้ไปที่อันหลิงเกอแล้วก็จักยิ่งโมโหและรังเกียจอันหลิงเกอมากขึ้น
“พูดออกมา ! ”
เมื่อพวกสาวใช้มิยอมกล่าว ฮูหยินผู้เฒ่าก็ตวาดจนทำให้พวกนางตกใจกลัวตัวสั่นแล้วสุดท้ายก็มีทหารยามนายหนึ่งกล่าวออกมา “มะ เมื่อครู่ข้าน้อยเห็นคุณหนูใหญ่เดินผ่านมาทางนี้ขอรับ”
เกอเอ๋อน่ะหรือ ?
ฮูหยินผู้เฒ่าขมวดคิ้ว แววตาคลุมเครือ
แต่หลี่ซื่อทำหน้าดุทหารยามนายนั้นอย่างเย็นชา “คุณหนูใหญ่เป็นคนกตัญญูและมีเมตตาที่สุด นางจักทำร้ายนกกระเรียนมงกุฎแดงตัวนี้เพื่อสร้างลางร้ายให้จวนเพราะเหตุใด ? ”
ทหารยามกล่าวเพียงว่าเห็นอันหลิงเกอเดินผ่านมาทางนี้ หลี่ซื่อกลับบอกว่าอันหลิงเกอเป็นคนสังหารนกกระเรียนมงกุฎแดง
นางทำเหมือนพูดดีเพื่อช่วยอันหลิงเกอ แต่ในความเป็นจริงกำลังโยนความผิดให้เต็ม ๆ โดยบอกว่าอันหลิงเกอสังหารนกกระเรียนมงกุฎแดงตัวนี้ หรืออันหลิงเกอเป็นตัวอัปมงคลนั่นเอง
ทหารยามกล้าเถียงได้เยี่ยงไร เขาได้แต่ก้มหน้าแล้วปล่อยให้หลี่ซื่อต่อว่า
ตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็เปิดปากอีกครั้ง “ช่างเถิด วันนี้ข้ายังมิได้พบเกอเอ๋อเลย สู้ไปหานางที่เรือนดีกว่า”
ฮูหยินผู้เฒ่ารักสงบ แม้แต่การคารวะยามเช้าของคนรุ่นหลังยังสั่งห้าม ยิ่งไปกว่านั้นยังมิเคยไปที่เรือนของผู้อื่นมาก่อน
ตอนนี้กลับกล่าวออกมาเอง เกรงว่าสงสัยในตัวอันหลิงเกอมากทีเดียว
ทันใดนั้นมุมปากหลี่ซื่อก็ค่อย ๆ ยกยิ้ม แต่แล้วก็รีบเก็บลงอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นนางก็ทำเพียงแสร้งเชื่อฟังและเคารพผู้อาวุโสโดยเดินตามฮูหยินผู้เฒ่ามายังเรือนของอันหลิงเกอ
พวกสาวใช้ โมโม่และทหารยามมิกล้าขัดคำสั่ง คนกลุ่มหนึ่งจึงเดินมายังเรือนฉีอู๋อย่างยิ่งใหญ่
ฮูหยินผู้เฒ่าเดินมาถึงเรือนฉีอู๋คนแรก ทว่ามิเห็นเงาของอันหลิงเกอ
“คุณหนูใหญ่อยู่ไหน ? ”
ฮูหยินผู้เฒ่าถามออกมา แต่ใบหน้ายังเรียบนิ่งมองมิเห็นอารมณ์อันใด สาวใช้เรือนฉีอู๋ก็ตอบว่า “เรียนท่านฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูใหญ่ถูกคุณหนูสามเชิญไปพบตั้งแต่เช้าตรู่ จนถึงตอนนี้ยังมิกลับมาเจ้าค่ะ”